บทที่ 205 ใกล้ชิดสนิทสนม
เธอถือของเข้าห้องอย่างไม่สบายใจ หลังจากนั้นจึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งข้อความหาฉูรั่วไป๋ทางวีแชท
“คุณฉู ขอโทษด้วยนะคะ ฉันลืมถามคุณว่าของพวกนี้ราคาเท่าไหร่? เดี๋ยวฉันจะโอนเงินให้คุณ”
ด้านฉูรั่วไป๋ที่พึ่งเดินมาถึงลิฟต์ก็ได้ยินเสียงข้อความดังขึ้น
เมื่อเปิดดูแล้วก็พบว่าเป็นข้อความจากเย้นหว่าน
เมื่อเห็นเนื้อหาในข้อความแล้วเขาก็ยกยิ้มแล้วหัวเราะออกมา
เพื่อให้ได้แชทกับเขาเย้นหว่านเธอก็เอาเรื่องเงินมาเป็นข้ออ้างได้อย่างเป็นธรรมชาติ ช่างสรรหาวิธีอย่างลำบากจริงๆ
ทว่าเขากลับเป็นคนที่ไม่ชอบพูดความรู้สึกผ่านหน้าจอโทรศัพท์เท่าไหร่
ด้วยเหตุนี้ฉูรั่วไป๋จึงได้ปิดหน้าจอแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินออกจากลิฟต์ไปด้วยท่าทางสง่า
ด้านเย้นหว่านที่ไม่เห็นมีข้อความตอบกลับมาเธอจึงคิดว่าฉูรั่วไป๋คงกำลังยุ่งอยู่ เธอจึงไม่ได้เร่งรัดเขา
ยังมีเวลาที่ต้องเจอกันอีกเยอะ เอาไว้เธอมีโอกาสไว้ค่อยถามเขา
เย้นหว่านไม่ได้เปิดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวก่อน แม้ว่าของเหล่านี้จะไม่ใช้แบรนด์ปกติที่เธอใช้ แต่ว่าในระยะเวลาสั้นๆ ผลลัพธ์คงจะไม่ต่างกันมากหรอก
เสื้อผ้าก็พอดีตัวไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป
เย้นหว่านจึงได้ถอดเสื้อผ้าออกก่อนเพื่อจะได้ลองชุด
ชุดกระโปรงสีแดงที่ยาวถึงเข่า ทั้งยังดูเรียบง่าย เป็นการออกแบบที่ดีมาก มันดูเหมาะกับเธอมาก
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ไซส์ก็กำลังพอดี!
เย้นหว่านมองชุดสวยที่พอดีตัวในกระจก เธออดที่จะแปลกใจไม่ได้ ฉูรั่วไป๋เลือกถูกได้ยังไง ทำไมเขาถึงคาดคะเนไซส์ได้เหมาะขนาดนี้?
ขนาดเพื่อนร่วมงานยังดูเหมือนว่าจะไม่รู้ไซส์ของเธอเลยด้วยซ้ำ……
เย้นหว่านรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก หรือว่าเขาเพียงแค่โชคดีที่สุ่มเลือกไซส์มาถูกพอดีงั้นเหรอ?
—
พลบค่ำ
เย้นหว่านและหวางกวนจิ้งพร้อมกับกลุ่มคน ออกเดินทางจากโรงแรมไปยังบาร์ที่จองไว้
นี่เป็นบาร์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเจียง บรรยากาศครึกครื้นมีชีวิตชีวา ทั้งยังดูหรูหรา ด้านในเต็มไปด้วยชายหนุ่มและหญิงสาวมากหน้าหลายตา ทุกคนต่างก็พากันสนุกสนานกับบรรยากาศ
พวกเขาจองชั้นดาดฟ้าที่แยกโซนเอาไว้ที่ชั้นสามซึ่งเป็นชั้นที่อยู่สูงสุด บนนั้นจะสามารถมองลงมาเห็นบรรยากาศการเต้นที่ดูสนุกสนานนี้ ทั้งยังสามารถอยู่กันเป็นกลุ่มแบบส่วนตัวไม่ถูกรบกวนได้ด้วย
คนที่มา นอกจากดีไซเนอร์จากโห้ถิงกรุ๊ปแล้ว ก็ยังมีดีไซเนอร์ที่ทางเมืองเจียง ส่งมาด้วย มีคนอยู่มากกว่ายี่สิบคนที่อยู่รวมในกลุ่ม
การอยู่ร่วมกันยิ่งทำให้บรรยากาศครึกครื้นมากยิ่งขึ้น
