บทที่ 284 เคยชิน อะไร?
เย้นหว่านรู้สึกผิดในใจมาก เธอเห็นฉูรั่วไป๋เป็นเพื่อน และไม่อยากทำร้ายจิตใจเขา
แต่ว่าความรักเรื่องแบบนี้ เธอกลับไม่มีวิธีตอบรับเขาได้จริงๆ
“ขอโทษมากจริงๆ นะ คุณมีค่าที่จะครอบครองผู้หญิงที่ดียิ่งกว่า”
มองท่าทางที่ยากจะรับได้ของฉูรั่วไป๋ ในใจเย้นหว่านก็ไม่สบายเหมือนมีนุ่นมายัดไว้ ยิ่งไม่รู้ว่าควรพูดอะไรอีกดี
เธอรู้ว่าถึงตอนนี้เธอพูดอะไร ล้วนไม่มีทางปลอบใจเขาได้
ส่วนตอนนี้เธอไม่ควรอยู่ตรงหน้าของฉูรั่วไป๋อีกต่อไป เกรงว่าตอนนี้เขาก็คงไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับเธออย่างไรดีเช่นกัน
ในใจเย้นหว่านลำบากอยู่บ้าง พูดเสียงต่ำ
“คุณฉู ฉันไปก่อนนะคะ”
เย้นหว่านมองใบหน้าซีดขาวของฉูรั่วไป๋อย่างรู้สึกผิดในใจ กดอารมณ์ที่ไม่สบายใจเอาไว้ภายใน หันหน้าเดินไปทางข้างนอก
ฉูรั่วไป๋ยืนแข็งอยู่ที่เดิม เหมือนท่อนไม้ท่อนหนึ่ง
ความหมดหวังท่วมมิดศีรษะ ทำให้เขาโดนท่วม พูดไม่เต็มปากเต็มคำ
หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่เขาชอบปฏิเสธเขาแล้ว เขาไม่มีโอกาสกอดเธอไว้ในอ้อมอกได้อีกแล้ว
ฉูรั่วไป๋สัมผัสกับหัวใจแตกสลายได้เป็นครั้งแรก รสชาติที่ตายทั้งเป็นแบบนั้น
เย้นหว่านรีบร้อนออกมาจากด้านในห้อง ทว่าพึ่งออกมา ก็มองเห็นโห้หลีเฉินเข้าด้วยความแปลกใจอย่างยิ่ง
เธอตกใจ “คุณโห้ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ที่นี่เป็นบ้านของฉูรั่วไป๋ คิดอย่างไรโห้หลีเฉินก็ไม่ควรปรากฏตัวขึ้นที่นี่
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านตรงๆ มุมปากเม้มรอยยิ้ม
“มาหาเธอ”
เย้นหว่าน “……” เหตุผลนี้เธอยังหมดคำจะพูดจริงๆ
จากนั้นเธอก็นึกถึงอะไรได้ ถามอย่างหน้าแดง “คุณมานานแค่ไหนแล้ว?”
“หลายนาที”
“งั้น……” เย้นหว่านยิ่งอาย “คุณได้ยินหมดแล้ว?”
“อืม”
โห้หลีเฉินยอมรับอย่างตรงไปตรงมา รอยยิ้มที่มุมปากยกสูงยิ่งขึ้น
ถึงแม้จะถือสาที่ฉูรั่วไป๋สารภาพรักกับเย้นหว่านมาก แต่ผลลัพธ์อันนี้ยังทำให้อารมณ์ของเขาไม่เลวมาก
แม้กระทั่งเขายังไม่จำเป็นต้องไปถามผลลัพธ์แบบทดสอบเมื่อคืนของเย้นหว่านอีกแล้ว ผลลัพธ์นี้ เขารู้แล้ว
โห้หลีเฉินยอมรับสบายใจขนาดนี้ เย้นหว่านยิ่งไม่สะดวกใจขึ้นอีก
ช่างขายหน้าเหลือเกิน
เรื่องที่ฉูรั่วไป๋สารภาพรักกับเธอ คาดไม่ถึงจะโดนโห้หลีเฉินเจอเข้าให้ แถมยังโดนเขาได้ยินทั้งหมดอีก
เขาจะหัวเราะเยาะเธอหรือไม่?
