บทที่ 332 คือ การอำลา
โกหก? ผูกมัด?
ริมฝีปากบางของโห้หลีเฉินกดแน่น และมุมปากก็มีรัศมีวงกลมเยาะหยันออกมา
เขาไม่เคยคิดที่จะเอาเปรียบผู้หญิงของตัวเอง หรือว่าใช้เธอเป็นประโยชน์มาก่อน
โห้หลีเฉินกำลังจะเปิดปากเพื่อให้จูเหลียนอีงตายใจนั้น ในขณะนี้ หน้าประตูก็มีเสียงของอะไรบางอย่างหล่นลงบนพื้นดัง “เพล้ง”ขึ้นมา
เสียงไม่ดังมากนัก ทว่ากลับทำให้โห้หลีเฉินรู้สึกฉลาดขึ้นมาในทันใด
ราวกับว่าเขาตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างโดยสัญชาตญาณได้ เขารีบเดินไปที่หน้าประตู และเปิดประตูทันที
เขาประหลาดใจเมื่อเห็นว่า เย้นหว่านยืนอยู่ที่หน้าประตู ด้วยสีหน้าหมองคล้ำอย่างตกใจ
ภายในดวงตาคู่นั้นที่สุกใสเหมือนสายน้ำ เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ และ ยังได้รับบาดเจ็บอย่างทำอะไรไม่ถูก
หัวใจของโห้หลีเฉินเหมือนถูกอะไรบางอย่างจับไว้แน่นในทันที และใช้เล็บอันแหลมคมเสียบเข้าไปในหัวใจของเขา เจ็บปวดอย่างรุนแรง
คอหอยของเขาแห้งนิดหน่อย “เย้นหว่าน…”
เธอกลับมาแล้ว
ช่อดอกไม้สดที่ร่วงหล่นลงบนพื้น คิดได้อย่างไม่ยากว่า นี่คือของขวัญที่มอบให้เขาออกจากโรงพยาบาล
แต่เห็นได้ชัดว่าเธอได้ยินสิ่งที่จูเหลียนอีงพูดในเมื่อสักครู่นี้ ได้ยินมากแค่ไหน…
เย้นหว่านสีหน้าซีด และจ้องไปที่ผู้ชายตรงหน้าเธออย่างว่างเปล่า
เมื่อก่อนเธอไม่กล้าเข้าใกล้โห้หลีเฉิน ไม่กล้าไปรักโห้หลีเฉิน เป็นเพราะการแต่งงานในครั้งนี้เหมือนดั่งขนมเปี๊ยะที่ตกลงมาจากท้องฟ้า(ลาภลอย) ก็เหมือนกับความฝันอันเหลือเชื่อ ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งอย่างเธอกลับแต่งงานกับโห้หลีเฉินลูกชายที่น่าภาคภูมิใจของสวรรค์
เธอเคยไม่เชื่อเรื่องแบบนี้อย่างมีเหตุผล จนรักษาระยะห่างจากโห้หลีเฉินไว้ระดับหนึ่ง เพื่อรอให้ยกเลิกการแต่งงานและใช้ชีวิตของแต่ละคน
แต่ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่โห้หลีเฉินได้ทำกับเธอ ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างไม่หยุด ซึ่งทำให้เธอตกหลุมรักผู้ชายคนนี้อย่างบ้าคลั่งได้ขนาดนั้น
สิ่งที่น่าขันกว่านั้นก็คือ เธอยังคิดว่า โห้หลีเฉินก็รักเธอจริงๆด้วยเช่นกัน
ไร้เดียงสามากจริงๆ
ดวงตาของเย้นหว่านร้อนอย่างรุนแรง แต่ทว่าไม่ได้รู้สึกเปียกใดๆ เธอจ้องมองเขา ริมฝีปากขยับเสียงของเธอเบาและยากที่จะพูดไม่กี่คำออกมาได้
“คุณก็รู้เหตุผลที่แต่งงานกับฉันเหรอ?”
