บทที่ 315 ตอนที่คิดว่าใกล้สำเร็จสถานการณ์กลับเลวร้าย
บนหน้าของหล่อนมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน แต่กลับตามใจชอบอยู่เพียงคนเดียว ราวกับไม่มีความหมายอื่นใด แค่การดูแลระหว่างเพื่อนทั่วไป
ก่อนหน้านี้เพราะรู้สึกผิด เพราะความสัมพันธ์ตั้งแต่เด็ก โห้หลีเฉินไม่เคยปฏิเสธมู่หรุงซิ่นอย่างนี้ เหมือนความสัมพันธ์ของพวกเขาฉินฉู่ วางหล่อนไว้ข้างกาย
แต่ว่าความสัมพันธ์แบบนี้ ก่อนหน้านี้กลับทำให้เย้นหว่านเข้าใจผิดคิดว่ามู่หรุงซิ่นเป็นแฟนสาวของเขา
ความเข้าใจผิดแบบนี้ เขาไม่ชอบเลย แม้กระทั่งรำคาญอยู่บ้าง
แม้แต่มู่หรุงซิ่นก็ห่างเหินไปด้วย
โห้หลีเฉินเงยหน้า มองเห็นแอปเปิลที่เข้ามาใกล้ริมฝีปาก แอปเปิลนี้ปอกอย่างเป็นระเบียบ เหมือนผลงานศิลปะที่ประณีต พอๆ กันกับพ่อครัวฝีมือดีทั่วไปเหล่านั้น
แต่แอปเปิลที่เย้นหว่านปอก กลับรูปร่างใหญ่เล็กไม่เท่ากัน ล้วนไม่มีศิลปะที่พูดได้สักนิด เป็นวิธีการทานที่หยาบที่สุด
แต่เขากลับรู้สึกว่ามีเพียงแอปเปิลที่เย้นหว่านปอกเท่านั้น ถึงทำให้เขาอยากทาน
โห้หลีเฉินสีหน้าเย็นยะเยือก ริมฝีปากบางเม้มออก อยากจะปฏิเสธ เวลานี้เป็นอีกครั้งที่ประตูห้องถูกคนผลักเปิดอย่างไม่มีมารยาทสักนิด
“อาหารเช้าเอากลับมา……” แล้ว……
คำพูดของเย้นหว่านยังไม่ทันพูดจบ เสียงก็ขาดหายไปอย่างฉับพลัน
เธอมองเห็นคนข้างเตียงคนไข้ด้วยความแปลกใจอย่างยิ่ง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นมู่หรุงซิ่น เวลานี้เธอยังถือแอปเปิลอย่างสนิทแนบชิดขนาดนั้น ต้องการป้อนโห้หลีเฉิน
ชั่วขณะนั้นในทรวงอกมีไฟโกรธและความหึงเดือดดาลเพิ่มขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่
โห้หลีเฉินหันหน้ามามองเห็นเย้นหว่านที่หน้าประตู เธอยืนใจลอยอยู่ที่นั่น ท่าทางโดนโจมตีอย่างทุกข์ทน
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเล็กน้อย
มู่หรุงซิ่นหันหน้ามองตามไป พอมองเห็นเป็นเย้นหว่าน ก็อึ้งค้างแวบหนึ่ง ชั่วพริบตาเดียวความหวาดกลัวปีนขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจของหล่อน
เรื่องในวันนั้นมีเพียงหล่อนกับเย้นหว่านที่รู้ชัดเจน เป็นเพราะหล่อนผลัก เย้นหว่านถึงพุ่งไปที่ไฟแดงกะทันหัน ผู้สร้างประเพณีนิยมที่เลวร้ายในเรื่องนี้ พูดได้ว่าเป็นเพราะหล่อน
ถ้าเย้นหว่านพูดเรื่องนี้ออกมา คนตระกูลโห้ แม้กระทั่งโห้หลีเฉินก็จะพาลโกรธหล่อนไปด้วยเพราะเหตุนี้
และยิ่งไม่มีใครรู้ว่ารถที่ชนเข้ามาด้วยความเร็วคันนั้น เป็นหล่อนที่หาคนทำ
เดิมทีหล่อนอยากจะให้เย้นหว่านตาย แต่ว่านึกไม่ถึงว่าสุดท้ายเกือบจะเอาชีวิตของโห้หลีเฉินแล้ว
สองวันนี้ หล่อนใจผวาหวาดกลัว เพราะเหตุนี้จึงไม่กล้ามาเยี่ยมโห้หลีเฉินที่นี่แต่อย่างใด ไม่ง่ายที่วันนี้จะรวบรวมความกล้ามาอยู่เป็นเพื่อนโห้หลีเฉิน กลับไม่คิดว่าเย้นหว่านก็มาเช่นกัน
พวกหล่อนเป็นดาวมฤตยูโดยธรรมชาติเหรอ ทำให้เย้นหว่านมาเวลานี้ได้?
