บทที่ 179 ฉันต่างหากที่เป็นลูกสาวแท้ๆของตระกูลเย้น
หลังจากฉีดยาเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นยืน แล้วถือกล่องปฐมพยาบาลเดินออกไปจากห้องทันที
“พี่สะใภ้ ผมกลับก่อนนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
เย้นหว่านมองแผ่นหลังของฉินฉู่เดินจากไป ที่เขาไม่อยู่ที่นี่นาน ก็เพราะอยากจะไว้หน้าให้เย้นซินบ้าง
ฤทธิ์ยาเห็นผลเร็วมาก หลังจากที่เย้นซินได้รับยาแล้ว เธอก็ค่อยๆสงบลง
แววตาที่หลงใหลกลับมาเป็นปกติ
สักพัก เธอก็ได้สติกลับมา
พอเห็นเย้นหว่านอยู่ตรงหน้า เธออุทานออกมาอย่างตกใจ “พี่คะ ทำไมพี่มาอยู่นี่ได้ล่ะ”
“ถ้าไม่ใช่พี่ เธอคิดว่าจะเป็นใครที่อยู่ที่นี่”
เย้นหว่านถามกลับ สายตาที่เธอใช้มองเย้นซินเฉียบคมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เย้นซินมีอาการร้อนตัว ก่อนจะมองไปรอบห้อง แล้วเข้าใจขึ้นมาในทันที
โห้หลีเฉินจากไปแล้ว
เย้นหว่านมาช่วยเธอแก้ฤทธิ์ยา
แผนการในคืนนี้ของเธอ ล้มเหลวไม่เป็นท่า
เธอรู้สึกผิดหวังและอารมณ์เสียมาก แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว ตอนนี้เธอทำได้แค่รีบพูดแก้ต่างให้ตัวเอง
เย้นซินรีบร้องไห้ออกมา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวและเสียใจมาก
“ขอโทษนะคะพี่ ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ หลังจากที่ฉันกลับมาถึงห้อง ร่างกายมันก็เริ่มรู้สึกร้อนจนทรมาน ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ นี่ฉันโดนคนวางยามาหรือเปล่าคะ”
ในบ้านพักมีกันแค่สามคน ถ้าไม่ใช่เย้นหว่านก็โห้หลีเฉิน จะเป็นใครได้ล่ะ
และถึงแม้จะถูกคนข้างนอกวางยา ทำไมถึงได้วางยาเย้นซินล่ะ
มันจะบังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ
เย้นหว่านมองการแสดงของเย้นซิน คิ้วที่ขมวดเข้าหากันยิ่งแน่นขึ้น ทำไมเมื่อก่อนเธอถึงไม่รู้เลย ว่าน้องสาวคนนี้แสดงละครเก่งถึงขนาดนี้
เธอพูดเสียงดุ “เย้นซิน เธอทำอะไรไว้บ้าง อย่าให้พี่ต้องพูดออกมา คืนนี้เธอเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย พรุ่งนี้เช้าพี่จะให้คนไปส่ง”
พอพูดเสร็จ เย้นหว่านก็ไม่อยากจะอยู่ใกล้เย้นซินนานๆ อีกทั้งกลิ่นในห้องนี้ทำให้เธอรู้สึกอยากจะอ้วกด้วย
เธอลุกขึ้นยืนทำท่าจะเดินออกไป
เย้นซินมองแผ่นหลังที่แสนเด็ดเดี่ยวของเย้นหว่าน สีหน้าของเธอชะงักไป
เธอรู้อยู่แล้วว่า เย้นหว่านจะต้องไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดแน่ๆ
ในเมื่อเป็นอย่างนี้ สีหน้าของเย้นซินก็กลายเป็นดุร้ายและเย็นชา ก่อนจะตะโกนเรียกออกไป
“เย้นหว่าน”
ทั้งชื่อทั้งนามสกุลถูกเรียกด้วยเสียงแหลมคมไร้ความอ่อนโยน
ตลอดมาเย้นซินแสดงท่าทีเป็นน้องสาวที่แสนน่ารักและเชื่อฟัง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอใช้เสียงแหลมแบบนี้เรียกชื่อเย้นหว่าน
เย้นหว่านหยุดเดิน แล้วหันกลับมามองเย้นซิน
