บทที่ 316 ความจริงเปิดเผย
มู่หรุงซิ่นรู้สึกใจผวา หล่อนกัดฟันพูดว่า “แต่ไหนแต่ไรความสัมพันธ์ฉันกับตระกูลโห้ก็ดีอยู่แล้ว เรื่องใหญ่แบบนี้ ฉันย่อมรู้เป็นธรรมดา”
หล่อนหลังตรงดิ่ง แสร้งทำเป็นพูดแบบมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำ แต่มีเพียงหล่อนเองที่รู้ว่าตอนนี้หล่อนมีกำลังไม่พอมากเท่าไร
เรื่องแบบนี้ หล่อนไม่รู้ว่ามีสักกี่คนในตระกูลโห้ที่รู้เรื่องแล้ว หล่อนได้แต่เสี่ยงดู ยังมีญาติคนอื่นของตระกูลโห้ที่รู้ ทำให้โห้หลีเฉินเชื่อว่าเป็นคนเหล่านั้นของตระกูลโห้บอกหล่อน
สายตาของโห้หลีเฉินถึงตกลงบนตัวของมู่หรุงซิ่นราวกับให้รางวัลเป็นครั้งแรก
เพียงแต่สายตานั้นกลับหนาวเย็นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
วันนั้นหลังจากเขาบอกว่าถอนหมั้นแล้วก็จากไปทันที แต่เรื่องราวหลังจากนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมั่นใจอย่างชัดเจนมาก
จูเหลียนอีงไม่เห็นด้วยที่จะถอนหมั้น ถึงแม้หลังเขาพูดไป จูเหลียนอีงยังดึงดันจัดพิธีแต่งงานต่อไปอีก เรื่องถอนหมั้นนี้ นอกจากพ่อบ้านแล้วก็ไม่ได้ให้คนรอบข้างรู้เรื่อง
คนอื่นๆ ของตระกูลโห้ยิ่งไม่รู้เลย
ทว่ามู่หรุงซิ่นกลับรู้ เห็นได้ว่าเดิมทีไม่ได้รับรู้มาจากปากของคนตระกูลโห้ สำหรับหล่อนรู้ได้อย่างไรกันแน่ คิดดูให้ละเอียดแล้วน่ากลัวที่สุด
ผู้หญิงคนนี้ เดิมทีก็เหมือนกับคนอื่นๆ ดูขึ้นมาไม่ใช่ภายนอกที่แสนดีไร้เดียงสาแบบนั้น แถมยังลงมือต่อตระกูลโห้ด้วย
มิตรภาพทั้งหมดในอดีต อยู่ในช่วงเวลาที่ฉับพลันก็พังทลายทั้งหมด
เย้นหว่านไม่รู้ว่าสรุปแล้วในตระกูลเกิดสถานการณ์อะไร แต่ดูการแสดงออกของโห้หลีเฉิน จึงทายภาพรวมได้คร่าวๆ
มู่หรุงคนนี้ หางจิ้งจอกโผล่ออกมาแล้ว
เธอแอบยิ้มเยาะ พูดต่อไป “ใช่จริงด้วย ฉันก็ลืมไป เธอกับโห้หลีเฉินเคยเป็นคู่ที่รักใคร่กันมาก เป็นเพราะหลังรถชนเธอท้องไม่ได้ คุณย่าโห้ถึงแยกคู่รักที่แน่นแฟ้นออกจากกัน กั้นเธอกับโห้หลีเฉินให้แยกกัน
ตอนนี้เธอได้รับความช่วยเหลือของป่ายฉี สามารถมีลูกเป็นของตัวเองได้อีกครั้ง ดังนั้นฉันกับโห้หลีเฉินถอนหมั้นกันครั้งนี้ คุณย่าโห้เลยให้เธอมาแทนที่ฉัน มาเป็นเจ้าสาวคนนี้ ในที่สุดความสัมพันธ์หลายปีขนาดนี้ของเธอกับโห้หลีเฉินก็ได้รับผลดี ฉันต้องยินดีกับเธอด้วยรึเปล่า?”
คำพูดพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่มู่หรุงซิ่นหลอกลวงเย้นหว่านมาก่อน แต่คาดไม่ถึงว่าตอนนี้เย้นหว่านจะพูดออกมาทั้งหมดต่อหน้าโห้หลีเฉิน
งั้นคำโกหกพวกนี้ของหล่อน ชั่วขณะนั้นก็ถูกเปิดโปงทั้งหมดแล้ว
รวมทั้งความเห็นแก่ตัวของหล่อนต่อโห้หลีเฉิน และทุกอย่างที่แอบทำลับหลังเขา
มู่หรุงซิ่นหนังศีรษะชา โต้กลับอย่างลนลาน “เธอพูดเหลวไหล!”
