บทที่ 195 ปากกาของประธาน เป็นของปลอม
วันต่อมา
โห้ถิงกรุ๊ป ในห้องทำงานของประธานบริษัท
มีคณะกรรมการบริษัทยืนเรียงกันอยู่ภายในห้อง กำลังรายงานความคืบหน้าของงาน และรอโห้หลีเฉินเซ็นอนุมัติ นี่เป็นขั้นตอนการทำงานปกติ พวกเขาเองก็มักจะต้องมายืนรวมกันในห้องนี้บ่อยๆ แต่เช้าวันนี้พวกเขากลับรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าโห้หลีเฉินอารมณ์ดีไม่น้อย
หรือจะพูดได้ว่า อารมณ์ดีกว่าปกติหลายเท่า โดยเฉพาะตอนที่เขาหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าหน้าอก แววตาของเขาจะอ่อนโยนมาก แล้วเขายังมองปากกาด้วยสีหน้ายิ้มๆ ท่าทางอารมณ์ดีผิดปกติ
บรรดากรรมการบริษัทต่างก็ตะลึงจนอ้าปากค้าง เหมือนเห็นฝนสีแดงตกลงมาจากฟ้า
พวกเขาเข้าทำงานที่บริษัทมาหลายปีแล้ว และเคยมาที่ห้องของคุณโห้หลายครั้ง แต่พวกเขากลับยังไม่เคยเห็นคุณโห้ยิ้มมาก่อน
ใบหน้าหล่อเหลานั้น ปกติจะมีสีหน้าเย็นชามาตลอดเลยไม่ใช่หรือไง
แล้วอีกอย่าง เรื่องที่น่าแปลกใจที่สุดก็คือ คุณโห้ยิ้มให้กับปากกาแบรนด์ธรรมดาอย่างแบรนด์KT เหมือนกำลังยิ้มให้คนรักอย่างนั้นแหละ
วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หรือว่าประธานจะเป็นตัวปลอม ที่ถูกเปลี่ยนตัวมาอย่างนั้นเหรอ
ทุกคนตกใจและต่างพากันจินตนาการไปหลายรูปแบบ สีหน้าของแต่ละคนตกใจเหมือนเห็นสิ่งลี้ลับ จนปิดไม่อยู่
โห้หลีเฉินนั่งสง่าอยู่ตรงเก้าอี้ ไม่ใส่ใจว่าคนพวกนี้กำลังคิดอะไรกันอยู่ เขาหมุนปากกาในมือเล่น แค่เห็นมัน เขาก็นึกถึงเย้นหว่านขึ้นมา ปากกาด้ามนี้ เป็นของขวัญชิ้นแรกที่เย้นหว่านมอบให้เขา
และยังตั้งใจสลักรูปรอยยิ้มไว้ด้วย
เป็นไปตามที่คาดไว้ เธอแอบทำความเข้าใจเรื่องของเขาอยู่เหมือนกัน นี่ไง แค่เขาเห็นรูปรอยยิ้มเขาก็อารมณ์ดีแล้ว
หลังจากนั้น เขาก็เปิดฝาปากกา แล้วเริ่มเซ็นชื่อตัวเองลงบนเอกสาร
พอเห็นลายเซ็นที่แสนเรียบลื่น สายตาของโห้หลีเฉินก็เปร่งประกาย สมแล้วที่เป็นปากกาที่เย้นหว่านเป็นคนเลือก ใช้งานได้ดีมากจริงๆ
เขายกยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจ
แต่พอจะหยิบเอกสารออก ทันใดนั้นเอง มีเสียง แตะ ก่อนที่หมึกปากกาจะหยดลงบนลายเซ็นที่เขาเซ็นไว้ น้ำหมึกหยดนั้น พอหยดลงบนกระดาษก็แตกตัวออก จนทำให้ลายเซ็นชื่อของเขาถูกหมึกเยอะจนดูไม่ออก
โห้หลีเฉินชะงักไป
บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดอย่างน่าประหลาด
บรรดาคณะกรรมการมองปากกาด้ามนั้นด้วยสีหน้าตะลึง และมองไปที่เอกสารที่เลอะไปด้วยหมึก ก่อนจะอ้าปากค้าง
ปากกาของท่านประธาน หมึกเลอะออกมาได้ยังไงกัน นี่มันเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นจริงๆ