อยู่ในแวดวงการเดียวกัน ทั้งยังต้องร่วมกิจกรรมด้วยกันในช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้ทุกคนยิ่งทำความรู้จักซึ่งกันและกันและยังคุ้นเคยกันด้วยเวลาอันรวดเร็ว
แม้ว่าเย้นหว่านจะได้นอนพักในช่วงบ่ายแล้ว แต่ในใจเธอก็อดที่จะนึกถึงเรื่องของโห้หลีเฉินไม่ได้จึงทำให้พักผ่อนได้ไม่เต็มที่นัก
ในขณะนี้สภาพจิตใจของเธอเองก็ไม่ได้ดีมากนัก เพียงแค่พยายามแบกรับมันเอาไว้ก็เท่านั้น
ในครั้งแรกที่ทำความรู้จักกันก็จะมีการรินเหล้าทักทายตามหลักวิธี
คนของเมืองเจียงหลังจากที่แนะนำตัวกัน เราก็จะดื่มให้กัน
เย้นหว่านที่แต่เดิมก็ดื่มไม่เก่งอยู่แล้ว จึงได้รินน้ำส้มแล้วดื่มน้ำส้มแทน
แต่ทว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่ยอม
“เย้นหว่าน มาดื่มเหล้าเถอะ อย่าเอาแต่ดื่มน้ำส้มเลย อย่างน้อยดื่มค็อกเทลก็ได้ อ่ะนี้ แอลกอฮอล์ไม่สูงมาก”
ชายหนุ่มยื่นค็อกเทลสีฟ้าแก้วหนึ่งมาให้สับเปลี่ยนแทนน้ำส้มที่อยู่ในมือของเย้นหว่าน
เย้นหว่านรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย “ฉันดื่มไม่เก่งจริงๆ ค่ะ ฉันดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้”
“เอาน่า ดื่มนิดเดียวเอง ให้มันเป็นที่ระลึกสักหน่อย”
ชายหนุ่มยังคงคะยั้นคะยอให้เธอดื่ม
คนอื่นๆ อีกด้านก็ร้องโห่ขึ้นมา “ใช่ ๆ ดื่มสักหน่อยให้เป็นที่ระลึกน่า ทุกคนต่างก็อยากสนุกสนานกันทั้งนั้นแหละ”
เสียงจากรอบข้างดังขึ้น ยิ่งมีเสียงดังหนวกหูก็ยิ่งทำให้เย้นหว่านปวดหัวมากขึ้น
เธอทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่ยืนนิ่งถือแก้วค็อกเทล “เดี๋ยวฉันดื่มก็ได้”
“โอเค”
ชายหนุ่มเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงชนแก้วกับเย้นหว่าน
หลังจากที่เย้นหว่านดื่มไป เธอก็คิดว่าคงจะจบเรื่องแล้ว ทว่ากลับมีผู้ชายอีกคนเข้ามาชนแก้วอีก
และก็ยังเป็นสถานการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นอีกซ้ำๆ “เย้นหว่าน พวกเรามาชนแก้วกัน”
นั่นจึงทำให้เย้นหว่านต้องชนแก้วและดื่มอีกหลายต่อหลายครั้ง
แม้ว่าคนที่อยู่บริเวณนี้จะมีเพียงยี่สิบกว่าคน ทว่าการดื่มแสดงความเคารพก็ยังไม่เสร็จเพียงครั้งเดียว พวกเขาต่างก็พากันดื่มแสดงความเคารพวนไปมาอยู่อย่างนั้น
เย้นหว่านถูกบังคับให้ดื่มค็อกเทลไปอีกหลายแก้ว
ไม่นานหน้าเธอก็แดงและเริ่มเวียนหัวหนักขึ้น
แต่ว่าบนโต๊ะก็ยังดื่มแสดงความเคารพกันไม่เสร็จ ทั้งยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งหยิบเหล้ามาส่งให้ตรงหน้าเย้นหว่าน
“มา พวกเรามาดื่มกันเถอะ”
จริงๆ แล้วเย้นหว่านไม่กล้าดื่มเยอะ จึงได้รีบส่ายหัว “ฉันเมาแล้วค่ะ ดื่มไม่ไหวแล้ว คุณดื่มกับพวกเขาเถอะ”
ชายหนุ่มคนนั้นไม่เห็นด้วย “มีอย่างที่ไหนมาบอกว่าตัวเองเมาแล้วล่ะครับ มา ผมดื่มแก้วหนึ่ง คุณจิบนิดนึง แบบนี้ได้ไหมครับ?”