การโต้กลับของหล่อน เห็นได้ชัดว่าไร้พลังซีดเซียวแบบนั้น แม้กระทั่งรู้สึกถึงสายตาที่เหน็บหนาวเสียดกระดูกของชายหนุ่มด้านข้างอย่างชัดเจน
หล่อนกระวนกระวาย สับสนถึงที่สุดแล้ว
หล่อนหันหน้ามา อธิบายกับโห้หลีเฉินอย่างเร่งรีบ “เฉิน นายเชื่อฉันนะ เรื่องพวกนี้ฉันไม่ได้พูด เย้นหว่านเข้าใจผิดเอง มิตรภาพที่ฉันมีต่อนาย แต่ไหนแต่ไรนายรู้ชัดเจนที่สุด
เฉิน นายจะต้องเชื่อฉันนะ เชื่อฉันได้รึเปล่า?”
ขณะพูดอยู่ หล่อนยิ่งหวาดกลัว อยากเข้าไปดึงแขนของโห้หลีเฉิน กลับถูกชายหนุ่มหลบออกนิดหน่อย
โห้หลีเฉินมองหล่อนด้วยสายตาที่บางเฉียบ แต่ละคำแต่ละประโยค สอบถามอย่างเสียงเย็นชา
“ที่รถชนวันนั้น เป็นเธอกับเย้ยหว่านอยู่ที่ข้างทาง?”
มู่หรุงซิ่นแข็งทื่อฉับพลัน เย็นตั้งแต่หนังศีรษะไปถึงปลายเท้า
โห้หลีเฉินฉลาดระดับใด แม้กระทั่งเย้นหว่านยังไม่ทันได้พูดเรื่องรถชนวันนั้น คาดไม่ถึงเขาจะเดาได้แล้ว
แม้กระทั่งมู่หรุงซิ่นยังไม่อยากเชื่อ เขาคนนี้ที่ไม่เคยเชื่อเรื่องบังเอิญ จะนำเรื่องในวันนั้น ขยายออกว่าอย่างไรบ้าง
หล่อนกลัวแล้ว รีบร้อนแก้ตัว “ไม่ ไม่ใช่ ฉัน……”
“คุณหนูมู่หรุง หรือว่าคนที่คุยอยู่ข้างทางกับฉันวันนั้นไม่ใช่คุณ?”
เย้นหว่านแสร้งทำเป็นส่งเสียงอย่างตกใจ การแสดงออกนั้นกลับเต็มไปด้วยการหยอกล้อและเอือมระอา
ถ้าไม่ใช่มู่หรุงซิ่นจงใจหาเรื่อง และยังจงใจผลักเธอ เย้นหว่านคงไม่ต้องพุ่งไปหาไฟแดง โห้หลีเฉินก็ไม่ต้องมาช่วยชีวิตเธอ และเจ็บตัวถึงขั้นนี้
เย้นหว่านมีความรู้สึกผิดที่โห้หลีเฉินช่วยชีวิตเธอ แต่สำหรับมู่หรุงซิ่นเป็นความเกลียดเข้ากระดูก
คำพูดของเย้นหว่านเท่ากับเป็นการยืนยันคำถามของโห้หลีเฉินอยู่กลายๆ ความสงสัยภายในใจของโห้หลีเฉินได้รับการพิสูจน์ชัดแล้ว
พอคิดเชื่อมต่อกันอีกที ทำไมเย้นหว่านถึงพุ่งไปหาไฟแดงกะทันหัน คำตอบเกือบจะเป็นข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้ง
สีหน้าของโห้หลีเฉินเย็นแล้วเย็นอีก สายตาที่เขามองมู่หรุงซิ่นเหมือนกำลังมองคนตายคนหนึ่ง
“เธออยากเอาชีวิตของเย้นหว่าน?”
น้ำเสียงที่สอบถามนั้น เกือบเป็นความแน่วแน่
มู่หรุงซิ่นตกใจจนอ่อนไปทั้งตัว ฟุบนั่งลงที่พื้น
หน้าหล่อนเต็มไปด้วยความตระหนกไม่สงบ หวาดกลัวจนถึงที่สุด น่าสยองแบบโห้หลีเฉินนั้น เพียงพูดไม่กี่คำ ก็เดาเป้าหมายท้ายสุดของหล่อนออกมาได้แล้ว
นี่ถ้ายอมรับไป หล่อนจะยังมีทางรอดเหรอ?