“เย้นหว่าน เธอมาทำอะไร?”
มู่หรุงซิ่นทำหน้าเย็นชา มองเย้นหว่านอย่างดุด่ารุนแรง น้ำเสียงนั้นราวกับหล่อนเป็นเจ้าของห้องคนไข้แห่งนี้
และในน้ำเสียงที่ไม่พอใจยิ่งมีความไม่ชอบและขับไล่อย่างเห็นได้ชัด
คนที่หนังหน้าหนาหน่อย ถ้าไม่ใช่ตอนนี้รู้สึกลำบากใจ ก็ต้องร้องไห้โฮๆ หนีไปแล้ว
เย้นหว่านกุมอาหารเช้าในมือไว้แน่น สีหน้าดูแย่เป็นพิเศษ และโกรธแค้น
ดีมาก มู่หรุงซิ่น เธอยังไม่ได้ไปหาหล่อนเพื่อคิดบัญชี หล่อนยังมีหน้ามาเยี่ยมโห้หลีเฉิน
หล่อนยังอยากทำร้ายโห้หลีเฉินอีกเหรอ?
เสียง “ปึง” ทีหนึ่ง เย้นหว่านนำอาหารเช้าในมือโยนทิ้ง หน้ามืดดำอยู่ เดินเข้ามาด้วยความเดือดดาล
เธอยกมือ จับมือที่มู่หรุงซิ่นถือแอปเปิลไว้
“เธอห้ามเข้าใกล้โห้หลีเฉินอีก”
คำพูดแต่ละคำแต่ละประโยคเหมือนเป็นคำสั่ง
มู่หรุงซิ่นยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตะลึงครู่หนึ่ง ชั่วขณะนั้นใบหน้ายิ่งดูแย่ลง
หล่อนใช้แรงสะบัดเย้นหว่านออก “เย้นหว่าน เธอคิดว่าเธอเป็นใคร เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้? เป็นเพราะเธอ เฉินถึงต้องนอนอยู่ที่นี่ ตอนนี้เธอเป็นคนที่ไม่มีสิทธิ์มายืนอยู่ตรงนี้ที่สุด”
เย้นหว่านยิ้มเยาะ “เพราะฉัน?”
มู่หรุงซิ่นหวาดผวาอยู่บ้าง ยังฝืนใจพูดต่อไปว่า
“เป็นเพราะเธอ หรือว่าเธอยังลืมได้เหรอ ตอนที่รถนั้นขับมา เฉินเป็นคนที่บังแทนเธอแบบนั้น คนที่โดนชนควรจะเป็นเธอ”
แต่ละคำของมู่หรุงซิ่นล้วนนำประเด็นของเรื่องราวเปลี่ยนไปเป็นชั่วขณะที่รถชนตอนนั้น เตือนสติเย้นหว่านว่าโห้หลีเฉินเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บแทนเธอ
สีหน้าของโห้หลีเฉินอึมครึม ตวาดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
“หุบปาก เรื่องของฉันไม่ต้องให้เธอมาพูด”
ถึงแม้ว่าเรื่องราวนี้จะเกิดขึ้นแล้ว แต่เขาไม่อยากให้สิ่งนี้เหลืออยู่ที่ใจของเย้นหว่านไปตลอด ทำให้เธอรู้สึกผิดและเสียใจ
ถ้าให้เกิดอีกครั้ง เขาก็ยังจะผลักเธอออกอย่างไม่ลังเลสักนิดเดียว
สิ่งที่เขาต้องการ แต่ไหนแต่ไรมีเพียงแค่ให้เธอปลอดภัยเท่านั้น
มู่หรุงซิ่นถูกตะคอกจนมึนงง สีหน้าซีดเซียว หล่อนพูดอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “เฉิน ฉันเพียงแค่รู้สึกไม่คุ้มค่าแทนนาย”
มองท่าทางของมู่หรุงซิ่นที่เหตุผลควรเป็นเช่นนั้น เย้นหว่านรู้สึกว่าเสียดสีที่สุดเลย ฝีมือการแสดงของผู้หญิงคนนี้ช่างดีเหลือเกิน หรือว่าจิตสำนึกน้อยเกินไป?