ดวงตาของเธอมืดสลัวอย่างน่ารุนแรง เหมือนกับชั้นฝุ่นหนึ่งชั้น และเสียงเบาเช่นนั้นเป็นเหมือนคำถามที่สิ้นหวัง
หัวใจของโห้หลีเฉินเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทรวงอกถูกอัดแน่น ราวกับว่าเขากำลังจะหายใจไม่ออก
เขารู้ แต่รู้แค่ครึ่งเดียว เขาไม่ได้สนใจ และใส่ใจ หลังจากที่แน่ใจว่าตัวเองเขาชอบเย้นหว่านนั้นเขาก็ผลักเรือไปตามน้ำ(ทำไปตามสถานการณ์แนวโน้ม) เพื่อให้งานแต่งงานครั้งนี้สำเร็จ
หากวันนี้ไม่รู้ในสิ่งที่จูเหลียนอีงพูด เขายังสามารถหลอกตัวเองและคนอื่นๆได้ว่า แต่งงานกับเย้นหว่านอย่างตรงไปตรงมา แต่ว่าตอนนี้…
“รู้บ้างนิดหน่อย”
การแต่งงานในครั้งนี้มีการสมรู้ร่วมคิดของเย้นหว่าน และเขารู้ว่า ใช้ประโยชน์แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของการแต่งงานในครั้งนี้ เขาก็รู้เช่นเดียวกัน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ในใจของเย้นหว่านก็มีความหวังอันเลือนรางอย่างอ่อนแอเส้นหนึ่ง ได้พังทลายลง
แท้ที่จริงแล้ว ผู้ชายคนนี้ใช้ประโยชน์จากเธอตั้งแต่ต้นจนจบ
มีเพียงเธอเท่านั้นที่คิดอย่างโง่ๆว่า แม้ว่าจะแต่งเข้าในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ก็สามารถมีความรักที่แท้จริงได้
เย้นหว่านเหมือนถูกบดขยี้ในทันที ลำตัวแกว่งไปมาเบาๆ ก็เดินถอยหลังกลับอย่างไม่มั่นคง ราวกับว่าจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
“เย้นหว่าน…”
โห้หลีเฉินยื่นมือออกไปเพื่อจะดึงเธอ แต่ก็ถูกเย้นหว่านหลบหนี
เธอมองเขา ก็เหมือนดั่งมองน้ำหลากและสัตว์ป่าที่ดุร้าย
“เสี่ยวหว่าน เรื่องนี้เป็นความคิดทั้งหมดของย่า เป็นความเห็นแก่ตัวของย่า แต่เฉินอยากแต่งงานกับเธอด้วยใจจริง เขาชอบเธอจริงๆ เธออย่าโทษเขาได้ไหม?ทุกอย่างเป็นความผิดของย่า ถ้าอยากจะโทษ ก็โทษย่าเถอะ”
จูเหลียนอีงมองไปที่เย้นหว่านอย่างประหม่า และเอ่ยพูดอธิบาย
เธออย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า เย้นหว่านจะปรากฏตัวตรงหน้าประตูห้องพักคนไข้ในเวลานี้ และจะได้ยินคำพูดเหล่านี้ทั้งหมด
ดูเหมือนเธอจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่…
สีหน้าของเย้นหว่านขาวซีด ความทรมานในใจของเธอแทบจะระเบิดแล้ว แต่ทว่าสีหน้าบนใบหน้ายังคงแน่นและสงบนิ่ง จนกระทั่งยังมีรอยยิ้มที่น่าเกลียดออกมา
“คุณย่า ฉันไม่โทษคุณหรอกค่ะ และฉันก็ไม่โทษคุณโห้ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าฉันเข้าใจผลประโยชน์ของการแต่งงานในตระกูลที่ร่ำรวย”
เป็นเธอที่ตื่นตากับความรู้สึกมึนงงภายในสมอง และโง่เขลาไร้เดียงสาไปครั้งหนึ่ง
