บทที่ 277 สบายใจ
“สบายใจได้”
โห้หลีเฉินเม้มเปิดริมฝีปากบาง พ่นสองสามคำออกมาเบาๆ จากในปาก
สองสามคำนี้ราวกับมีมนต์ขลัง ทำให้เย้นหว่านสับสนจนหัวใจจะเต้นออกมาจากลำคอ แวบหนึ่งก็ตกกลับไปแล้ว
แต่หน้าของเธอกลับแดงยิ่งขึ้น
โห้หลีเฉินไม่สนใจมองรอบข้าง ในดวงตาดูดีอย่างยิ่งคู่นั้นคล้ายมีเพียงแค่การมีตัวตนของเย้นหว่าน เขาอุ้มเธอไว้ ก้าวขายาวเดินไปด้านนอก
เหล่าแขกที่ล้อมไว้รีบหลบทางกว้างเส้นหนึ่งให้เขาอย่างรู้สึกตัวทันที
สายตาของทุกคนต่างมองตามพวกเขาอย่างเคารพยำเกรง ประหลาดใจ
เย้นหว่านไม่รู้สึกถึงสายตาที่ดูถูกเย้ยหยันสักนิดอีกต่อไป ข่าวลือพวกนั้นเปลี่ยนรูปการณ์จนถึงที่สุดเพราะผู้ชายคนนี้
เธอมองเขาอยู่ หัวใจเต้นเร็วกว่าเดิมอีกนิด
ราวกับมีอะไรตีฝ่าผนังหัวใจที่แข็งแกร่ง ขุดดินออกมา
ขอมีเพียงโห้หลีเฉิน ตอนที่เธอยากลำบากขนาดนั้น อะไรก็ไม่ถาม ยืดอกออกมาเพียงเพื่อเธอ สกัดกั้นทุกอย่างที่ทำร้ายเธอทั้งหมดทิ้ง และปกป้องเธอ
โห้หลีเฉินไม่ได้มองคนอื่นสักนิดตั้งแต่ต้นจนจบ อุ้มเย้นหว่าน ก้าวใหญ่ๆ ออกไป
ส่วนเขาอุ้มเธอเปิดเผยแบบนี้ สิ่งที่ถ่ายทอดให้แต่ละคนในงานคือความสำคัญที่เขามอบให้เย้นหว่าน หลงที่สุด นั่นคือความรักที่ทะนุถนอมเอาไว้ในอุ้งมือ
ผู้หญิงที่ถูกโห้หลีเฉินรักและทะนุถนอมเอาไว้ในอุ้งมือ ไม่ว่าบนโลกใบนี้ ยังมีคนที่ไม่ต้องการชีวิตคนไหนกล้ายั่วโมโหเขาอีก?
ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา คนที่มีตาย่อมสามารถมองออก นั่นเป็นความสัมพันธ์อันเข้มข้นหวานซึ้งที่คนอื่นแทรกไปไม่ได้
คู่รักที่เป็นแบบนี้ จะมีอีกฝ่ายนอกใจกันได้อย่างไรกัน?
นั่นเดิมทีก็คือการพูดที่ไม่มีมูลความจริง
จะว่าไปฉูรั่วไป๋ก็ขอโทษยอมรับหมดแล้ว ดังนั้นเย้นหว่านจึงบริสุทธิ์ไร้มลทิน
อานฉีเอ๋อกำลังพูดเพ้อเจ้ออยู่ทั้งนั้น!
สายตาที่เอือมระอาและประณามของทุกคนมองไปทางอานฉีเอ๋อกันหมด เริ่มด่าหล่อนอย่างโจ่งแจ้งไปทันที
“อานฉีเอ๋อ เธอคิดว่าที่นี่เป็นที่ไหนกัน มาคุยเรื่อยเปื่อย ใส่ร้ายคุณโห้และคุณเย้น? เธอไปกินตับเสือดาวมาจริงๆ รึไง”
“จริงด้วย เธอเห็นพวกเราเป็นลิงแล้วจะมาหลอกกันรึไง ฉันว่าเธอต่างหากถึงเป็นพวกดัดจริตที่มีแผนการอยู่ลึกๆ คนนั้น”
“ไม่เคยเจอผู้หญิงที่น่ารังเกียจขนาดเธอเลย ตามผู้ชาย ใช้ลูกไม้ที่ต่ำทรามชั่วช้าขนาดนี้ เธอไม่คู่ควรที่จะอยู่ในวงการไฮโซตั้งแต่แรก เธอเป็นความอัปยศในวงการของพวกเราจริงๆ”
คำพูดแต่ละประโยคไม่ปิดบัง ทิ้งใส่ตัวของอานฉีเอ๋อเต็มๆ
ผู้คนโกรธเคืองต่อหล่อน ยิ่งไม่มีการซ่อนเร้นสักนิดเดียว
พวกเขายิ่งหงุดหงิด เพราะอานฉีเอ๋อผิดใจกับโห้หลีเฉิน นั่นคือพวกเขามีทรัพย์สินในบ้านมากแค่ไหน ล้วนไม่พอรอดตาย
อานฉีเอ๋อสีหน้าซีดเผือด คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนเป็นแบบนี้กะทันหัน
หล่อนคิดจะเปิดโปงเย้นหว่านที่เหยียบเรือสองแคม โห้หลีเฉินจะทอดทิ้งเธอ และฉูรั่วไป๋ยิ่ง จะสะบัดเย้นหว่านทิ้งไปด้วยเพราะขายหน้า
แต่ว่าทำไมโห้หลีเฉินผู้ชายที่สูงส่งแบบนั้น แม้แต่คำอธิบายก็ยังไม่ฟัง แล้วเลือกที่จะปกป้องเย้นหว่าน?