เมื่อก่อนเย้นหว่านยิ่งยังอยากไว้หน้ามู่หรุงซิ่นสักหน่อย แต่ว่าหลังเรื่องราวในครั้งนี้ เธอมีเพียงความเกลียดชังที่ไร้ขีดจำกัดต่อมู่หรุงซิ่น
“ได้สิ งั้นพวกเรามาคุยกันหน่อย ทำไมฉันถึงพุ่งไปที่ไฟแดงกะทันหัน คนที่ควรตายจริงๆ คนนั้นเป็นใคร”
ได้ยินคำพูดนี้ ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าของมู่หรุงซิ่นยิ่งซีดเผือดขึ้น และยิ่งใจผวา
หล่อนคาดไม่ถึงว่าเย้นหว่านที่แต่ไหนแต่ไรอ่อนแอว่าง่าย อยากพูดเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าโห้หลีเฉิน
หล่อนไม่อาจให้โห้หลีเฉินรู้ได้!
ถึงแม้หล่อนจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ไม่เจตนา แต่ถ้าโห้หลีเฉินสืบค้นเรื่องนี้ลึกลงไป ผลสุดท้ายยังอันตรายอย่างยิ่ง
สีหน้ามู่หรุงซิ่นเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ด่าว่า “เย้นหว่าน ทำไมถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ยอมรับว่าเฉินบาดเจ็บเพราะเธอ ยังอยากหาคนมาเป็นแพะรับบาป ทำให้ความรู้สึกผิดของเธอน้อยลงเหรอ?
เมื่อก่อนฉันเพียงแต่รู้สึกว่าเธอไม่รู้จักดีชั่ว ตั้งอกตั้งใจอยากถอนหมั้นกับเฉิน ตอนนี้ดูแล้วเธอไม่แค่เท่านั้น ยังไร้จิตใจ แม้แต่สำนึกยังไม่มี ในเมื่อตอนนี้เธอไม่มีความสัมพันธ์กับเฉินแล้ว เธอก็อย่ามาขวางตาแบบจอมปลอมอีก รีบไสหัวไปเถอะ”
พอเอ่ยปาก ยิ่งเป็นการตำหนิกองโต
มู่หรุงซิ่นมองเย้นหว่านอย่างเย็นชา เหมือนนางฟ้าที่ยืนอยู่จุดครอบคลุมของศีลธรรม ติดฉลากสีดำไว้บนตัวของเย้นหว่าน
ราวกับว่าต่อนี้ไป ไม่ว่าเย้นหว่านจะพูดอะไร ล้วนเป็นการแก้ต่างให้ตนเอง เพื่อลดความรู้สึกผิดของตนเองให้น้อยลง อธิบายว่าเป็นความเห็นแก่ตัวเหลือเกิน
เย้นหว่านหัวเราะเยาะ ที่จริงเรื่องพวกนี้เป็นความขัดแย้งระหว่างเธอกับโห้หลีเฉิน ตอนนี้มู่หรุงซิ่นย้ายออกมา ไม่ใช่อยากยุแหย่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโห้หลีเฉินให้แตกกันเหรอ?
มู่หรุงซิ่นล้วนเล่นไม้นี้อย่างชำนาญเป็นมืออาชีพเรื่อยมา
แต่เธอคงไม่โดนหล่อนหลอกลวงและล้อเล่นอีกแล้ว
เย้นหว่านพูดอย่างเมินเฉย “ฉันกับโห้หลีเฉินเคยพูดว่าถอดหมั้น แต่เท่าที่ฉันรู้ ข่าวนี้ยังไม่ได้ประกาศต่อภายนอก คุณหนูมู่หรุง ขอโทษนะคะคุณรู้ได้อย่างไร?”
คำถามนี้ทำเอามู่หรุงซิ่นตะลึงฉับพลัน
แน่นอนว่าเป็นเพราะหล่อนจัดเตรียมคนไว้ที่ตระกูลโห้ ติดตามสถานการณ์ของตระกูลโห้ทุกเวลา ดังนั้นถึงรู้ในวินาทีแรก
แต่เรื่องจัดเตรียมคนเรื่องนี้ หล่อนจะเอามาพูดต่อหน้าได้อย่างไรกัน?
เย้นหว่านที่สมควรตายนี้ คาดไม่ถึงจะดื้อดึงอย่างมาก อารมณ์ที่รู้สึกผิดไม่ได้ถูกนำขึ้นมาสักนิดเดียว ตั้งใจจับจุดผิดพลาดของหล่อนไม่ปล่อย
นี่เย้นหว่านยังเป็นเย้นหว่านคนเมื่อก่อนนั้นอยู่รึเปล่า?