บทที่253 การคุ้มครองรักษาจากเขา
เย้นหว่านหันหน้ามา มองเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าที่จริงจัง รู้สึกลำบากใจนิดหน่อย
เธอเห็นชนที่ชนแจกันดอกไม้จริงๆ แต่ว่าการที่พูดถึงคนอื่นลับหลังแบบนี้ เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เย้นหว่านคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วก็คลี่ยิ้มอย่างสุภาพ
“ฉัน……”ไม่รู้……
“เธอนั่นแหละค่ะ” ประโยคหลังยังพูดไม่ทันเสร็จ แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงแหลมๆ
เย้นหว่านมองไป ก็เห็นผู้หญิงที่สวมชุดราตรีสีทองคนเมื่อกี้
เจ้าหน้าที่เห็นหน้าเธอ ก็คลี่ยิ้มอย่างสุภาพ
“คุณไป๋ เรื่องจริงรึเปล่าครับ? ถ้าเกิดว่าจริง พวกเราก็ต้องเชิญคุณผู้หญิงท่านนั้นออกจากงานแฟชั่นโชว์ไป แต่ว่าถ้าเกิดว่าไม่ใช่ คุณไป๋คุณก็จะถูกเชิญให้ออกเพราะว่าใส่ร้ายคนอื่น ผู้อำนวยการฝ่ายแฟชั่นของเรา เข้มงวดกับงานแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้มาก”
เย้นหว่านได้ยินสิ่งที่เจ้าหน้าที่พูด ก็ค่อนข้างแปลกใจ , ผู้อำนวยการฝ่ายแฟชั่นต้องเป็นชาวราศีกันย์แน่นอน ถึงได้ต้องการความเพอร์เฟคในทุกๆ เรื่อง ไม่อนุญาตให้ใครทำให้งานของเธอเป็นมลทิน
ในฐานะที่เป็นดีไซเนอร์ เธอเข้าใจ
เธอเงยหน้าขึ้นมา มองไปที่คุณไป๋ที่สวมใส่ชุดราตรีสีทอง แล้วถามว่า “คุณไป๋ ขอให้คุณคิดดีๆ ก่อนจะตอบอีกครั้งนะคะ ท้ายที่สุดแล้วมันต้องรับผิดชอบนะ”
คุณไป๋มองเย้นหว่าน พบว่าดวงตาของเธอมีพลังอ่านทะลุชนิดหนึ่ง เหมือนกับว่าสามารถอ่านเธอได้
หรือว่า เธอเห็นงั้นเหรอ?
เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ว่าก็กัดฟันแน่น และพูดว่า “ใช่ค่ะ ฉันเห็นคุณ ไม่ยังงั้นคุณคิดว่าคุณผู้หญิงไป๋กรุ๊ปที่สง่าผ่าเผยอย่างฉัน จะใส่ร้ายคุณที่แต่งตัวธรรมดาๆ คนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จักยังงั้นเหรอ? ”
เย้นหว่านไม่คิดเลยว่าจะมีคนหน้าด้านแบบนี้อยู่บนโลก แต่เธอก็เข้าใจความหมายของคำพูดของเธอด้วย เธอกำลังเอาภูมิหลังที่แข็งแกร่งของตัวเองมากดเธอ
เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวบ้าง แต่ว่าถ้าเกิดว่าเจ้าหน้าที่เชื่อเธอจริงๆ แล้วเชิญเธอออกไป สิ่งนี้มันจะกลายเป็นรอยด่างในชีวิตของเธอ ต่อไปถ้าอยากจะเข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ครั้งไหน ก็คงจะไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว
พอคิดแบบนี้ เธอก็จะเถียงเพื่อตัวเอง
คุณไป๋กลับพูดขึ้นมาอีกครั้ง “รีบเชิญเธอออกไปเถอะค่ะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงแบบนี้เข้ามาที่นี่ได้ยังไง”
เจ้าหน้าที่ได้จัดการเรื่องราวมาเยอะแล้ว เรื่องแบบนี้มันถือว่าเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา เขาก็พูดว่า
“ มีกล้องวงจรปิดอยู่ทั่วทุกมุมของสถานที่นี้ เดี๋ยวไปดูในห้องจอภาพก็รู้เองแหละครับ”
คุณไป๋หน้าซีดขึ้นทันที เธอลืมไป ว่าที่นี่มีคนควบคุมและคอยสังเกต!
แล้วทีนี้จะทำยังไงดี?
