บทที่ 172 ผู้ชายที่คาดไม่ถึง
เธอดิ้นรนอย่างหนัก แต่ก็ยังสู้แรงของป่ายฉีไม่ได้
เธอเห็นเขาเปิดฝาขวดออก แล้วใช้นิ้วมือควักยาในขวดออกมา แล้วยื่นมือมาทางเธอ
“!!!”
คนคนนี้เป็นคนบ้าจริงๆด้วย
เย้นหว่านกลัวจนตัวเกร็ง เธอเห็นมือของป่ายฉีที่มียาติดอยู่ใกล้ตัวเธอเข้ามาเรื่อยๆ
แค่พริบตาเดียว ก็มาอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว
ตายแน่ๆ
เธอจะต้องมาตายในมือของป่ายฉีจริงๆเหรอเนี่ย
เย้นหว่านหวาดกลัวและสิ้นหวังมาก เธอตาโตขึ้นมาทันที เมื่อเห็นป่ายฉีทายาลงบนแผลที่ยังไม่หายดีของเธอ
เธอรู้สึกไม่เหมือนตอนที่เธอทำแผลในแต่ละวัน เพราะไม่รู้สึกเจ็บหรือแสบที่แผลเลย แต่กลับรู้สึกเย็นๆตรงแผล
หลังจากนั้น เธอก็เห็นป่ายฉีควักยาออกมาอีก ก่อนจะทาไปตามแผลอื่นๆบนร่างกายของเธอ
คนบ้าคนนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่นะ
“วางใจได้ นี่เป็นยาที่ใช้ในการรักษาแผลของคุณ สรรพคุณของมันดีกว่ายาทั่วไปสิบเท่า ผมเชื่อว่า พรุ่งนี้แผลของคุณส่วนใหญ่น่าจะหายเป็นปกติได้”
ป่ายฉีพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ท่าทางตอนทายาให้เธอก็จริงจังมากด้วย
เย้นหว่านรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งเล่นรถไฟเหาะมา เจ้าบ้านี่ไม่ได้จะมาทำร้ายเธอหรอกเหรอ
ทำไมถึงได้เอายารักษาแผลมาให้เธอล่ะ
เธอมองหน้าเขา แล้วรู้สึกประหลาดใจมาก
ป่ายฉีเห็นเย้นหว่านกำลังเหม่อ จึงค่อยๆปล่อยมือออกจากปากของเย้นหว่านช้าๆ
พอเห็นว่าเย้นหว่านไม่ตะโกนร้องออกมา เขาถึงได้โล่งใจ ก่อนจะใช้สองมือช่วยเย้นหว่านทายาต่อ
และแน่นอน ว่าเขาแค่ทาบริเวณด้านนอกเท่านั้น
หลังจากทาเสร็จ สายตาของเขาก็จ้องมองไปที่คอเสื้อ ก่อนจะพูดขึ้นมายิ้มๆ
“ด้านในยังมีแผลอยู่ใช่ไหม จะให้ผมช่วยทาด้วยไหม”
“ถอยไปเลย คนลามก”
เย้นหว่านด่าไปด้วยหน้าแดงไปด้วย ก่อนจะรีบขยับตัวหนีไปนั่งอีกฝั่งของเตียง เพื่อรักษาระยะห่างกับป่ายฉีให้มากที่สุด
แต่เธอก็ไม่ได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแล้ว
เธอแค่มองหน้าเขาอย่างระวังตัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่ มีจุดมุ่งหมายอะไรถึงทำแบบนี้”
“ผมแค่เอายามาให้คุณทาเท่านั้นเอง”
ป่ายฉีโบกมือที่ถือยาไว้ไปมา ดูท่าทางเหมือนจะมีความจริงใจมาก
เย้นหว่าเบ้ปาก
คนบ้าคนนี้ เชื่อเขาไม่ได้
“ในเมื่อยาก็ให้แล้ว งั้นคุณก็กลับไปได้แล้ว”
เธอรีบไล่แขกกลับทันที
ป่ายฉีทำสีหน้าเหมือนถูกทำร้ายจิตใจมาก “เย้นหว่านผู้น่ารัก ทำไมคุณถึงได้ใจร้ายขนาดนี้ล่ะ ผมอุตส่าห์เอายามาให้คุณ แต่คุณกลับไม่ขอบคุณผมสักคำ อย่างน้อยก็เอาน้ำให้ผมดื่มสักแก้วก่อนจะกลับก็ยังดี”
“ที่นี่ไม่มีน้ำค่ะ”
เย้นหว่านพูดปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ตอนนี้เธอคิดแค่อยากให้ป่ายฉีออกไปเร็วๆ