เว่ยชีที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ตกใจเช่นเดียวกัน เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เว่ยชีตื่นตกใจ ทำไมของขวัญที่คุณเย้นให้ถึงได้หมึกเลอะได้… หรือว่าจะเป็นของปลอม
ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาเร็ว เขารีบยื่นปากกาอีกด้ามให้โห้หลีเฉิน “เจ้านายครับ เปลี่ยนมาใช้แท่งนี้ก่อนเถอะครับ”
โห้หลีเฉินมองปากกาในมือนิ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้น
หลายปีมานี้ ของที่เขาใช้ทุกอย่างล้วนแต่เป็นของที่ดีที่สุด คุณภาพดีเยี่ยม ไม่เคยมีเหตุการณ์หมึกเลอะมาก่อน
เป็นเพราะสาเหตุอะไรกัน
โห้หลีเฉินไม่สนใจปากกาที่เว่ยชียื่นมาให้ แต่เขากลับตั้งปากกาไว้ แล้วบิดปากกาออก
พอบิดออกมา หมึกทั้งหมดก็ไหลออกมา จนทำให้เลอะเต็มมือของโห้หลีเฉิน
เว่ยชีสูดหายใจเข้าลึก เขาทำงานให้โห้หลีเฉินมาหลายปี จึงเข้าใจเป็นอย่างดี นอกจากเรื่องที่ว่าโห้หลีเฉินจะใช้ของที่ดีที่สุดแล้ว เขายังเป็นพวกรักสะอาดมาก ไม่เคยแตะต้องโดนของสกปรก จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องปล่อยให้มือเลอะหมึกเลย
พอเห็นมือทั้งสองข้างที่เลอะไปด้วยหมึก เว่ยชีก็รู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่ม เขารีบยื่นกระดาษทิชชู่ไปให้ แล้วพูด “เจ้านายครับ เอามาให้ผมเถอะครับ เดี๋ยวผมเอาไปทิ้งให้”
ทิ้งให้มันไกลๆไปเลย
เขาคิดว่าสิ่งที่เจ้านายไม่อยากเห็นมากที่สุดในตอนนี้ก็คงจะเป็นปากกาด้ามนี้ และคิดจะทำลายมันทิ้งแน่ๆ
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วขึ้น เขาหลบมือของเว่ยชี แล้วจ้องหน้าเว่ยชีนิ่ง
ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “ทิ้งเหรอ นายไปที่ถังขยะหลังบริษัท แล้วเอาปากกาของตัวเองไปทิ้งซะ”
เว่ยชี “…”
ไม่ใช่สิ นี่เขาอุตสาหกรรมหวังดีจะช่วยเอาปากกาที่เลอะมือเจ้านายไปทิ้งให้ เขาทำผิดอะไร
โห้หลีเฉินที่มือเต็มไปด้วยหมึกทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัว แต่เขาก็ไม่คิดที่จะทิ้งมันไป
และยังออกคำสั่งกับเว่ยชี “ไปหาช่างซ่อมปากกามาที่นี่เดี๋ยวนี้”
เว่ยชีตกตะลึง เขายืนอึ้งอยู่ที่เดิม ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
ซ่อมเหรอ
แม้แต่เสื้อผ้าเจ้านายของเขายังใส่ครั้งเดียวแล้วทิ้ง คิดจะซ่อมของตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่สำคัญมันก็เป็นแค่ปากกาด้านหนึ่งด้วย
เขายืนมองปากกาด้ามนั้นอย่างเหม่อลอย สุดท้ายแล้วพลังของความรักก็ยิ่งใหญ่แบบนี้นี่เอง
เพราะปากกาด้านนี้คุณเย้นให้มา ถึงแม้จะหมึกเลอะ ถึงแม้จะเป็นของปลอม ก็ถูกเจ้านายรักษาไว้อย่างดี