เย้นหว่านโล่งอก โชคดีที่เจ้าหน้าที่คนนี้อยู่ข้างกระบวนการยุติธรรม
และในขณะนี้ ก็มีเสียงที่จริงจังดังขึ้น :
“การแสดงยังไม่เริ่ม ก็เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วงั้นเหรอ? ”
เสียงที่ทรงพลัง แสดงให้เห็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่
เย้นหว่านมองไป ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสูทที่ทันสมัย ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยออร่าของหญิงแกร่ง ผมม้วนลอน เสื้อคอV เผยให้เห็นเสื้อสีขาวที่อยู่ด้านใน นอกจากนี้ยังเผยให้เห็นเสน่ห์และความฉลาดของผู้หญิง
นี่คือผู้หญิงที่มีออร่าแห่งความงามและสติปัญญา
เย้นหว่านรู้จักเธอ เธอคือผู้อำนวยการฝ่ายแฟชั่นที่รับผิดชอบงานแฟชั่นโชว์นี้
สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ด้านข้างของเธอยังมีชายที่สูงศักดิ์ยืนอยู่ สวมใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง ออร่าไม่ธรรมดา แม้แต่ในงานแฟชั่นโชว์แบบนี้ก็ไม่ได้ลดรัศมีของตัวเองลงเลย
เย้นหว่านมองเขา รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ตอนจะแยกกันนั้นเธอสาบานว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ว่าพึ่งจะผ่านไปได้ไม่นาน ก็ก่อเรื่องแล้ว? แล้วอีกอย่าง เขายังเห็นอีกด้วย
ในใจของเขา ต้องคิดว่าเธอแย่มากแน่ๆ
เพราะการมาถึงของผู้อำนวยการแฟชั่นโชว์ว์และโห้หลีเฉิน เรื่องเล็กๆแบบนี้ ก็เปลี่ยนไปทันที
รอบข้าง มีคนยืนอยู่มากมาย
เจ้าหน้าที่บอกผู้อำนวยการแฟชั่นโชว์อย่างประหม่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง น้ำเสียงกระวนกระวาย
หลังจากฟังจบ คนรอบข้างก็มองมาที่เย้นหว่านอย่างดูถูก เห็นได้ชัดว่าเชื่อไปแล้วว่าเธอเป็นคนทำ
เย้นหว่านรู้สึกเหมือนว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตา ถูกทุกคนมองมาด้วยสายตาที่คมกริบ เธอรู้สึกตื่นตระหนก เพราะว่าเธอไม่ได้ทำ เธอก็เลยพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
“ผู้อำนวยการคะ ฉันขอโทษที่สร้างอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆให้งานแฟชั่นโชว์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้นะคะ แต่ว่าคนที่ชนกับแจกัน ไม่ใช่ฉัน ฉันหวังว่าคุณจะดูกล้องวงจรปิดก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้ง”
“ดูกล้องวงจรปิดอะไรกัน ใครเป็นคนทำ ก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”คุณไป๋พูดอย่างไม่อยากจะฟังข้ออ้าง
เย้นหว่านกลอกตาใส่เธอ ขี้เกียจเกินไปที่จะมามัวพูดจาไร้สาระกับเธอ
ผู้อำนวยการแฟชั่นสังเกตเห็นสายตาที่รังเกียจเล็กๆ เธอก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา
“คุณผู้หญิงคะ ฉันคิดว่าคุณน่าจะรู้ดีมากกว่ากล้องวงจรปิดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าผ่านมานานขนาดนี้แล้ว คุณยิมโดนตำหนิ แต่ว่าไม่ยอมพูดความจริง มันทำได้ทำให้เรื่องราวมันบานปลายมาจนถึงขนาดนี้
เพราะฉะนั้น คุณกับคุณไป๋ เชิญออกไปเถอะค่ะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็ไม่ได้อยู่ต่อ ก้าวเดินออกไปอย่างฉับพลันและเฉียบขาด
เย้นหว่านช็อก ผู้อำนวยการคนนี้รู้ว่าเธอไม่ใช่คนก่อเหตุ แต่ว่าก็ยังจะไล่เธอออกไป นี่มัน……
“ผู้อำนวยการทีน่า” โห้หลีเฉินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ทีน่าหยุดเดิน แล้วก็หันหน้า “คุณโห้ มีอะไรเหรอคะ?”
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่าน แล้วค่อยๆพูดว่า “คุณเย้นเป็นคู่ควงของผม ผมรู้จักเธอดี ผมเชื่อว่าเธอต้องมีเหตุผล”
ไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่กลับทำให้คนในงานอึ้งไปในทันที โดยเฉพาะคุณไป๋
ผู้หญิงที่ไม่มีใครรู้จัก ถ้าเกิดว่าโยนเข้าไปในกลุ่มคนก็ไม่มีใครหาเจอ เธอคนนั้นเป็นคู่ควงของคุณโห้หรอกเหรอ?
