บทที่ 215 สไตส์ผู้ชาย
โห้หลีเฉินช่วยใส่ยาให้เย้นหว่าน ริมฝีปากแดงเรื่อปริแตก แค่เห็นก็เจ็บแทนแล้ว
เขาอดเสียใจที่เมื่อกี้ทำรุนแรงไม่ได้
เขาทายาอย่างระมัดระวัง กลัวทำเธอเจ็บ
ยาเย็นๆ ทำเอาแสบแผลไม่น้อย เย้นหว่านเลยอดขมวดคิ้วไม่ได้
“เจ็บมากหรอ?” เขาถามอย่างกังวล
เย้นหว่านเหลือบตาขึ้นมอง เห็นดวงตาดำขลับคู่นั้นกำลังมองมาอย่างเป็นห่วง
ในนั้นสะท้อนภาพเธอ ดูชัดเจน ขยายใหญ่มาก
เหมือนในดวงตาเขามีแต่เธอคนเดียว
เธอรีบดึงสายตากลับมาอย่างไว พลางส่ายหน้า:
“ไม่เป็นไรหรอก”
โห้หลีเฉินยังไม่วางใจ หยิบมือถือออกมา: “ผมโทรให้หมอมาดูดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอก” ปฏิกิริยาแรกของเย้นหว่านคือคว้ามือเขา พูดละล่ำละลักว่า:
“ไม่เป็นไรจริงๆ ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องใหญ่หรอก”
มือใหญ่ของโห้หลีเฉินโดนมือเล็กของเย้นหว่านยึดไว้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย:
“แน่ใจว่าไม่เป็นไร?”
“อื้ออื้อ” เย้นหว่านพยักหน้า
โห้หลีเฉินเลยไม่โทรศัพท์อีก แต่ยังคงนั่งท่าเดิมให้เธอยุดมือไว้
เย้นหว่านรู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกพิกล แต่พูดไม่ถูกว่าแปลกตรงไหน จนผ่านไปราวห้าวินาที เธอถึงสำเหนียกได้ว่าสองมือของเธอยังจับมือเขาไว้อยู่ แถมอยู่ในสภาพกุมมือไว้อีกด้วย
ดูแล้วสนิทสนมกันสุดๆ
เธอตกใจรีบปล่อยมือ: “ขอโทษ ฉันลืมตัวไป”
โห้หลีเฉินค้นพบว่า เวลาเธอตื่นเต้นตกใจจะดูน่ารักเป็นพิเศษ
มุมปากเขายกขึ้นน้อยๆ: “ไม่ต้องขอโทษหรอก คุณอยากจับมือผมนานแค่ไหนก็ได้”
น้ำเสียงแสดงความเอ็นดูและรักใคร่อย่างปิดไม่มิด
เย้นหว่านหน้าแดงมากขึ้นไปอีก เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ทำไมเขาถึงพูดแบบนี้ล่ะ?
ยังไม่ทันหายขัดเขิน เย้นหว่านก็เห็นโห้หลีเฉินเดินไปทางห้องน้ำ เธอรู้สึกว่าเขาจะอาบน้ำ รีบลุกขึ้นหมุนตัว:
“ฉันออกไปก่อนละกัน เสร็จแล้วคุณเรียกฉันนะ”
“ดึกดื่นค่อนคืนใส่แบบนี้ออกไป?” เขาถามขึ้น
เย้นหว่านชะงักเท้าดังกึก เธอใส่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่ ไปข้างนอกดูไม่ดีเท่าไหร่
แต่ในตู้เสื้อผ้าไม่มีชุดอื่นแล้วนี่…
โห้หลีเฉินเดินเข้าไปในห้องน้ำ หมุนตัวแต่ไม่รีบปิดประตู เขายืนพิงประตู สายตาจ้องมาที่หลังเย้นหว่าน พลางว่า:
“ข้างนอกหนาว ผมไม่ว่าอะไรนะถ้าคุณจะอยู่ในนี้”
อยู่ในนี้? กระจกใสขนาดนั้น ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นะ
เย้นหว่านรู้สึกว่าไม่ดีเลยสักนิด ทำท่าจะพูดว่าเธอออกไปข้างนอกดีกว่า ก็ได้ยินเขาพูดขึ้น
“ทำไม คุณคิดว่าคุณจะดูผม? หรือคุณกลัวอดใจไม่อยู่และแอบดูผมล่ะ?” เขายิ้มบาง น้ำเสียงฟังดูปกติ แต่แฝงกระเซ้าเย้าแหย่ไว้
เย้นหว่านกำหมัดแน่น “ฉันเปล่าซะหน่อย”
“ที่จริงต่อให้คุณดู ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ” โห้หลีเฉินทิ้งไว้หนึ่งคำ และเข้าไปในที่อาบน้ำ
ได้ยินเสียงปิดประตูด้านหลัง เย้นหว่านยืนหน้าแดงอยู่ที่เดิม จะอยู่ต่อก็ไม่ใช่ จะออกไปก็ไม่ใช่
ออกไปก็เท่ากับยืนยันว่าเธออยากดูเขา? อดใจไม่ไหวเนี่ยนะ?