ป่ายฉีเบะปาก แล้วชี้มือไปที่โต๊ะเครื่องดื่มในห้อง “เครื่องดื่มออกจะเยอะขนาดนั้น คุณคิดว่าผมตาบอดหรือไง”
คำพูดโกหกถูกเปิดโปง ทำให้เย้นหว่านหน้าแดงขึ้นมาทันที
หลังจากนั้น เธอก็พูดด้วยสีหน้าระวังตัว “ยังไงฉันก็ไม่ต้อนรับคุณ คุณรีบกลับไปซะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะตะโกนเรียกคนในบ้านแล้วนะ โห้หลีเฉินจะต้องอยู่ใกล้ๆแน่นอน”
สักพัก เย้นหว่านก็พูดเสริมขึ้นมาอีกประโยค “คุณสู้เขาไม่ได้หรอก”
ป่ายฉี “…”ใครบอกว่าเขาสู้ไม่ได้ ครั้งที่แล้วพวกเขาเสมอกันหรอก
ในใจรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา แต่ป่ายฉีกลับสูดหายใจเข้าลึก เพื่อควบคุมอารมณ์โมโหของตัวเองไว้
ที่เขามาเพราะต้องการจะขอคืนดี ไม่อยากทะเลาะกับเย้นหว่านอีก
ดังนั้น เขาจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “พูดถึงโห้หลีเฉิน ตอนที่ผมมาถึง ผมเห็นน้องสาวของคุณกำลังยั่วเขาอยู่”
“คุณอย่าพูดบ้าๆนะ”
เย้นหว่านขมวดคิ้ว และพูดต่อว่าอย่างไม่พอใจ
เธอยิ่งไม่ต้อนรับป่ายฉีมากขึ้นไปอีก นี่เขาไม่ทำเรื่องผีบ้าแล้ว แต่เริ่มกลายเป็นพวกชอบพูดไปเรื่อยแล้วเหรอเนี่ย
“ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องไม่เชื่อ นี่โชคดีนะที่ผมเดาได้ก่อน ก็เลยถ่ายวิดีโอไว้ด้วย”
ป่ายฉียักคิ้วอย่างได้ใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโยนไปให้เย้นหว่าน
ในโทรศัพท์ กำลังอยู่ในโปรแกรมวิดีโอพอดี
เย้้นหว่านยังคงไม่ไว้วางใจป่ายฉี เธอยังคงระแวงว่าเขาจะใช้วิธีอะไรมาแกล้งเธออีก แต่พอเห็นว่าในวิดีโอเป็นภาพบรรยากาศในห้องหนังสือของโห้หลีเฉิน
ตอนนี้โห้หลีเฉินกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องนั้น หรือว่าป่ายฉียังแอบไปดูเขามาเหมือนกัน
แค่คิดขึ้นมา เย้นหว่านก็รู้สึกขนลุกซู่ และเริ่มรู้สึกเป็นห่วงโห้หลีเฉิน
เพื่อจะได้เข้าใจสถานการณ์ชัดเจน เธอจึงกดเล่นวิดีโอนั้นทันที
แต่ยิ่งดูวิดีโอ เธอก็ยิ่งตกใจ จนคิ้วขมวดกันแน่นยิ่งขึ้น
ในวิดีโอได้บันทึกไว้ทั้งหมดว่าเย้นซินยั่วยวนโห้หลีเฉินยังไงบ้าง จงใจใส่ชุดกระโปรงสีฟ้าของเธอ จงใจขึ้นไปบนบันได แต่ไม่ได้เลือกหนังสือแค่รอการมาถึงของโห้หลีเฉิน แล้วจงใจลื่นล้มลงมา จนสามารถเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา…
เพราะเป็นการแอบถ่ายจากนอกหน้าต่าง ดังนั้นทุกการกระทำของเย้นซิน ล้วนแต่ถูกถ่ายไว้จนหมด
“เป็นไปได้ยังไงกัน…”
เย้นหว่านจับโทรศัพท์ไว้ เธอรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
โห้หลีเฉินได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของเธอ เย้นซินที่เป็นน้องสาวของเธอ ทำไมถึงได้กล้ายั่วยวนพี่เขยของตัวเองอย่างนี้ล่ะ
“วิดีโอนี้คุณตัดต่อมาหรือเปล่า”