เขามีความเชื่อใจเย้นหว่านขนาดนั้นเลย?
ในใจอานฉีเอ๋อทั้งแค้นทั้งเกลียด อับอายจนไม่มีที่ให้หลบ ยิ่งหวาดกลัวอย่างรุนแรง โห้หลีเฉินปกป้องเย้นหว่านอย่างไม่สนใจคนอื่น แม้กระทั่งเหตุนี้ทำให้ฉูรั่วไป๋กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และหมายความว่าหล่อนก็ผิดใจผู้ชายสูงส่งคนนั้นไปด้วย
ค่าชดใช้ที่ล่วงเกินโห้หลีเฉิน อานฉีเอ๋อล้วนไม่กล้าคิดเลย
แม้กระทั่งหล่อนไม่ทันสนใจคำด่าของคนเหล่านี้ ลนลานจนดึงข้อมือของฉูรั่วไป๋ไว้
“รั่วไป๋ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ คุณเห็นแก่ที่เคยมีความสัมพันธ์กับฉัน ช่วยฉันหน่อยได้มั้ย? ช่วยขอร้องคุณโห้ให้ฉันหน่อยก็พอ”
สีหน้าของฉูรั่วไป๋เย็นเฉียบ ทั้งตัวบนล่างเผยกลิ่นอายที่เย็นชืด
แต่ไหนแต่ไรเขาอ่อนโยนเป็นสุภาพบุรุษ แต่ในเวลานี้กลับไม่มีท่าทีแบบปกติสักนิด ทั้งตัวมืดครึ้มอย่างรุนแรง
เขามองอานฉีเอ๋ออย่างเย็นยะเยือก แต่ละคำแต่ละประโยค ราวกับเป็นภาษาหยาบที่แทรกออกมาจากร่องฟันที่กัดแน่น
“ไม่เพียงแค่โห้หลีเฉิน ฉันก็จะไม่ปล่อยเธอไปเหมือนกัน”
เขากุมมือที่หล่อนจับข้อมือเขาไว้ นิ้วมือที่เห็นข้อกระดูกชัดเจนค่อยๆ กำแน่น
เรี่ยวแรงค่อยๆ เพิ่มขึ้น เจ็บจนอานฉีเอ๋อหน้าซีดราวกระดาษในชั่วขณะนั้น ยืนก็ยืนไม่นิ่ง
อานฉีเอ๋อฟุบนั่งลงที่พื้น สั่นเทาไปทั้งตัว ร้องไห้อ้อนวอน “รั่วไป๋ คุณปล่อยฉันออกเถอะ เจ็บ คุณให้อภัยฉัน……”
ฉูรั่วไป๋ยืนอยู่มองจากที่สูงลงมา ก้มหน้าไว้ แสงไฟส่องลงมาจากบนศีรษะ ตกลงบนผมของเขา ทำให้บนใบหน้าเขามีเงามืดชั้นหนึ่ง
มุมปากเขาเหมือนมีรอยยิ้ม ทว่ากลับเหมือนซาตานที่ปีนขึ้นมาจากนรกตนหนึ่ง
มืดดำ อันตราย
อานฉีเอ๋อมองจนหวาดกลัวอย่างยิ่ง ในเวลานี้ สำหรับผู้ชายที่หล่อนคิดอยากได้มาครอบครอง ให้ความรู้สึกเกรงกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
หล่อนแค่อยากออกห่างจากเขาให้ไกล
“คุณฉู ขอร้องคุณล่ะ ขอร้องให้คุณปล่อยฉันไป ปล่อยฉันนะ”
หล่อนร้องไห้คร่ำครวญ สภาพกระเซอะกระเซิงเต็มตัว และไม่สนใจภาพลักษณ์สุภาพสตรีสักนิดอีกเลย
หล่อนกลัวแล้ว
กลัวถึงที่สุดเลย
ไม่อยากช่วงชิงอะไรอีกแล้ว เพียงขอให้มีชีวิตต่อไปได้ ใช้ชีวิตต่อไปได้ดีๆ ก็พอ
“อานฉีเอ๋อ เธอรู้มั้ย?”
