บทที่ 320 ห้ามไป
ป่ายฉีมองเย้นหว่าน ในที่สุดก็เข้าใจขึ้นมา และท่าทางที่กลั้นความดีใจไม่อยู่นั้นอีก รู้สึกปวดหัวชั่วครู่หนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้ถูกหลอกถูกล้อเล่นแล้วยังดีใจขนาดนี้?
ช่วยไม่ได้แล้ว
เขาลุกขึ้นมาอย่างหมดคำจะพูด แตะๆ ไหล่ของเย้นหว่าน “ไม่มีธุระของผมแล้ว ผมไปก่อนนะ คุณอยากไปส่งผมรึเปล่า?”
เย้นหว่านถึงได้สติกลับมา พูดอย่างมีมารยาท “แน่นอน ฉันจะไปส่งคุณ”
“ห้ามไป”
โห้หลีเฉินตวาดเสียงเย็น สีหน้าดูแย่ที่สุด
เดิมทีมองป่ายฉีไม่ถูกชะตา ตอนนี้เขายิ่งอยากทำลายเส้นทางชีวิตป่ายฉีให้พังใจแทบขาด
ที่จริงครั้งแรกที่ป่ายฉีทำร้ายเย้นหว่าน เป็นความผิดพลาดที่เขาไม่ได้ลงมือจัดการป่ายฉีให้ตายทันที
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินอยู่ สายตาประกายแวววาว ตั้งนานอาการบาดแผลของโห้หลีเฉินก็ยังไม่ดี คงเป็นเพราะสาเหตุนี้
ผู้ชายคนนี้ถึงแม้การแสดงออกยังห่างเหินเธอแบบแข็งกร้าว แต่ในใจลึกๆ ยังอาลัยอาวรณ์เธอ กลัวรอเขาหายป่วย เธอก็จากไปล่ะมั้ง
ในใจมีความชื่นใจเป็นช่วงๆ ทั้งยังมีความเขินอายอย่างดีใจ
สายตาเธอแวววาว เดินไปทางด้านนอก “ไม่นานฉันก็กลับมาแล้ว”
ไม่รอโห้หลีเฉินพูดจาอีก เย้นหว่านเดินออกจากห้องคนไข้ก่อนก้าวหนึ่ง
ตอนนี้ในใจเธอเต้นสั่นไหวเหมือนบรรจุกระต่ายน้อยที่กระโดดโลดเต้นอยู่ตัวหนึ่ง เธอต้องการปลอบใจตนเองลง
อีกอย่างก็คือ……
พึ่งเดินออกจากห้องคนไข้ เย้นหว่านรีบถามอย่างร้อนใจ “ป่ายฉี ที่นั่นคุณยังมียาแบบนั้นที่ให้ฉันครั้งก่อนอยู่รึเปล่า ที่สามารถรักษาให้บาดแผลหายเร็วได้”
หลังจากครั้งนั้นที่เธอถูกป่ายฉีบังคับให้ทายา วันต่อมาบาดแผลก็ดีขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ ทำให้เธอได้รับโทษน้อยลงมากเลยทีเดียว
ถึงแม้ความหมายของโห้หลีเฉินจะทำให้เย้นหว่านดีใจมาก แต่เธอกลับไม่ยอมให้เขาได้รับความทรมานที่เจ็บปวดมาก
“มีก็มันมี แต่โห้หลีเฉินไม่ชอบผม ผมไม่อยากให้เขา”
ป่ายฉียักๆ ไหล่ ความรังเกียจบนใบหน้าไม่ปกปิดสักนิด
ถ้าเป็นไปได้ เขายินยอมส่งน้ำพริกให้เขา ให้บาดแผลเขาเจ็บจนตาย
เย้นหว่านตะลึงนิดหน่อย ตกใจอยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้ป่ายฉีเหมือนไม่ได้รู้สึกไม่พอใจต่อโห้หลีเฉินขนาดนี้ เมื่อสักครู่ในห้องคนไข้ เกิดอะไรกันขึ้นกับผู้ชายสองคนนี้ ทำไมช่วงเวลาครู่เดียวถึงต่างฝ่ายต่างไม่ชอบกันแบบนี้ได้?
ปวดหัว
เย้นหว่านกำลังหงุดหงิดกลัดกลุ้ม ป่ายฉีกลับหัวเราะแล้วพาดแขนมาบนไหล่ของเย้นหว่าน โอบเธอเดินออกไปข้างนอก
“แต่ถ้าคุณส่งผมไปถึงหน้าประตูใหญ่โรงพยาบาล ผมจะเอายาให้คุณ”
“จริงเหรอ?”