ผู้อำนวยการทีน่ายังแปลกใจ แล้วก็กลับมาเป็นธรรมชาติอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพูดว่า
“ในเมื่อเป็นคู่ควงของคุณโห้ งั้นก็ถือว่าฉันไว้หน้าแล้วกันค่ะ คุณโห้ ฉันไปจัดการธุระต่อก่อนนะคะ”
สุดท้าย เธอก็ไม่ได้ส่งสายตาดีๆให้เย้นหว่าน หันหลังแล้วเดินออกไป
เย้นหว่านรู้ว่าในใจของผู้อำนวยการทีน่านั้น ต้องมีความประทับใจที่ไม่ดีเกี่ยวกับเธอแน่นอน ก็อดไม่ได้ที่จะปวดหัว
แต่ว่าได้อยู่ต่อ ก็คือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
เธอมองไปที่โห้หลีเฉินอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณนะ”
โห้หลีเฉินพยักหน้าให้เธอเบาๆ สายตาไม่อ่อนโยนเหมือนตอนที่มองเธอ แต่กลับจ้องคุณไป๋ด้วยสายตาที่คมกริบ
“ให้เวลาเธอหนึ่งนาที ขอโทษเธอซะ”
คำพูดที่รุนแรงเผยให้เห็นคำสั่งที่ไม่อาจขัดขืนได้
คุณไป๋ตกใจจนตัวสั่น เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ควรทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคนที่สั่งเธอก็คือคุณโห้ แล้วเธอจะยังไปกล้ายั่วเย้นหว่านอีกได้ยังไง?
เธอเดินเข้ามา พร้อมกับก้มหัวขอโทษ
“ขอโทษด้วยค่ะคุณเย้น เมื่อกี้ฉันเข้าใจคุณผิดไป”
หลังจากพูดจบ เธอก็โค้งคำนับ แล้วก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เย้นหว่านพูดอะไรไม่ออก ทำไมผู้หญิงคนนี้ต้องเสแสร้งเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมด้วย เหมือนกับว่าเธอใช้สถานะของตัวเองเพื่อมาบีบบังคับเธอยังงั้นแหละ? ทำไมถึงไม่พูดว่าเกิดอะไรขึ้นแบบจริงใจหน่อยล่ะ?
ช่างเถอะ การที่คาดคิดว่าคนทุจริตประเภทนี้จะสารภาพความผิดในที่สาธารณะ มันไม่น่าจะเป็นไปได้หรอก
เธอดึงความคิดกลับมาอย่างรวดเร็ว เดินไปหยุดอยู่ข้างๆโห้หลีเฉิน แล้วกระซิบว่า
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร พวกเราไปที่อื่นกันเถอะ”
ตรงนี้ คนเยอะเกินไปแล้ว
โห้หลีเฉินเข้าใจความคิดของเธอดี ก็เลยพาเธอไปที่จุดแสดงนิทรรศการ
เย้นหว่านนึกว่าเขาจะถามอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ถาม ทำให้เธออดสงสัยไม่ได้
“คุณเชื่อใจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?”
โห้หลีเฉินเหลือบมองเธอ ริมฝีปากที่สวยงามเปิดออก และพูดอย่างลึกซึ้ง
“ฉันเข้าใจเธอดีทั้งด้านล่างและด้านบน ด้านในและด้านนอก แน่นอนว่าฉันต้องเชื่อเธออยู่แล้ว”
เขาพูดด้วยเสียงต่ำเล็กน้อย ดูคลุมเครืออย่างอธิบายไม่ถูก
เย้นหว่านรู้สึกว่า คำว่า’ฉันเข้าใจเธอดีทั้งด้านล่างและด้านบน ด้านในและด้านนอก ‘ ทำให้เธอหน้าแดงอย่างอดไม่ได้ เธอรีบยืดระยะห่างกับเขาโดยที่ไม่รู้ตัว เดินก้าวไปข้างหน้า
โห้หลีเฉินเห็นใบหน้าที่เขินอายของเธอ ก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยจนแทบจะมองไม่เห็น ยื่นมือไปดึงข้อมือของเธอเอาไว้
เมื่อเย้นหว่านถูกมือหนาของเขาดึงไว้ก็ตึงไปทั้งร่างกายทันที พยายามออกแรงดิ้นรน
โห้หลีเฉินกลับพูดว่า “ที่นั่งอยู่ตรงนี้ แล้วเธอจะไปตรงนั้นทำไม?”
เย้นหว่านรู้สึกอับอายมากกว่าเดิม
ทำไมเวลาอยู่ข้างๆเขา เธอเหมือนกับคนโง่ตลอดเลย? ทั้งๆที่เธอฉลาดจะตาย…