พยับเมฆเต็มตาฉูรั่วไป๋ มองขึ้นมาอันตรายดูน่ากลัวที่สุด เขานั่งยองลงมา ขยับเข้าหาอานฉีเอ๋อในระยะที่ใกล้มาก
บนหน้าเขามีรอยยิ้มอยู่ รอยยิ้มนั้นกลับไม่มีในแววตา เจือความมืดครึ้มเต็มๆ
“ระหว่างฉันกับเย้นหว่าน เหมือนอย่างที่เธอพูด ความจริงไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบเพื่อนบริสุทธิ์”
เสียงของเขาต่ำมาก แต่ละคำพูดให้อานฉีเอ๋อฟัง
นี่คือคำพูดที่อานฉีเอ๋อพูดมาโดยตลอด แต่เวลานี้พอได้ยินฉูรั่วไป๋ยอมรับออกจากปากตนเอง หล่อนไม่มีความปลื้มใจสักนิด แค่รู้สึกกลัวเพิ่มยิ่งขึ้น
หล่อนร้องไห้ส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ ฉันพูดมั่วทั้งนั้น ฉันไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น คุณปล่อยฉันไป ปล่อยฉันเถอะ”
ฉูรั่วไป๋ไม่สนใจว่าหล่อนจะพูดอะไรสักนิดเดียว ใช้เสียงที่ต่ำมาก พูดต่อไป
“ฉันชอบเขา ตอนที่เธอมา ฉันกำลังจะสารภาพรักกับเขา”
ได้ยินคำพูดนี้ อานฉีเอ๋อเบิกตาโตทันใด ทำหน้าไม่อยากเชื่อสุดๆ
ฉูรั่วไป๋หลอกหล่อนเหรอ?
พวกเขาไม่ใช่ควรจะอยู่ด้วยกันแล้วเหรอ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ฉูรั่วไป๋ชอบเย้นหว่าน เพิ่งคิดจะสารภาพรักกับเย้นหว่าน?
เช่นนั้นระหว่างเย้นหว่านกับฉูรั่วไป๋ ความจริงแล้วเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนทั่วไป และยังไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงด้วย!
เย้นหว่านยังไม่ได้เหยียบเรือสองแคม อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ใช่
ดังนั้นเย้นหว่านถึงยี่หระขนาดนั้น ดังนั้นโห้หลีเฉินถึงปกป้องเย้นหว่าน ดังนั้น……
เป็นหล่อนที่ใจร้อนเกิน เป็นหล่อนที่พูดเร็วเกินไปเหรอ?
ฉูรั่วไป๋หัวเราะอย่างชั่วร้าย พอใจมากที่มองเห็นปฏิกิริยาของอานฉีเอ๋อ
ถ้าไม่ใช่อานฉีเอ๋อโผล่เข้ามากะทันหัน พูดจาเรื่อยเปื่อยยกหนึ่ง เมื่อสักครู่เขาคงจะสารภาพรักกับเย้นหว่านไปแล้ว บางทีเธออาจจะให้คำตอบกับเขา บางทีอาจจะยอมรับเขาแล้วก็ได้
แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างนี้ล้วนไม่เป็นความจริง เย้นหว่านยังถูกโห้หลีเฉินอุ้มไปต่อหน้าสาธารณะ
เขามองเห็นชัดเจน ตอนที่โห้หลีเฉินปกป้องเย้นหว่าน ท่าทางที่เธอมองเขา เป็นความซาบซึ้งใจแบบนั้น เป็นความสบายใจอย่างนั้น
และหลังจากที่โห้หลีเฉินเข้ามา เย้นหว่านก็ไม่ได้มองเขาอีกสักนิดเลย
เป็นอานฉีเอ๋อ
ทำให้เย้นหว่านที่เดิมทีอยู่ข้างกายเขา นำหญิงสาวที่เดิมอยู่ในเอื้อมมือเขา ผลักไปอยู่ข้างกายโห้หลีเฉินแล้ว
ถ้าบอกว่าตอนนี้ฉูรั่วไป๋อยากบีบอานฉีเอ๋อให้ตาย นี่ยังถือว่าเบาไป
เขาอยากให้อานฉีเอ๋อตายทั้งเป็น