และคนอื่นๆต่างก็ยืนตัวแข็งไปนานแล้ว พวกเขายืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิมเหมือนขอนไม้ พวกเขายืนมองโห้หลีเฉินใช้ทิชชู่เช็ดหมึกปากกาจนสะอาด
ท่าทีของเขาสง่างามมาก เหมือนกำลังเช็ดวัตถุโบราณที่ราคาสูงอยู่ ทำให้พวกเขารู้สึกว่ามันไม่ใช่ปากกาธรรมดา มันจะต้องเป็นปากกาที่มีขายจำนวนจำกัดแน่ๆ หรือไม่ก็ราคาสูงมาก
อืม จะต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ เป็นพวกเขาเองที่ตาไม่มีแวว
หลังจากนั้น ข่าวลือในบริษัทก็ลือออกมา บอกว่าท่านประธานชื่นชอบปากกามาก ถ้าจะมอบของขวัญให้พิจารณาถึงเรื่องนี้ด้วย…
หลังจากเลิกงาน เย้นหว่านนึกขึ้นได้ว่ากู้จื่อเฟยยังอยู่ที่โรงพยาบาล จึงตัดสินใจจะไปเยี่ยมเธอ
แต่หลายวันมานี้เธอมักจะเลิกงานกลับบ้านพร้อมกับโห้หลีเฉิน เธอจึงเดินลงไปรอเขาที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน
เธอมองเห็นโห้หลีเฉินเดินมาแต่ไกล เขาใส่ชุดสูทสีดำลายทาง ส่วนสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบ บรรยากาศรอบตัวดูน่านับถือ
ถึงแม้จะต้องเห็นหน้าเขาทุกวัน แต่เธอก็ยังอดที่จะเหม่อมองไม่ได้ และตรงกระเป๋าหน้าอกของเขายังหนีบปากกาไว้ด้วย ตรงด้ามปากกามีรูปรอยยิ้มสลักอยู่ ยิ่งทำให้เธอใจเต้นแรง
โห้หลีเฉินทำตามที่เขาพูดจริงๆ เขาเอาปากกาที่เธอให้ติดตัวตลอด และใช้งานมันด้วย
คนที่รู้สึกไม่เหมือนเย้นหว่าน คือเว่ยชีที่เดินตามหลังโห้หลีเฉิน พอเห็นหน้าเย้นหว่าน เขารู้สึกสับสนใจมาก
ก่อนหน้านี้ ช่างซ่อมปากกามาซ่อมแล้ว ในเวลาเดียวกัน ช่างซ่อมบอกว่าปากกาเป็นของปลอม พอได้ยินว่าเป็นของปลอม เว่ยชีแทบจะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ไม่ใช่ของแบรนด์ดังก็ช่างมันเถอะ แต่ทำไมคุณเย้นถึงได้ให้ของปลอมได้ล่ะ
เขามองไปทางโห้หลีเฉินอีกครั้ง โห้หลีเฉินเหมือนไม่ใส่ใจว่าปากกาแท่งนี้เป็นของปลอมเลย อีกทั้งยังดูแลรักษาเป็นอย่างดี เอาหนีบไว้กับกระเป๋าหน้าอกตรงจุดที่เห็นได้ชัดที่สุด
เว่ยชีมองไปทางเย้นหว่านอย่างเคืองใจ ดูสิ ว่าเธอทำให้เจ้านายของเขากลายเป็นอะไรแล้วเนี่ย ท่านประธานผู้ยิ่งใหญ่ กลับหนีบปากกาของปลอมไว้ตรงกระเป๋าหน้าอก
เขาเหนื่อยใจจริงๆ
โห้หลีเฉินเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเย้นหว่าน ก่อนจะก้มหน้ามองเธอ
“ทำไมวันนี้มาเร็วถึงขนาดนี้”
ปกติ เธอจะมาสาย เพราะมัวแต่หลบๆซ่อนๆ กว่าจะมาถึงที่รถ ส่วนใหญ่โห้หลีเฉินจะมาถึงรถก่อน
นี่เป็นครั้งแรกที่เย้นหว่านมาถึงก่อน
โห้หลีเฉินมองเธอด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ จนเย้นหว่านรู้สึกเขิน
เธอปรับเสียงให้ปกติแล้วพูด “คุณโห้คะ เย็นนี้ฉันมีธุระ คงจะกลับไปพร้อมคุณไม่ได้นะคะ”