ในเวลานี้ สีหน้าของเย้นซินเปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีท่าทีน่ารักเหมือนปกติ และไม่มีท่าทางน่าสงสารเหลืออยู่เลย แต่กลับมีแต่สายตาเคียดแค้นที่มองมาทางเย้นหว่าน เหมือนกำลังมองหน้าศัตรูคู่แค้นอยู่
เย้นซินดึงผ้าปูที่นอนออก แล้วใส่เสื้อผ้าใหม่ ก่อนจะลุกขึ้นมาจากพื้น
เธอถลึงตาใส่เย้นหว่าน ด้วยอารมณ์บ้าคลั่ง “เธอมีสิทธิ์อะไรถึงได้คิดจะส่งจะกลับไป”
เย่นหว่านย่นคิ้ว แต่ยังไม่พูดอะไร เย้นซินพูดต่อไม่หยุด
“ฉันต่างหากที่เป็นลูกสาวแท้ๆของตระกูลเย้น เธอมันก็แค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง เธอเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ของฉันรับเธอมาเลี้ยง เธอก็ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง แล้วเธอมีสิทธิ์อะไร เธอมันก็แค่ลูกเลี้ยง แต่กลับได้แต่งงานกับคุณโห้หลีเฉิน”
เย้นซินพูดเสียงแหลม ก่อนจะถลึงตาใส่เย้นหว่านอย่างไม่พอใจ จนลูกตาแทบจะกระเด็นออกมา
“ฉันต่างหากที่เป็นลูกสาวแท้ๆของตระกูลเย้น ฐานะของฉันสูงส่งกว่าเธอตั้งเยอะ คนที่ควรจะได้แต่งงานกับคุณโห้หลีเฉิน ก็ควรจะเป็นฉันมากกว่า”
เย้นหว่านมองหน้าเย้นซินด้วยสีหน้าตกตะลึง เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เย้นซินจะมีความคิดแบบนี้
ในสายตาของเย้นซิน ที่แท้เธอก็ไม่เคยคิดว่าเย้นหว่านเป็นพี่สาวของเธอเลย คิดแต่ว่าเย้นหว่านเป็นแค่ลูกเลี้ยง เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกรับมาเลี้ยง ไม่มีสิทธิ์จะยืนอยู่กับเธอ
ที่แท้ เย้นซินก็ดูถูกเธอมาตลอด
ความรู้สึกเจ็บในหัวใจ ทำให้ขอบตาของเย้นหว่านเริ่มร้อน เสียงของเธอสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
“เย้นซิน หลายปีมานี้ เธอเรียกฉันว่าพี่ ฉันก็คอยดูแลเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ ฉันไม่ดีกับเธอหรือไง”
“นั้นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ”
เย้นซินโต้กลับ สีหน้าของเธอบอกว่าควรจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว “พ่อแม่ของฉันเลี้ยงดูเธอมา เธอก็ควรจะชดใช้บุญคุณพวกท่าน ด้วยการดูแลฉันให้ดี”
เย้นหว่านตัวสั่นเบาๆ
เย้นซินทำท่าทางเหมือนได้รับชัยชนะ ทำตัวได้ใจเหมือนนกยูง ค่อยๆเดินเข้าไปหาเย้นหว่านช้าๆ
“ดังนั้น เย้นหว่าน ทุกสิ่งที่เป็นของเธอควรจะเอามาให้ฉัน คนที่โห้หลีเฉินจะแต่งงานด้วย ก็ควรจะเป็นฉัน ที่เป็นลูกสาวแท้ๆของตระกูลเย้น เธอต้องยกเขาให้ฉัน”
เธอพูดออกมาตรงๆ โดยไม่ปิดบังอะไรอีก
แย่งมาโดยไม่รู้สึกผิด
เย้นหว่านยืนมองสีหน้าร้ายกาจของเย้นซิน แล้วนึกถึงช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอรู้ว่าตัวเองเป็นแค่ลูกเลี้ยง เธอรู้สึกขอบคุณเย้นซวนมิ้นกับเฉียวเจียฮุ่ยอยู่ตลอด ดังนั้นเธอจึงเชื่อฟังพวกเขามา และทำตัวเป็นลูกสาวที่ดีมาตลอด
กับเย้นซินเอง เธอก็รักและเอ็นดูเธอมาก คอยตามใจเธอทุกอย่าง มีของอะไรดีๆ ล้วนแต่นึกถึงเย้นซินก่อนเป็นอันดับแรก
