บทที่ 287 คนที่เธอชอบ เป็นใคร
“คุณโห้ ถอนหมั้นเถอะ มีผู้หญิงคนอื่นอยากจะแต่งงานกับคุณจริงๆ คุณจำเป็นต้องพัวพันกับฉันต่อไปเหรอ คืนนี้ฉันจะย้ายออกไป รอคุณจัดการเรียบร้อย ค่อยบอกเรื่องถอนหมั้นกับคุณย่าโห้ด้วยกัน”
เย้นหว่านพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ ท่าทียืนหยัด ท่าทางจริงจัง
มีเพียงมือของเธอที่กุมแน่น ถึงระบายอารมณ์ที่แท้จริงที่สุดในใจเธอได้
สีหน้าของโห้หลีเฉินอึมครึมขึ้น ดูแย่ที่สุดเลย
เขาจ้องเธอมาโดยตลอด อยากจะมองให้ออกว่าในสมองเธอกำลังคิดอะไรบ้างกันแน่ ทั้งที่ชอบ ทำไมจะต้องถอนหมั้นกับเขา
แต่ในดวงตาคู่นั้นของเธอ เขากลับมองเห็นเพียงความแน่วแน่ที่ทำให้เขาขุ่นเคือง
ไฟในทรวงอกยิ่งไหม้ยิ่งลุกโชน เขาอยากบีบผู้หญิงที่สมควรตายคนนี้ให้ตายเหลือเกิน
ถอนหมั้นถอนหมั้น? อยากขีดเส้นแบ่งกับเขาให้กระจ่างขนาดนั้นจริงๆเหรอ
“เธอไม่ต้องย้าย ฉันจะออกไปเอง!”
โห้หลีเฉินกัดฟันไว้ ทิ้งคำพูดประโยคนี้อย่างโหดเหี้ยม หมุนตัวออกไป
ฝีเท้าก้าวเดินทั้งเร็วทั้งรีบ
เขากลัวตนเองอยู่นานสักวินาทีหนึ่ง ไม่บีบเย้นหว่านตาย ก็ทนไม่ไหวจัดการเธอตรงนี้เลย
ไม่นาน ด้านล่างมีเสียงชายหนุ่มโกรธเคืองปิดประตูลอยมา
ชั่วขณะนั้นทั้งในคฤหาสน์จมสู่ความเงียบเหงา นอกจากเย้นหว่านก็ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว
เย้นหว่านยืนใจลอย ที่ขมับเต้นจนปวด
เธออยากไป ผลลัพธ์โห้หลีเฉินกลับไปแทน?
ดูเหมือนว่าเขาโกรธมาก
และดูขึ้นมาเหมือนยังไม่ได้เห็นด้วยที่จะถอนหมั้น
เย้นหว่านไม่เข้าใจ ทำไมโห้หลีเฉินดื้อรั้นจะต้องแต่งงานกับเธอขนาดนั้นด้วย ทั้งที่เขาก็ไม่ได้รักเธอ
ยืนเหม่ออยู่ในห้องสักพักหนึ่ง เย้นหว่านเงยหน้ามองสภาพแวดล้อมในห้อง ยังเป็นลักษณะนั้นเหมือนตอนที่เธอไป ทุกที่ล้วนมีข้าวของของเธอกับโห้หลีเฉิน
ในอากาศเหมือนยังหลงเหลือกลิ่นของโห้หลีเฉิน
ทันใดนั้นเย้นหว่านรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง หัวใจสับสนอย่างรุนแรง ในสมองเป็นท่าทางของโห้หลีเฉินที่วนไปวนมาไม่ขาด
เธอกระวนกระวายใจมาก เหม่ออยู่ที่นี่ ล้วนรู้สึกว่าวุ่นวายใจ
ตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่าควรจัดการความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโห้หลีเฉินอย่างไรดี
งานแต่งก็แต่งไม่ได้
แต่โห้หลีเฉินกลับยืนหยัด……
ปวดหัว
เย้นหว่านกดขมับที่ปวดไว้ หยิบมือถือออก โทรศัพท์ไปหากู้จื่อเฟย
ไม่นานกู้จื่อเฟยรับโทรศัพท์ขึ้น “เสี่ยวหว่าน เป็นอะไร? พรุ่งนี้เธอกลับมาใช่มั้ย เธออยากนัดฉันกินข้าวเหรอ?”