มู่หรุงซิ่นรีบส่ายหน้า ทำหน้าไร้ความผิดและลนลาน ราวกับเธอเป็นคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมที่สุดอย่างน่าสงสารทีเดียว
“เฉิน ฉันเป็นคนยังไง นายยังไม่รู้เหรอ? ฉันจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน วันนั้นฉันเจอเย้นหว่านที่ข้างทางเข้าจริงๆ และพูดไม่เข้าหูกับหล่อนสองสามประโยค แต่นั่นเป็นเพราะเย้นหว่านไร้จิตใจกับนาย
ฉันถามหล่อนว่าทำไมถึงถอนหมั้นกับนาย ทำไมทำกับนายแบบนั้น นายรู้มั้ย หล่อนไม่มีความรู้สึกผิดเลยสักนิดเดียว บอกว่าหล่อนไม่เคยสนใจนาย และที่อยู่ด้วยกันกับนายก็เบื่อหน่ายไม่มีความสุข ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญา แม้แต่หมั้นก็จะไม่หมั้นกับนาย
หล่อนเหยียดหยามความรู้สึกของนายแบบนั้น ฉันทนไม่ไหวจริงๆ”
คำพูดแต่ละประโยค เกือบเสียบเข้าในทรวงอกของโห้หลีเฉิน
เรื่องถอนหมั้น การปฏิเสธของเย้นหว่าน เป็นความขัดแย้งที่เอาชีวิตที่สุดระหว่างเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินมาโดยตลอด
สีหน้าของโห้หลีเฉินยิ่งดูแย่เพิ่มขึ้น
ตอนนี้เย้นหว่านพยายามเติมเสริมความสัมพันธ์กับโห้หลีเฉิน แต่ไม่คิดว่าโห้หลีเฉินจะเข้าใจผิดอีก ถ้าผลักเธอออกไปจะทำอย่างไร?
เธอรีบวิ่งมาที่ข้างเตียง จับมือของโห้หลีเฉินไว้อย่างร้อนใจ
“หล่อนโกหก ฉันไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้เลย ฉันไม่ได้ลำบากใจหรือเบื่อหน่าย ความจริงสำหรับคุณนั้นฉัน……” ชอบมาก……
“เย้ยหว่าน ตอนนี้เธอจะมาแสร้งทำเป็นคนดีอะไร? สิ่งที่เธอเคยพูดเอง เธอยังอยากกลืนกลับคืนเหรอ”
มู่หรุงซิ่นตวาดเสียงดัง ขัดจังหวะคำพูดของเย้นหว่าน
หล่อนชี้เย้นหว่านไว้ ราวกับเย้นหว่านต่างหากที่เป็นตัวการก่อกรรมทำชั่ว
สายตาของโห้หลีเฉินกวาดผ่านมือน้อยของเย้นหว่านที่ดึงเขาไว้แน่น และตกบนหน้าที่ประหม่าสุดๆ ของเธอ
เสียงของเขาทุ้มต่ำที่สุด “ความจริงอะไร?”
ที่เขาใส่ใจมีเพียงความตอบอันนี้
ชั่วขณะนั้นหัวใจเย้นหว่านเต้นรัวไม่หยุด เธอคาดไม่ถึงว่ามู่หรุงซิ่นจะพูดมากขนาดนี้ เผชิญกับเรื่องราวมากขนาดนี้ โห้หลีเฉินยังสามารถนำปัญหาวนกลับไปได้อีก
และคำตอบนี้สำคัญต่อเขา และสำคัญต่อเธอเช่นกัน
มู่หรุงซิ่นเหมือนจะรู้ว่าเย้นหว่านอยากพูดอะไร ในใจยิ่งเพิ่มความหวาดผวา ถ้าเย้นหว่านพูดไปแล้ว บางทีเรื่องนี้คงไม่มีที่เหลือให้หวนกลับอีก
หล่อนจะโดนสงสัย ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเข้าใกล้โห้หลีเฉิน ยิ่งไม่อาจจะอยู่ด้วยกันกับโห้หลีเฉินได้อีก
หล่อนรีบร้อนเอ่ยปาก “หรือว่าเธอยังอยากบอกว่าความจริงเธอชอบเฉินเหรอ?”
เย้นหว่านขมวดคิ้ว คำพูดประโยคนี้พูดออกมาจากปากของมู่หรุงซิ่น จึงเปลี่ยนอารมณ์เสียแล้ว
มู่หรุงซิ่นเสียดสีอย่างยิ้มเยาะ “เย้นหว่าน เธอยังใช้วิธีการไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลจริงๆ นะ เพื่อเหยียบย่ำฉันแล้ว แม้แต่คำหลอกลวงที่ต่ำช้าแบบนี้ยังพูดออกมา ถ้าเธอชอบเฉินจริง ก่อนหน้านี้ทำไมถึงดื้อดึงอยากถอนหมั้นขนาดนั้น? ตอนนี้เกิดเรื่องแล้ว ดีนี่ เธออยากกลับคำเป็นบอกว่าชอบเฉินแล้ว เธอคิดว่าจะมีคนเชื่อเหรอ?”
การถากถางแต่ละประโยคนั้น ทำให้คำพูดที่ตันอยู่ในลำคอของเย้นหว่านมีน้ำหนักพันมหาศาล