เย้นหว่านพูดไม่ออก คืนนี้เธอก็จิบอย่างนี้คำแล้วคำเล่า เธอไม่รู้เลยว่าเธอดื่มไปเยอะแค่ไหนแล้ว
และผู้ชายตรงหน้าคนนี้เองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเธอดื่มไปกี่ครั้งแล้ว
คนดื่มเหล้าเหล่านี้ ก็ถือว่าน่ากลัวอยู่มาก
ด้วยอาการปวดหัวของเย้นหว่านทำให้เธอถึงกับกุมขมับตัวเอง เธอไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าเธอถือโอกาสปฏิเสธออกไปอาจเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมากที่สุด ถ้าเธอดื่มมันเข้าไปแล้วเธอต้องเมาแน่
เธอเกลียดความรู้สึกตอนที่เมาอาเจียนแล้วภาพตัด มันเป็นความรู้สึกที่ทรมาน
เย้นหว่านไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าเวลานี้เธอควรทำอย่างไรดี ในขณะนั้นเองแก้วเหล้าในมือเธอก็ถูกมือใหญ่ของใครอีกคนคว้าไปแทน
ฉูรั่วไป๋นั่งลงข้างเย้นหว่าน ในมือถือแก้วค็อกเทลของเย้นหว่านที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง
เขายกแก้วเหล้าขึ้นมา “อาเหอ เหล้าแก้วนี้เดี๋ยวฉันขอช่วยดื่มให้เธอได้ไหม?”
“ได้ได้ เพียงแต่คุณอย่าเพียงแค่จิบนะ”
“แน่นอน”
ฉูรั่วไป๋ยิ้มอย่างสุภาพ หลังจากนั้นก็ยกแก้วขึ้นชนกับชายหนุ่มคนนั้น ก่อนจะดื่มค็อกเทลที่เหลืออยู่เพียงอึกเดียว
เย้นหว่านที่อยู่ข้างๆ ถึงกลับยืนเหม่อ มองดูแก้วเปล่าที่อยู่ในมือฉูรั่วไป๋หน้าก็แดงขึ้นเล็กน้อย
ที่พึ่งดื่มไปเขาดื่มมันเพื่อเธอ……
ทว่าฉูรั่วไป๋ก็ไม่ได้ถามอะไร เขาเพียงให้ชายตรงหน้าออกไปจากนั้นจึงหันมามองเย้นหว่าน
“หน้าคุณดูแดงๆ นะ เมาแล้วเหรอ?”
เย้นหว่านส่ายหน้า ทั้งยังพยักหน้าด้วย “นิดหน่อยค่ะ ยังโอเคดีอยู่”
“งั้นก็อย่าดื่มอีกเลยครับ”
ฉูรั่วไป๋สรุปให้ในทันที
เมื่อคิดว่าคืนนี้ฉูรั่วไป๋ดื่มเหล้าครึ่งแก้วนั้นแทนเย้นหว่าน ช่วยเย้นหว่านให้ไม่ต้องดื่มอีก ในใจของเย้นหว่านก็รู้สึกตื้นตันใจมาก
เธอมองดูเขาด้วยสายตาขอบคุณ “เมื่อครู่ขอบคุณนะคะ”
“ยื่นมือมาสิครับ”
ฉูรั่วไป๋ยิ้มบาง ทันใดนั้นเค้าก็โน้มตัวลงมาด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อให้เข้าใกล้เย้นหว่านขึ้นมาอีก
บนตัวของชายหนุ่มมีกลิ่นแอลกอฮอล์ เป็นกลิ่นที่ถ้าดมเข้าไปก็ทำให้มึนได้เหมือนกัน
เย้นห่านเผลอเกร็งร่างกายตัวเองอย่างไม่รู้ตัว พลางก้าวถอยหลังออกไปแล้วมองฉูรั่วไป๋อย่างสงสัย
ฉูรั่วไป๋ยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนเอ่ยกระซิบเสียงเบา
“คืนนี้พวกเขายังไม่รู้ว่าจะเล่นสนุกอีกเมื่อไหร่ คุณอยากจะไปก่อนไหม?”
เย้นหว่านมองไปที่กลุ่มคนขนาดใหญ่ที่กำลังเล่นกันอยู่ พวกเขาทั้งหมดต่างดูคุ้นเคยกันดี จนแยกไม่ออกว่าใครมาจากเมืองเฉิงหนานใครมาจากเมืองเจียง
เพียงดูท่าทางแล้วถ้าไม่ถึงหลังเที่ยงคืนก็คงจะไม่มีการเก็บกวาด
เย้นหว่านจึงคิดอยากจะเดินออกไป ทว่ายังรู้สึกเกรงใจอยู่ “ถ้าฉันไปตอนนี้มันอาจจะดูไม่ดี”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปกับคุณเอง”
เย้นหว่านประหลาดใจ แม้ว่าคนทั้งสองฝ่ายจะยังเล่นกันอยู่ และฉูรั่วไป๋เองก็ถือว่าเป็นตัวเอกของงานเลยด้วยซ้ำ
แล้วเขาจะไปอย่างนี้ก็ทำได้เหรอ?