สามารถพูดได้ว่า เธอรักและเอ็นดูเย้นซินเหมือนน้องสาวแท้ๆของเธอ
แต่ว่า ในสายตาของเย้นซิน ที่เธอทำทั้งหมด กลับกลายเป็นสิ่งที่เธอควรทำ เป็นสิ่งที่เธอติดหนี้เธอ
ถ้าจะพูดว่าติดหนี้ ที่เย้นหว่านติดหนี้ก็ควรจะเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงเธอมา ไม่ใช่เย้นซิน แต่ความดีทุกอย่างที่เน้นหว่านมีให้กับเย้นซิน กลับโดนทำเหมือนเป็นสิ่งที่เธอควรจะทำไปซะแล้ว
ความหวังดีทุกอย่าง ถูกเหยียบย่ำอย่างไร้ความปราณี
เย้นหว่านรู้สึกหนาวใจ “เย้นซิน ถึงแม้ฉันจะเป็นแค่ลูกเลี้ยงของตระกูลเย้น แต่ฉันไม่มีเหตุผลที่จะต้องเอาทุกสิ่งที่เป็นของฉัน นกให้กับเธอ และเธอเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาขอด้วย”
เย้นซินตกตะลึง “นี่เธอ…”
“แล้วอีกอย่าง ตระกูลเย้นของเราเป็นยังไง เธอยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ คุณพ่อมีแค่บริษัทเล็กๆ ที่มีอยู่ทั่วไปในเมืองเฉิงหนาน มีสิทธิ์อะไรที่คู่ควรกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลโห้ ถ้าพูดถึงเรื่องฐานะ ไม่ว่าเธอหรือว่าฉัน ก็ไม่คู่ควรกับตระกูลโห้เลย ลูกสาวแท้ๆของตระกูลเย้นอะไรกัน คุณหนูที่แท้จริงอะไรกัน คุณหนูเขาใช้สำหรับตระกูลใหญ่ ส่วนตระกูลเย้นก็เป็นแค่ตระกูลที่พอจะมีฐานะมากกว่าคนทั่วไปก็เท่านั้นเอง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ที่ตระกูลโห้ต้องการจากตระกูลเย้น ไม่ใช่การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ แต่เพราะตระกูลโห้เลือกฉัน ตอนที่คุณย่าโห้บอกให้ฉันแต่งงานกับโห้หลีเฉิน คนแรกที่มาหาคือฉัน ถามความคิดเห็นของฉัน ถึงแม้ว่าหลังจากนี้ฉันจะไม่ได้แต่งงานกับโห้หลีเฉิน งานแต่งงานนี้ก็จะถูกยกเลิกไป ไม่มีทางที่เธอจะเข้ามาแทนที่ได้”
ความจริงทุกคำ ทับถมลงมาบนตัวของเย้นซิน
เย้นซินยืนนิ่ง สีหน้าเริ่มซีดเผือด
คำพูดของเย้นหว่าน ล้วนแต่กรีดลงบนหัวใจของเย้นซิน จนไม่สามารถมองข้ามได้
ถึงแม้เย้นซินจะไม่อยากยอมรับมากเพียงใด แต่ด้วยฐานะและตำแหน่งของตระกูลเย้น ล้วนแต่ไม่มีสิทธิ์แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลโห้ได้เลย
ดังนั้น ตอนที่รู้ว่าเย้นหว่านจะได้แต่งงานกับโห้หลีเฉิน เย้นซินถึงได้ตกใจมาก และยังเคยคิดว่า เย้นหว่านกับโห้หลีเฉินกำลังคบกันอยู่ ถึงได้กลายเป็นเจ้าหญิงในชั่วพริบตาแบบนี้
แต่พอรู้ว่าเป็นการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ เธอถึงได้คิดเห็นแก่ตัวขึ้นมา
เธอคิดว่าแค่ฐานะลูกสาวแท้ๆของตระกูลเย้น เธอจะสามารถแทนที่เย้นหว่านได้…
“ไม่ ฉันไม่เชื่อ เธอโกหกฉัน เธอเป็นแค่เด็กกำพร้า คุณนายใหญ่ตระกูลโห้จะเลือกเธอได้ยังไงกันทำไมโห้หลีเฉินถึงได้เลือกเธอ ฉันไม่เชื่อ”
เย้นซินกรีดร้องเสียงแหลม เหมือนใกล้จะสูญเสียทุกอย่างไป
เย้นหว่านเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงถูกเลือก นี่เป็นเรื่องที่เธอสงสัยมาโดยตลอด