“ผมไม่ได้สนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้ของพวกคุณ และผมก็เป็นหมอ ไม่ใช่นักตัดต่อวีดีโอ”
ป่ายฉีสีหน้าเฉยชา
พอมองชุดที่เย้นซินใส่ในวิดีโอ เป็นชุดที่เธอเพิ่งจะเอาให้เย้นซินยืมไม่เมื่อไม่กี่วันก่อน ถึงป่ายฉีจะคิดสร้างเรื่องขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่สามารถทำวิดีโอขึ้นมาในระยะเวลาสั้นๆแบบนี้ได้
ความหวังสุดท้ายที่เย้นหว่านมี หายไปในชั่วพริบตา
“น้องสาวที่คิดไม่ซื่อแบบนี้ ส่งกลับไปให้เร็วจะดีกว่านะครับ”
ป่ายฉีพูดเตือน ก่อนจะยัดยาขวดนั้นไว้ที่มือของเย้นหว่าน “อย่าลืมทายานะครับ เดี๋ยวครั้งหน้าผมจะมาเยี่ยมคุณใหม่”
พอบอกลากับเย้นหว่านเสร็จ ป่ายฉีก็ปีนออกไปทางหน้าต่างอีกครั้ง
ก่อนจะกระโดดลงไป แล้วหายไปจากสายตาของเธออย่างรวดเร็ว
เย้นหว่านมองเหม่อไปทางหน้าต่าง ครั้งนี้ป่ายฉีไม่ได้ทำอะไรเธอจริงๆ ทำให้เธอลดระดับการระวังตัวจากป่ายฉีลงไปไม่น้อย
แต่กลับต้องมาปวดหัวกับอีกเรื่องหนึ่ง
เย้นซิน นี่เธอคิดแบบนี้กับโห้หลีเฉินเหรอเนี่ย
ไม่ควรจะให้เธออยู่ที่นี่ต่อไปแล้วจริงๆ
เย้นหว่านจัดการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว เธอทำการโทรเรียกเย้นซินมาหาเธอที่ห้องก่อนที่เย้นซินจะออกไปข้างนอก
เย้นซินยังคงใส่ชุดกระโปรงสีฟ้าเหมือนเดิม บนใบหน้าของเธอแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอาง ทาลิปสติกสีแดงเข้ม ดูแตกต่างจากปกติ ดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม
แต่ถ้ามองอย่างละเอียดจะพบว่า ตาของเธอบวมแดงเล็กน้อย เหมือนเพิ่งร้องไห้มาไม่นาน
“พี่คะ พี่เรียกฉันมามีอะไรหรือเปล่า”
ใบหน้าของเย้นซินยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปหาเย้นหว่านที่นั่งอยู่บนเตียง
ถ้าป่ายฉีไม่ได้พูดเตือนก่อน เย้นหว่านคงไม่มองอย่างละเอียด และถูกหลอกไปแล้ว
เย้นหว่านมองหน้าเย้นซินนิ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมา “พี่โทรคุยกับแม่แล้ว จะว่าไปแล้วท่านก็คิดถึงเธอมาก น้องปิดเทอมกลับมาก็นานแล้ว ควรจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่บ้างแล้ว”
“ฉันไม่กลับ”
เย้นซินรีบปฏิเสธออกมาโดยไม่คิดทบทวน พอพูดเสร็จถึงจะรู้สึกว่าตัวเองพูดเร็วเกินไปโดยไม่ได้คิด จึงรีบพูดแก้ตัว
“พี่คะ ตอนนี้พี่ยังบาดเจ็บอยู่ ขยับตัวไม่ค่อยสะดวก ฉันอยู่ดูแลพี่ไงคะ”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เย้นหว่านคงจะเชื่อในสิ่งที่เธอพูดไปแล้ว
แต่ว่าตอนนี้…
เย้นหว่านส่ายหน้า “พี่ดีขึ้นมากแล้ว เธออยู่ที่นี่ต่อก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
“แต่ว่า…”
“เอาล่ะ ตกลงตามนี้แล้วกัน พรุ่งนี้พี่จะให้คนส่งเธอกลับไป เธอไปจัดกระเป๋าเถอะ”
เย้นหว่านพูดขัดคำพูดของเย้นซิน และพูดอย่างหนักแน่น