แต่ถ้าไม่ออกไป ห้องน้ำสามด้านเป็นกระจก ต่อให้ไม่ดู ก็ต้องได้เห็นจนได้
ดังนั้นสุดท้ายเย้นหว่านเลยอยู่ในท่าเดิม คือหันหลังให้ห้องน้ำ ยืนอยู่อย่างนั้นสิบกว่านาที
เวลาค่อนข้างนาน แถมเป็นกลางคืน ตอนกลางวันทำงานวุ่น เธอเริ่มง่วงแทบจะหลับอยู่รอมร่อ
โห้หลีเฉินอาบน้ำเสร็จออกมา เห็นเธอยังยืนอยู่ที่เดิม แถมยังยืนสัปหงกด้วยแล้ว เขาคิ้วขมวดแน่น
ผู้หญิงคนนี้ซื่อบื้อจริงๆ!
เขาก้าวเท้ายาวเข้าไปหา รับตัวเธอที่แทบล้มลงไปกับพื้นไว้ได้ทัน
เย้นหว่านง่วงจนแทบหลับแล้ว จู่ๆก็ตกอยู่ในอ้อมกอดกว้างหนา เธอสะลึมสะลือลืมตาขึ้น ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของโห้หลีเฉิน
เขาพึ่งอาบน้ำเสร็จ พึ่งผ่านไอน้ำร้อนมา ผิวเลยขาวกระจ่างใสไร้ที่ติ
ร่างกายของเขาก็ร้อน อบอุ่นมาก กว้างใหญ่แข็งแรง
ในสมองของเย้นหว่าน ด้านหนึ่งบอกเธอว่า ให้รีบออกจากอ้อมกอดเขาอย่างไว อีกด้านกลับบอกเธอว่า อ้อมกอดเขาอุ่นสบายดี เหมาะแก่การนอนหลับ
สุดท้าย ความง่วงก็ชนะสติ เธอมองหน้าเขา ดวงตาค่อยๆหลับลงช้าๆ
โห้หลีเฉินเห็นท่าทางน่ารักของเธอแล้วอดยิ้มมุมปากไม่ได้ เขาย่อเอวช้อนตัวเธออุ้มขึ้นมา เดินไปที่เตียงอย่างระมัดระวัง
วางเธอลงบนเตียง เขาปิดไฟ ทิ้งตัวลงนอนข้างเธอ และโอบเธอไว้
ไม่เจอกันหลายวัน เขาคิดถึงเธอมากเลย
การได้เห็นเธอ กอดเธอหลับเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งนะ
ควรค่าแก่การทะนุถนอม
คืนนี้นอนหลับสบายดีไม่ฝันเลย
เย้นหว่านตื่นในเช้าวันต่อมา พอลืมตาก็เห็นหน้าอกกว้างแน่นของผู้ชาย แถมยังได้กลิ่นไอผู้ชายเต็มๆ
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
ทำไมเธอมาอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายได้ล่ะเนี่ย!