“ไม่ใช่นัดพรุ่งนี้ นัดตอนนี้”
แวบหนึ่ง เสียงของกู้จื่อเฟยก็ตื่นเต้นขึ้นมา
“จริงเหรอ เธอกลับมาแล้วเหรอ?”
“อืม พึ่งกลับมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉันไม่มีที่พักแล้ว จื่อเฟย เธอจะเก็บฉันไปมั้ย?”
“นั่นเป็นเรื่องแน่นอนสิ ฉันพึ่งเช่าคอนโดไว้ ย้ายออกมาพักคนเดียว กำลังเหงาเลยล่ะ เธอรีบมาอยู่เป็นเพื่อนฉันเลย”
เย้นหว่านอารมณ์ตกต่ำอยู่บ้าง เธอพูดเสียงเบาๆ “ได้ เธอมารับฉันที่เขตคฤหาสน์วิลล่าส้ายน่าหน่อยสิ”
“ได้ รอฉัน เดี๋ยวไป”
กู้จื่อเฟยรับปากแล้ววางสายโทรศัพท์อย่างว่องไว และไม่ได้ถามเย้นหว่านว่าทำไมต้องย้ายไปพักกับเธอกะทันหันด้วย
สำหรับเธอนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เย้นหว่านต้องการให้เธอไปรับ
เย้นหว่านวางสายโทรศัพท์ เตรียมเก็บสิ่งของของตัวเองไปจากที่นี่ให้หมด
เธอไปที่ห้องน้ำก่อน เก็บผลิตภัณฑ์อาบน้ำของตนเอง
ยืนอยู่แท่นหน้าอ่างล้างหน้า เธอมองแปรงสีฟันและแก้วน้ำที่เรียงวางไว้ด้านบน ยังมีโฟมล้างหน้าผ้าขนหนูข้าวของที่เป็นคู่พวกนี้ ในใจเป็นความอัดอั้น
ความจริงช่วงเวลาที่เธอกับโห้หลีเฉินอยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้นั้น ยังสวยงามมาก
ตอนนี้คิดขึ้นมา ล้วนรู้สึกอบอุ่นในใจ
แต่ว่าต่อไป กลัวว่าจะไม่สามารถมีวันเวลาแบบนี้ได้อีก
เย้นหว่านถอนหายใจทีหนึ่ง ความลำบากที่โหมซัดสาดกดทับในใจ กัดฟันเก็บสิ่งของที่เป็นของตนเองไปให้หมด
เธอไม่อยู่แล้ว โห้หลีเฉินคนที่นิสัยจุกจิกแบบนี้คงจะไม่ใช้หรอก ดังนั้นอะไรเอาไปได้เธอก็เอาไปหมด สิ่งที่เอาไปไม่ได้ ก็โยนใส่ในถังขยะ
จุดประสงค์คือจัดการให้สะอาด อะไรก็ไม่เหลือไว้ เลี่ยงที่ทำให้โห้หลีเฉินมองเห็นแล้วกระทบต่ออารมณ์
ถึงแม้เย้นหว่านจะย้ายเข้ามาอยู่ แต่ว่าข้าวของไม่ได้มากมาย กระเป๋าเดินทางใบหนึ่งก็เก็บเต็มแล้ว
มองกลับมาดูห้องที่ไม่มีสิ่งของส่วนตัวของเธออยู่แล้ว และเปลี่ยนมาโล่งสะอาด เป็นสไตล์ของโห้หลีเฉิน
แบบนี้ดูแล้วเหมือนไม่ขัดหูขัดตาขึ้นบ้าง
นี่ถึงเป็นสถานที่ของโห้หลีเฉิน
“กริ๊งๆๆ……”
ตอนที่เย้นหว่านกำลังเหม่อลอย เสียงมือถือก็ดังขึ้นมา
พอดูแล้ว เป็นของกู้จื่อเฟย
“เสี่ยงหว่าน ฉันถึงแล้ว เธอรีบออกมาเถอะ”
“ได้ เดี๋ยวไป”
เย้นหว่านวางสายโทรศัพท์ รีบยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบ เดินออกจากห้อง
ตอนที่เธอปิดประตู มองห้องอีกที ในใจผุดความอาลัยขึ้น
อาลัยอาวรณ์ห้องที่เคยพักอยู่นี้ อาลัยอาวรณ์ช่วงเวลาอบอุ่นหอมหวานที่ผ่านมาด้วยกันในห้อง อาลัยอาวรณ์คนในห้องนี้
แต่อาลัยอาวรณ์อย่างไร ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรเป็นของเธอ
เย้นหว่านหลับตาลงสูดลมหายใจลึกๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง อารมณ์ในแววตาเป็นความสงบและแน่วแน่
เธอค่อยๆ ปิดประตูห้องลง
รถของกู้จื่อเฟยจอดอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ พิงอยู่ที่หน้ารถแบบลาดเอียง กำลังรอเย้นหว่านอยู่
ตอนที่มองเห็นเย้นหว่านถือกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่สองใบออกมาจากในบ้าน เธอตกใจจนเบิกตากลมโต
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน เย้นหว่านย้ายบ้าน?