เย้นหว่านดีใจใหญ่ แม้แต่แขนที่ไม่ซื่อสัตย์ของป่ายฉีก็ลืมปัดลงมาจากบนไหล่เลย
ส่งเขาออกไปเดิมทีเป็นเรื่องที่สมควร แถมยังได้รับยามา เย้นหว่านอารมณ์ดีจนพูดไม่ออกเลย
ป่ายฉีหันหน้ามองเย้ยหว่าน แววตามีความจำใจหลายระดับ
สักพักหนึ่ง เขาถามเสียงทุ้ม “คุณชอบโห้หลีเฉินมากเลยเหรอ?”
ถูกถามปัญหานี้กะทันหัน เย้ยหว่านตะลึงแล้ว แก้มก็แดงนิดหน่อย
เธอโต้กลับโดยจิตใต้สำนึก “ไม่มีนะ ไม่มีเรื่องนี้”
“สายตาของคุณพูดโกหกไม่ได้” ป่ายฉีเปิดโปงเธอ
แก้มของเย้นหว่านยิ่งแดงยิ่งขึ้น เธอก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ครั้งนี้กลับไม่ได้ตอบโต้อีก
เธอชอบโห้หลีเฉินจนปิดซ่อนไม่อยู่เลยเหรอ?
งั้นโห้หลีเฉินมองออกแล้วหรือเปล่า……
นึกถึงความเป็นไปได้นี้ หัวใจของเย้นหว่านอดไม่ไหวเต้นเร็วขึ้นอีกหลายจังหวะ
“ดูสิ คุณมาส่งผมแบบนี้ กลับทำท่าทางคิดถึงผู้ชายคนอื่นเต็มหัวใจไปหมด ผมใจสลายมากจริงๆ นะ”
ป่ายฉีบ่นอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นพิเศษ
เย้นหว่านได้สติกลับมา แก้มแดงมาก “ไม่ ไม่มี ฉัน……”
“ให้แล้วๆ ไม่ต้องส่งแล้ว ผมไม่ต้องการร่างที่ไร้จิตวิญญาณ รีบกลับไปเถอะ”
ท่าทางป่ายฉีเศร้ารันทดมาก นำขวดน้อยสองอันที่ไม่มีฉลากใดๆ ยัดให้เย้นหว่าน
จากนั้นหมุนตัวออกไป
เย้นหว่านถือขวดไว้ ได้ยินเสียงเม็ดยาด้านในกลิ้งขยับ รีบร้อนดึงมือของป่ายฉีเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน”
ป่ายฉีดวงตาประกาย “ทำไม รู้โดยจิตสำนึก คิดจะไปส่งผมอย่างจริงใจแล้วเหรอ?”
เย้นหว่านเขินอายอยู่หน่อย “คือว่าขวดนี้ของคุณคือเม็ดยา ใช้กินเหรอ? กินยังไงกัน แต่ละครั้งกินเท่าไร?”
ป่ายฉี “……”
เขาสะบัดมือของเย้นหว่านออก “ผู้หญิงที่เห็นแฟนสำคัญกว่าเพื่อน”
เย้นหว่านไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี ป่ายฉีเป็นตัวละครที่แสดงจนติดไปแล้ว ทำบ้าอะไรกัน?
“วันหนึ่งครั้งหนึ่ง หนึ่งครั้งหนึ่งเม็ด กินด้วยกันกับยาอื่น ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ ดีหมดแน่นอน”
เย้นหว่านตกใจใหญ่ ผลลัพธ์ยานี้ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน!
ทำให้เวลาออกจากโรงพยาบาลของโห้หลีเฉินมาก่อนล่วงหน้าหลายเท่าเต็มๆ
เย้นหว่านอยากจะรีบกลับไปให้โห้หลีเฉินกินยาใจแทบขาด
“เย้นหว่าน”
ป่ายฉีมองเย้นหว่านด้วยสายตาล้ำลึก ท่าทางเคร่งขรึมหลายระดับ
เย้นหว่านสงสัย “มีอะไรเหรอ?”
ท่าทางที่แสดงออกพัวพันอยู่บ้าง ลังเลอยู่บ้าง สักพักหนึ่งถึงพูดด้วยเสียงทุ้มๆ
“อนาคตอาจจะไม่ได้ดีขนาดนั้น ให้คุณค่ากับปัจจุบัน มีความสุขกับเวลานี้”
“หา?”