ความคิดเย้นหว่านมีร้อยแปด โห้หลีเฉินยื่นมือออกมากะทันหัน กุมมือน้อยของเธอไว้
เสียงของเขาสุขุม “ฉันจะส่งเธอกลับไป”
ขณะพูดอยู่ เขาดึงเธอไว้ ก้าวขายาวออกแล้วเดินไปทางด้านนอก
เย้นหว่านเดินตามเขาไปโดยจิตใต้สำนึก รู้สึกถึงอุณหภูมิกลางฝ่ามือของเขา ผิวพรรณของเธอเหมือนถูกไฟไหม้อยู่
หัวใจยิ่งเต้นอย่างสูญเสียจังหวะไปชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากมั่นใจว่าชอบเขา เย้นหว่านก็เผชิญหน้ากับโห้หลีเฉิน ในใจสับสนจนแทบไม่ไหว
นี่คือคนที่เธอชอบ เขากลับกำลังจูงมือของเธอไว้
เย้นหว่านจิตใจไม่สงบตามโห้หลีเฉินกลับมาที่โรงแรมตลอดทาง โห้หลีเฉินส่งเธอกลับไปที่ห้องพัก
เขากวาดตามองมาที่ห้องทีหนึ่ง พูดอย่างเป็นธรรมชาติมาก
“ตอนบ่ายจะออกเดินทางจากเมืองเจียง เก็บข้าวของสักหน่อยเถอะ”
“วันนี้ตอนบ่าย? เร็วขนาดนี้เลย?”
เย้นหว่านตกใจ กำหนดการเดิมไม่ใช่พรุ่งนี้เหรอ ข้าวของเธอมากมายยังไม่ได้เริ่มจัดเก็บเลย
โห้หลีเฉินพูดแบบเรื่องราวควรเป็นเช่นนั้น “เปลี่ยนกำหนดการกะทันหัน ทุกคนไปด้วยกัน”
ทุกคนไปด้วยกัน ดังนั้นเย้นหว่านจึงไม่สามารถยกเว้นเป็นพิเศษได้
เขาไม่ได้บอกเธอว่าการเปลี่ยนกำหนดการกะทันหัน เป็นเพียงเพราะเขาไม่อยากให้เธอมีโอกาสติดต่อกับฉูรั่วไป๋อีกสักนิดเดียว
ถึงแม้เย้นหว่านได้ปฏิเสธฉูรั่วไป๋เรียบร้อยแล้ว
แต่ในสายตาของโห้หลีเฉิน นั่นเป็นศัตรูความรักที่ยอมไม่ได้
ถึงแม้เวลาจะกระชั้นชิด แต่เย้นหว่านยังสามารถรับได้ เธอคงไม่ไปเปลี่ยนกำหนดการของทุกคนเพราะเหตุนี้ เพียงแต่……
ไปแบบนี้ บางทียังไม่ทันที่จะบอกลากับฉูรั่วไป๋
สถานการณ์แบบในวันนี้อึดอัดอยู่บ้าง เธอเองก็อายที่จะไปหาฉูรั่วไป๋ด้วย
พวกเขาเคยเป็นเพื่อนที่ดีมากต่อกัน แต่ว่าความรู้สึกของฉูรั่วไป๋ที่มีต่อเธอเปลี่ยนไป ต่อไปพวกเขายังสามารถเป็นเพื่อนกันต่อไปได้หรือไม่ เป็นความไม่แน่นอนอย่างหนึ่ง
แต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับฉูรั่วไป๋
เย้นหว่านไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ เธอทำได้เพียงรอคอยวันนั้นที่เขาคิดได้
และเหมือนคงไม่ใช่วันนี้
เย้นหว่านจำใจอยู่บ้าง รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
การเดินทางมาเมืองเจียงครั้งนี้ คาดไม่ถึงตอนที่จะไปยังเหลือความเสียใจไว้
“เป็นอะไรเหรอ กำลังคิดอะไร?”
โห้หลีเฉินยืนอยู่ด้านข้างของเย้นหว่าน ถามเสียงต่ำ
เขาก้มหน้าลงนิดหน่อย ระยะห่างใกล้กับเธอมาก ตอนที่พูดไอร้อนยังพ่นลงบนหน้าของเธอ
อุ่นๆ จักจี้
หัวใจเหมือนถูกไฟช็อตเลย เย้นหว่านได้สติกลับมาทันที ชั่วขณะนั่นแก้มแดงระเรื่อ
เธอถอยออกหลายก้าวด้วยความลนลาน “ไม่ ไม่มีอะไร ขอบคุณที่คุณส่งฉันกลับมา ฉันจะเก็บข้าวของแล้ว ไม่สะดวกต้อนรับคุณ”
ความหมายคือเขาควรไปได้แล้ว
เร็วขนาดนี้ก็ไล่เขาให้ออกไปแล้ว? โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปาก ไม่ได้คิดจะไปเร็วขนาดนี้หรอก
เขาเดินไปที่มุมหนึ่งของห้องอย่างเป็นธรรมชาติ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา เปิดออกในห้องพัก ก่อนจะวางเรียบร้อย
เขาบอกว่า “ฉันจะช่วยเธอเก็บของ”
เย้นหว่านถลึงตาโตอย่างตกใจ มองเขาอย่างไม่อยากเชื่อมาก
โห้หลีเฉินเป็นใครกัน? ประธานใหญ่ผู้อยู่เหนือคนอื่น ผู้ชายสูงศักดิ์ที่สุดของเมืองหนาน สิบนิ้วของเขาไม่ต้องแปดเปื้อนอะไรเอง เคยทำเรื่องจุกจิกใช้แรงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
“ไม่ต้องหรอก ฉันทำเองก็ได้”
โห้หลีเฉินเหมือนไม่ได้ยินคำปฏิเสธของเย้นหว่าน ก้าวขายาวเดินไปด้านหน้าตู้เสื้อผ้า ดึงเปิดตู้เสื้อผ้า
มองเสื้อผ้าพวกนี้ เขายื่นมือออก เก็บลงมาแล้ว
เย้นหว่านยืนอยู่ด้านข้าง ตกตะลึงพรึงเพริดเหมือนนกโง่ที่ตกใจแทบแย่
เธอในยังนึกไม่ถึงว่าในชีวินสามารถมองเห็นฉากหนึ่งได้
คุณโห้ที่สูงศักดิ์กำลังเก็บเสื้อผ้าของผู้หญิง ท่าทางนั้นจริงจังเคร่งขรึม ดูขึ้นมายังเหมือนผู้หญิงที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมอยู่หน่อยๆ
ความรู้สึกของภาพช่างกระตุ้นหัวใจคนจริงๆ เลย
หลังจากนั้นตั้งนาน เย้นหว่านถึงได้สติเข้ามา วิ่งเข้าไป อยากจะเอาเสื้อผ้าในมือของโห้หลีเฉินหยิบเข้ามา
“คุณโห้ ไม่ต้องรบกวนคุณจริงๆ ฉันทำเองก็ได้”
ถึงแม้ว่าจะสบายตาสบายใจ แต่เธอยังไม่มีความกล้าให้โห้หลีเฉินทำงานใช้แรงแบบนี้จริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกผู้ชายคนหนึ่งมาเก็บเสื้อผ้าของเธอ พูดอย่างไรนั่นก็น่าอายอยู่นิดหน่อย
มือของโห้หลีเฉินที่จับเสื้อผ้าขยับไปด้านข้าง หลบมือน้อยของเย้นหว่านที่กระโจนเข้ามา ส่วนเย้นหว่านไม่ได้จับเสื้อผ้าในมือโห้หลีเฉิน แต่ทว่ากดฝ่ามือลงไปบนหน้าอกของโห้หลีเฉิน
เขาใส่เพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวหนึ่ง ซึ่งบางมาก ฝ่ามือนี้ของเย้นหว่านกดไว้ สามารถรู้สึกได้ถึงการขึ้นลง พลังที่หน้าอกของเขาอย่างชัดเจน
ยังมีระดับความร้อนนิดๆ แผ่ส่งมายังฝ่ามือของเธอ
เย้นหว่านสั่นไปหมดทั้งตัว
เธอๆๆ……
“ขอ ขอโทษ!”
เย้นหว่านเก็บมือกลับอย่างลุกลี้ลุกลน แก้มแดงจนเลือดหยดได้
ที่เธอทำอยู่นี้ล้วนเป็นเรื่องเซ่อซ่าอะไรกัน นี่เธอถือว่าหลอกเอาเปรียบโห้หลีเฉินอยู่หรือเปล่า?
เธออับอายจัง!
บนหน้าอกเหมือนยังเป็นอุณหภูมิมือน้อยๆ ของหญิงสาวที่สัมผัส ผิวพรรณบริเวณนั้นเหมือนเคยถูกไฟไหม้ ร้อนลวกไปหมด
สายตาโห้หลีเฉินอึมครึม จ้องมองเธอตรงๆ
เสียงทุ้มต่ำเหมือนควบคุมอะไรไว้
“เรื่องแบบนี้ ต่อไปจะเคยชินเอง”
โห้หลีเฉินเม้มรอยยิ้มที่มุมปาก ถือเสื้อผ้าไว้ เดินเข้าไปวางในกระเป๋าเดินทาง
การกระทำของเขาไม่ค่อยคล่องแคล่วเท่าไร แต่กลับทำอย่างจริงจังมาก นำเสื้อผ้ามาพับอย่างเป็นระเบียบ แม้แต่รอยยับสักนิดก็ไม่มี
เย้นหว่านแข็งค้างอยู่ที่เดิมราวกับไก่ไม้ นับวันแก้มยิ่งไหม้ นับวันยิ่งแดง
เธอไม่รู้ว่าโห้หลีเฉินพูดว่าเดี๋ยวก็เคยชิน เคยชินที่เก็บข้าวของ หรือว่าเคยชินกับเมื่อสักครู่ที่เธอลูบเขาแบบนั้น……
แต่ไม่ว่าจะเป็นอันไหน ล้วนทำให้เย้นหว่านอับอายจนแทบไม่ไหว