“เดิมทีฉันกับคุณโห้จะยกเลิกการแต่งงานอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเรา ก็จะไม่แต่งงานกันจริงๆดังนั้นเพราะอะไร มันไม่สำคัญ แต่ฉันกลับล้มความคาดหวังของคุณย่าของคุณแล้ว”
ในขณะที่ พูดเย้นหว่านก็รีบหยิบดอกไม้สดที่พื้น แล้วส่งให้โห้หลีเฉินตรงหน้า
“วันนี้ที่ฉันมา เพื่อแสดงความยินดีที่คุณได้ออกจากโรงพยาบาล อย่างไรก็ตามได้คบกันมาช่วงเวลาหนึ่ง แทบจะนับว่าเป็นเพื่อนกันได้ แน่นอนว่า คุณคือคุณโห้ ต่อจากนี้ไม่มีความสัมพันธ์กันแล้ว เดาว่าก็จะไม่ได้เจอกันอีก ก็สามารถถือว่าเป็นการอำลาได้”
เพื่อน
ไม่ได้เจอกันอีก
การอำลา
พูดทีละคำ ในทุกๆคำ เหมือนกับการประหารชีวิต และโห้หลีเฉินถูกประหารชีวิตโดยทันที
เขาจ้องมองเธออย่างว่างเปล่า แสงสว่างในใจ ก็มืดมืดมนลง และไม่มีแสง
ใช่สิ เธอตัดสินใจไว้ตั้งนานแล้ว อยากยกเลิกการแต่งงานกับเขา ไม่เคยเปลี่ยนใจเลยสักครั้ง ในใจก็ไม่เคยมีจุดยืนของเขาอยู่เลยสักนิด ดังนั้นสำหรับเธอแล้ว การแต่งงานในครั้งนี้จะเป็นการใช้ประโยชน์จริงหรือไม่ เขาอยากจะแต่งงานกับเธอจริงหรือไม่? สำหรับเย้นหว่านนั้น ไม่สำคัญเลยสักนิด
น่าตลกก็คือเขายังคงหวังให้เธอหันกลับมา ยังคิดว่า มีโอกาสระหว่างพวกเขาอยู่
“เย้นหว่าน…” เธอมันไร้ความรู้สึกจริงๆ…
โห้หลีเฉินจ้องตรงมาที่เธอ ยื่นมือที่แข็งทื่อออกไป รับช่อดอกไม้ไว้ในมือของเขา
น้ำเสียงแหบแห้งอย่างรุนแรง และทุกๆคำ พูดอย่างยากลำบากเช่นนั้น
“คุณอิสระแล้ว”
มือของเย้นหว่าน ก็ว่างเปล่าทันที
เสียน้ำหนักของดอกไม้ไป แต่ดูเหมือนว่าจะสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในใจเธอไป สักพักหนึ่งก็ไม่เหลืออะไรเลย
ความรู้สึกอันน่ากลัวที่ตื่นตระหนกและว่างเปล่าก็เข้ามาโดยทันที จมูกของเย้นหว่านซึด ทรมานจนไม่สามารถแสดงสีหน้าที่ตึงแน่นได้อีกต่อไปแล้ว
ใช้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที เธอก็จะหลั่งน้ำตาออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยากแล้ว
“ฉันไปก่อนนะ”
ทิ้งคำหนึ่งประโยคไว้ เย้นหว่านหันหลังตัวอย่างตื่นตระหนก และวิ่งหนีไป
ในขณะที่เธอหันตัวนั้น น้ำตาก็ไหลลงมาจากเบ้าตาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้การมองเห็นของเธอพร่ามัว
เธอไม่กล้าเช็ด และไม่กล้ากลับไป วิ่งไปทางลิฟต์อย่างดื้อๆ
ด้วยความปรารถนาที่อยากจะทุ่มเทใจจริง เธอก็จนตรอกมากพอแล้ว เพียงแค่อยากเหลือศักดิ์ศรีน้อยๆไว้ในตอนสุดท้ายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
โห้หลีเฉินจ้องมองไปยังเงาด้านหลังของเย้นหว่านที่หายไปไกลเรื่อยๆ ดอกไม้ในมือก็ดูเหมือนจะมีน้ำหนักจำนวนมาก กดจนเขาแทบจะไม่สามารถยกขึ้นได้