เธอรีบเดินเข้ามา รับกระเป๋าเดินทางเข้ามาใบหนึ่ง ถามอย่างเป็นห่วง
“เสี่ยวหว่าน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ? นี่คืออยากจะย้ายออกไปพักแล้วเหรอ?”
นั่นไม่ได้หมายความว่าระหว่างเธอกับโห้หลีเฉินเกิดปัญหาเหรอ?
คิดเชื่อมถึงคืนวันนั้นปัญหาที่เย้นหว่านถามว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าชอบคนคนหนึ่ง ชั่วขณะนั้นทำให้กู้จื่อเฟยยิ่งตื่นเต้นขึ้น
เธอชอบใครคนหนึ่งแล้ว เพราะเหตุนี้ย้ายจึงออกมาจากในบ้านโห้หลีเฉิน หรือว่าคนที่เธอชอบไม่ใช่โห้หลีเฉิน?
กู้จื่อเฟยรู้สึกสมองมึนเวียน รับไม่ได้กับการคาดเดานี้
เย้นหว่านลากกระเป๋าเดินทางเดินมาข้างรถ เดินมาพลางพูด “อืม ช่วงเวลานี้อาจจะต้องพักที่บ้านเธอก่อน รอเธอหาบ้านได้ ค่อยย้ายไป”
“นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือทำไมเธอร้องจะย้ายออกมา?”
กู้จื่อเฟยช่วยเย้นหว่านนำกระเป๋าเดินทางมาวางไว้หลังกระโปรงรถ กลับทนไม่ไหวรีบอยากจะรู้คำตอบ
ตอนเธอรับโทรศัพท์ ยังคิดว่าเย้นหว่านเพียงแค่อยากมาพักที่บ้านเธอสองวัน คาดไม่ถึงจะย้ายบ้านจริงจังขนาดนี้เลย
นึกถึงสาเหตุที่ย้ายออกมา อารมณ์เย้นหว่านก็อึมครึมขึ้น
เธอจงใจยักไหล่อย่างไม่สนใจ “ฉันอยากถอนหมั้นกับโห้หลีเฉิน”
ถึงแม้เขายังไม่ได้เห็นด้วย แต่เรื่องแบบนี้เลี่ยงไม่ได้
กู้จื่อเฟยตกใจจนคางเกือบตกถึงพื้น จ้องเย้นหว่านอย่างมึนงง
“จริงรึเปล่า? ทำไมกัน?”
“ฉันกับโห้หลีเฉินไม่ใช่คนโลกเดียวกันไง”
เย้นหว่านพูดข้อสรุปออกมาอย่างตรงๆ
เธอดึงประตูรถออก นั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ
กู้จื่อเฟยเห็นเย้นหว่านยืนหยัดถอนหมั้นขนาดนี้ แถมยังมีเหตุมีผล แต่ว่าตอนนี้……
“เมื่อคืนเธอไม่ใช่บอกว่ามีคนที่ชอบแล้วเหรอ คนคนนั้นเป็นใคร?”
เย้นหว่านตะลึง ในใจปวดอย่างหนักอึ้งอีกหน