เย้นหว่านแทบผลักเขาออกในทันที แต่พอหันไปเห็นหน้าโห้หลีเฉิน เธอยิ่งตกใจ
เธอออกมาทำงานนอกสถานที่ไม่ใช่หรอ? ทำไม…ยังไม่ทันคิดเสร็จ ในสมองก็ฉายภาพเมื่อวานมาทีละฉาก สายตางัวเงียของเธอเริ่มกระจ่างชัดขึ้น สีหน้าก็แดงขึ้นเรื่อยๆด้วยความอายเช่นกัน:
“เอ่อ เมื่อคืนฉันเหนื่อยมากจริงๆ”
โห้หลีเฉินเห็นทุกสีหน้าที่เธอแสดงออกมา พูดเสียงเรียบว่า:
“อืม เหนื่อยมากจริงๆ คุณกอดผมไม่ยอมปล่อย บอกว่าอ้อมกอดผมสบาย เหมาะแก่การนอนหลับ”
เย้นหว่านเบิกตากว้าง เธอแค่คิดเฉยๆนี่นา เธอพูดไปจริงหรอ?
น่าขายหน้าชะมัดเลย!
เธอไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
โห้หลีเฉินมองเธอด้วยดวงตาดำขลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เขาพูดอีกว่า:
“ไม่ต้องอายหรอก พวกเราเป็นคู่หมั้นกัน กอดคุณนอนทั้งคืนก็เป็นหน้าที่ที่คู่หมั้นอย่างผมควรกระทำนะ”
คู่หมั้น…นอนกอดทั้งคืน…
แต่ละคำทำเย้นหว่านทั้งเขินอายทั้งกระดาก
อยากจะคัดค้านเขา แต่อยู่ต่อหน้าความจริงแบบนี้ ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์
“ฉันไปอาบน้ำนะ!” เธอรีบผุดลุกหนี
โห้หลีเฉินมองตามแผ่นหลังเล็กของเธอ มุมปากมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เกิดขึ้น
เขาลุกขึ้น ไปเปิดประตู
ด้านนอกประตูมีพนักงานจากร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องสำอางและร้านกระเป๋ามารอเรียบร้อย ของที่มาส่งเป็นของที่เย้นหว่านต้องใช้หมดเลย
เพียงแต่เห็นเธอยังไม่ตื่น เขาเลยไม่ปลุก
พอเย้นหว่านอาบน้ำเสร็จออกมา กำลังปวดหัวว่าวันนี้จะใส่อะไร ก็เห็นเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับวางอยู่เต็มโซฟา แม้แต่โต๊ะน้ำชาก็ไม่เว้น
สไตส์โอเวอร์แบบนี้ เธอรู้ทันทีว่าเป็นโห้หลีเฉิน
เพียงแต่ว่ามันมากเกินไป
“คุณโห้ ฉันคนเดียวใช้ไม่หมดนี่หรอกค่ะ”
โห้หลีเฉินไม่รู้สึกว่าเยอะสักนิด เขาพูดง่ายๆว่า:
“ค่อยๆใช้ จะได้ไม่ต้องรับของจากผู้ชายอื่นอีก”
พูดจบ เขาก็เดินไปทางห้องน้ำอย่างมั่นคงด้วยท่าทางสูงส่ง
เย้นหว่านทำหน้าเซ็ง ผู้ชายคนนี้ยังพูดถึงเรื่องเมื่อคืนอีกแน่ะ?
แต่พอคิดถึงเมื่อคืน เธอไม่กล้าท้าทายอำนาจเขาอีกแล้ว
ดังนั้นพอโห้หลีเฉินบอกว่า เขาไม่มีอะไรทำก็จะอยู่ที่ห้องเป็นเพื่อนเธอ เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธ
ตั้งแต่อาหารเช้าถึงอาหารเที่ยง จนตอนบ่าย ต่อให้เบื่อแค่ไหนเธอก็ไม่ปริปากบ่น
แต่พอเวลาเริ่มผ่านไป เธอก็เริ่มร้อนใจขึ้นมา
วันนี้เธอนัดกับฉูรั่วไป๋จะออกไปสำรวจ ต้องไปทำงานนะ แต่โห้หลีเฉินเหมือนจะไม่ชอบหน้าฉูรั่วไป๋เอามากๆ เธอจะเอ่ยปากยังไงดี?