เย้นหว่านยิ่งสงสัยขึ้นอีก ป่ายฉีเล่นสำนวนประโยคนี้กับเธอกะทันหันทำไม?
ป่ายฉีส่ายๆ หน้าอย่างจำใจ ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก หมุนตัวเดินไปข้างนอกอย่างสง่างาม
เย้นหว่านมองภาพด้านหลังของเขาแบบใจลอย ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าป่ายฉีเหมือนรู้เรื่องราวมากมาย ทั้งยังเกี่ยวกับเธอด้วย
โห้หลีเฉินสีหน้าเย็นเฉียบนั่งอยู่บนเตียง เหมือนเป็นก้อนน้ำแข็งที่แพร่ไอเย็น หรือเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ
เมื่อสักครู่เธอไม่ฟังคำพูดเขา ยืนหยัดจะไปส่งป่ายฉี เขาโกรธแล้วหรือเปล่า?
เย้นหว่านอึดอัดอยู่เล็กน้อย รีบดึงรอยยิ้มบนหน้าออกมา แล้วเดินไปข้างเตียง
“โห้หลีเฉิน ป่ายฉีบอกว่ามีวิธีทำให้คุณแผลหายหมดภายในหนึ่งอาทิตย์ และออกจากโรงพยาบาลได้”
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของโห้หลีเฉินยิ่งไม่ดี
จากนั้นปฏิเสธเสียงเย็นชา “ไม่ต้องการ”
“แต่คุณเป็นแบบในตอนนี้ อย่างน้อยต้องสองสามเดือน……”
“ฉันเต็มใจ”
โห้หลีเฉินขัดจังหวะคำพูดของเย้นหว่านอย่างแข็งกร้าว หันตัวนอนลงมา มองก็ไม่มองเย้นหว่านสักนิด
ภาพด้านหลังที่เย็นชานั้น เผยความห่างเหินที่คนแปลกหน้าห้ามเข้าใกล้อยู่
เย้นหว่านกลัดกลุ้ม ยาที่อยากจะเอาออกมาก็ยัดกลับไปในกระเป๋าแบบนี้แล้ว
โห้หลีเฉินรำคาญป่ายฉีมากจริงๆ กลัวว่ายาที่ป่ายฉีให้มา เดิมทีเขาคงจะไม่กินลงไป
เธอหยิบออกมา ไม่แน่ว่ายังจะโดนโห้หลีเฉินโยนทิ้ง
เย้นหว่านจำใจ และไม่มีทางกล่อมโห้หลีเฉินอีก ทำได้เพียงลงมือจากด้านอื่น
เธอไม่สามารถปล่อยให้เขาป่วยต่อไปแบบชักช้าขนาดนี้ได้อีก แต่ละครั้งที่มองเห็นบาดแผลของเขา เธอล้วนปวดใจ
เย้นหว่านแอบๆ ไปหาอาจารย์หมอ
หมอได้รู้ว่าเย้นหว่านรับรู้สถานการณ์ของโห้หลีเฉินแล้ว จึงทำหน้าจำใจเช่นกัน
“คุณเย้น ไม่ใช่ผมไม่ช่วยคุณ เป็นเพราะผมไม่มีวิธีจริงๆ คุณโห้ไม่ทานยาตอนเช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบาดแผลมักจะปริออก พอแยกออกแบบนี้ก็ต้องรักษาใหม่อีก เวลาไปๆ มาๆ ก็นานขึ้น ถึงแม้ผมอยากรักษาเขาให้หาย ก็ไม่มีวิถีทางครับ”
“งั้นถ้ามียาที่สามารถรักษาได้รวดเร็วล่ะ?”
เย้นหว่านนำยาสองขวดที่ป่ายฉีให้เธอยื่นให้หมอแล้ว
หมอมองขวดยาที่ไม่มีฉลากอะไรนั้นอยู่ สงสัยอยู่บ้าง นี่คือของมั่วซั่วอะไรที่เย้นหว่านหามาจากที่ไหนกัน?
แต่อีกฝ่ายเป็นถึงคุณนายเจ้านายในอนาคต หมอจึงไม่กล้าโมโหเธอโดยตรง ทั้งยังเปิดขวดยาออกด้วยความอดทน และดูหน่อยแล้ว
พอมองไป หมอกลับตกตะลึง
“ยานี้คุณได้มาจากที่ไหนครับ?