เธอจากไปแล้ว
ออกไปจากชีวิตของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว
ทุกอย่างในช่วงเวลานี้ เป็นเหมือนความฝันลวงตา เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาไม่สามารถสัมผัสอะไรได้ และไม่สามารถรักษามันไว้ได้
แต่ทว่าหัวใจทางนั้น ยังถูกควักออกมาจนกลวงโบ๋ และมีเลือดสดไหล
——
ภายในชั่วพริบตาเย้นหว่านก็วิ่งออกจากโรงพยาบาล เหนื่อยมากจนวิ่งไม่ไหวแล้ว ในที่สุดถึงจะหยุดลงได้
เมื่อหยุดลงเช่นนี้ อารมณ์ของเธอก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์
เธอนั่งยองๆอยู่ข้างถนน กอดเข่าของตัวเอง ร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
หัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างแรง ราวกับว่าโลกใบนี้เป็นสีเทาทั้งแถบ
เธออกหัก ทุกสิ่งทุกอย่างมันจบลงแล้ว
“ป็อก——ป็อก——ป็อก——”
เม็ดฝนตกลงมาทีละหยด
ฝนตกไม่หนักและเบาเกินไป และตกลงบนร่างกายของเย้นหว่าน และไม่นานก็ทำให้ ผมและเสื้อผ้าของเธอเปียก
คนเดินเท้าบนถนนรีบออกไป หรือไม่ก็กางร่มเดินออกไป และคนที่เดินผ่านล้วนแต่มองไปทางเย้นหว่านอย่างแปลกประหลาดใจ
เด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งนั่งยองๆอยู่ข้างถนน ราวกับไม่รู้ว่าฝนกำลังตกอยู่ ปล่อยให้ตัวเองเปียกฝน
ร่างกายของเย้นหว่านเปียกไปหมดอย่างรวดเร็ว และฝนก็มาพร้อมกับความหนาวเย็น ทำให้ร่างกายของเธอหนาวสั่น และแข็งทื่อ แต่เธอก็ไม่มีทุกข์ทรมานทางจิตใจใดๆเลย
เธอกอดตัวเอง ราวกับสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เธอถึงจะสามารถเลียบาดแผลของตัวเองได้ และระงับความเจ็บปวดได้อย่างเล็กน้อย
มิฉะนั้น เธอคิดว่าเธออาจจะตายด้วยความเจ็บปวดไปแล้วสินะ
แต่ว่าภายในสมองยังคงปรากฏเงาด้านหลังของโห้หลีเฉินอย่างไม่หยุดหย่อน ในตอนนี้ได้แสดงฉากเรื่องราวระหว่างเธอและเขา
เมื่อเธอพบกับความยากลำบาก เป็นเขาที่ช่วยเหลือเธอ เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุ เป็นเขาที่ก้าวออกไป เพื่อช่วยเธอ ยามเธอเศร้า เป็นเขาที่อยู่เคียงข้างเธอ และข้ามผ่านด้วยกันไปตลอดคืนโดยที่ไร้บ้านให้กลับไปพักพิงอาศัย
โดยไม่รู้ตัว โห้หลีเฉินและเธอก็มีเรื่องหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายขนาดนั้น ผู้ชายคนนี้ได้เข้ามาในชีวิตของเธออย่างถี่ยิบ และเข้าไปอยู่ในหัวใจของเธอ
ตอนนี้เธอจะขุดเขาออกมา ขุดหัวใจออกมาเหรอ?
“เย้นหว่าน”
เสียงเรียกทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังมาจากเหนือศีรษะของเธอ