บทที่ 421 อยู่เพื่อเธอ ตายเพื่อเธอ
เย้นหว่านเบิ่งตากว้างอย่างหวาดผวา
โดยที่ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป มือกระชากเข็มน้ำเกลือที่เจาะเอาไว้ ลุกลี้ลุกลนไปอยู่ตรงหน้าโห้หลีเฉิน ขวางอยู่ตรงหน้าของเธอ
ปากกระบอกปืนสีดำ จ่อตรงหน้าเธอพอดี
เย้นหว่านไม่เคยสัมผัสอะไรแบบนี้ได้ ยามจ้องมองปืนที่มีเขม่า หัวใจของเธอหดลงราว กับควบคุมไม่ได้ รู้สึกหวาดผวา
หากแต่เธอจะล่าถอยแม้เพียงครึ่งก้าวไม่ได้ ด้านหลังคือชายที่เธอต้องปกป้อง
“พี่ ถ้าพี่แตะต้องตัวเขา พี่ต้องฆ่าฉันก่อน”
ใบหน้าซีดขาวพวงน้อยของเย้นหว่าน สะกดกลั้นความหวาดกลัว จ้องมองโม่หลินอย่าง โกรธเคือง
เย้นโม่หลินตกใจจนนิ้วสั่น จนเกือบจะเหนี่ยวไกปืน
เขารีบหันด้ามปืนไปทางอื่น มองเย้นหว่านด้วยความตกใจและโกรธเคือง“แกบ้าไปแล้ว แกรู้มั้ยว่านี่คือปืน ถ้าเกิดมันลั่นขึ้นมา เอาชีวิตแกได้เลยทีเดียวนะ”
“ก็ถ้าพี่ฆ่าเขา ก็เอาชีวิตหนูไว้ก่อน”
เย้นหว่านสีหน้าแข็งขืน ไม่ยอมก้าวถอย
เธอกางแขนปกป้องโห้หลีเฉิน ราวกับนกอินทรีปกป้องเจ้าของ
โห้หลีเฉินจ้องมองหญิงสาวร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า แววตาเป็นประกาย นี่เป็นครั้งแรกที่มี คนยืนบังอยู่ตรงหน้าเขา ปกป้องเขาอย่างไม่คิดชีวิต
ในใจรู้สึกประหลาด ยิ่งไปกว่านั้นรู้สึกซาบซึ้ง
ผู้หญิงของเขาดูภายนอกบอบบาง แต่แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้จากภายใน ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ทำให้เขาประหลาดใจและซึ้งใจยิ่งนัก
เย้นโม่หลินโมโหจนแทบจะระเบิด
มือที่จับปืนถึงขั้นสั่นระริก ไฟโทสะทำให้ควบคุมอารมณ์พิฆาตยากเย็น
มือเขาใช่ว่าจะไม่เคยเปื้อนเลือด มีครั้งไหนบ้างที่ลงมือแล้วไม่กำจัดให้สิ้นซาก หากแต่ว่าตอนนี้ เขาถูกบังคับ……
ดวงตาเย้นโม่หลินสะท้อนไฟโทสะ อีกทั้งดุดัน
น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขา มีแววข่มขู่“เสี่ยวหว่าน ถอยไป!”
วันนี้ไม่ว่าอย่างไร เขาจะต้องกำจัดโห้หลีเฉินให้สิ้นซาก จะให้เขาอยู่ยั่วยวนเสี่ยวหว่าน ต่อไม่ได้
หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้น เขายินดีที่จะชดใช้ให้เย้นหว่าน แต่เขาจะไม่ยอมดูเธอผิดซ้ำๆซากๆ เธอยอมละทิ้งทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต เพื่อโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านไม่เคยเห็นสีหน้าที่ร้ายกาจแบบนี้ของเย้นโม่หลิน ดูอันตรายยิ่ง ราวกับคันธนู พิษที่มิอาจชักกลับ จะต้องได้ดื่มเลือดถึงจะหยุด
เย้นหว่านกลัวจับใจ ยิ่งไปกล้าล่าถอย
น้ำเสียงของเธอสั่นเทา หากแน่วแน่“ฉันไม่ถอย ตายก็ไม่ถอย!”
เย้นหว่านดึงโห้หลีเฉิน ล่าถอยหลังอย่างตึงเครียด ดวงหน้าน้อยๆขาวซีดราวกระดาษ
โห่หลีเฉินหรี่ตา มองเย้นหว่านอย่างลุ่มลึก ยื่นมือไปตบไหล่เธอ
“คุณวางใจ ถอยไป เขาทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
โห้หลีเฉินไม่ล่าถอย แถมยังไม่โต้ตอบกลับ เย้นโม่หลินยังคงถือปืนค้างไว้ การเปรียบเทียบที่ชัดเจนขนาดนี้ จะทำอะไรไม่ได้ได้อย่างไร
ขอแค่เธอหลีกทาง เย้นโม้หลินจะต้องลั่นปืนใส่โห้หลีเฉินแน่นอน
เย้นหว่านกลัวจับใจ เกาะแขนโห้หลีเฉินแน่น ดึงดันที่จะยืนบังเขาต่อ
เธอค่อยๆเดินไปทางหน้าต่างทีละก้าว จ้องเย้นโม้หลินเขม็ง
“พี่ อย่าเข้ามานะ ฉันไม่ให้พี่ทำอะไรเขา”
เย้นโม่หลินยืนจังก้าอยู่ที่เดิม ในมือกำปืนแน่น รอบตัวเต็มไปด้วยรังสีแห่งการสังหาร
แววตาสีหน้าเขาเย็นชา
เขาออกคำสั่งเย็นชา“ลากคุณหนูออกไป”
เพิ่งสิ้นเสียง ก็มีชายฉกรรจ์สองคนพุ่งเข้ามาจากทางประตู ด้วยท่าทีที่คล่องแคล่ว ดึงแขนเย้นหว่านไว้คนละข้าง แข็งขืนดึงเธอออกไป
เย้นหว่านตกใจจนหน้าซีดขาว หากเธอไป โห้หลีเฉินจะทำอย่างไร
เธอร้องทุรนทุราย กระเสือกกระสน“ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันนะ!อย่าทำอะไรโห้หลีเฉิน”
เธอดิ้นรนทุรนทุราย ปากแผลที่เธอกระชากเข็มน้ำเกลือออก ตอนนี้ได้เปิดออก เลือดสี สดไหลซึมออกมา
แววตาที่นิ่งดุจน้ำหมึกของโห้หลีเฉิน หม่นหมองลง
บรรยากาศรอบตัวผันแปรเป็นเฉียบคม น้ำเสียงเย็นวาบจับใจ“ถ้าพวกแกยังดึงเธอ ฉันจะเอาชีวิตพวกแก”
ชายฉกรรจ์สองคนมีเหงื่อออกซึมที่แผ่นหลัง
พวกเขาได้สติคืน เห็นสีหน้าอันน่าหวาดกลัวของโห้หลีเฉิน ชวนให้เกรงขาม
ผู้ชายคนนี้……
ตอนโดนปืนจ่อหัว ก็นิ่งดุจภูผา หากแต่เย้นหว่านได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย จู่ๆก็เปลี่ยนมาเป็นน่ากลัวขนาดนี้
พวกเขาถึงรู้สึกตัว โห้หลีเฉินไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิด แต่เป็นสัตว์ร้ายที่น่าเกรงขาม
พวกเขารีบคลายมือออก แค่จับเย้นหว่านไว้ ไม่ให้วิ่งหนี
พร้อมโน้มน้าวอย่างหวาดหวั่น“คุณหนู อย่าไปเลย เป็นเรื่องของลูกผู้ชาย ให้พวกเขาแก้ไขปัญหากันเองเถอะ”
“แก้ไขกันเองงั้นเหรอ แก้ไขยังไง ให้พี่ชายฉันลั่นปืนฆ่าคนอย่างนั้นเหรอ”
เย้นหว่านตะโกนอย่างมีอารมณ์ ดวงตาแดงก่ำมองไปทางโห้หลีเฉิน
“รีบไปสิ!อย่ายืนรับลูกปืนพี่ชาย”
“วางใจเถอะ ไม่มีอะไรหรอก”
โห้หลีเฉินเม้มปาก ยิ้มให้เย้นหว่าน
รอยยิ้มเบาบาง ราวกับไม่ได้เผชิญความเป็นความตาย
เย้นหว่านคิดไม่ตก จนป่านนี้แล้ว โห้หลีเฉินยังยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นใจ
“หึ แกคิดว่าฉันไม่กล้าลั่นไกปืนอย่างนั้นเหรอ”
เย้นโม่หลินควงกระบอกปืน แล้วเล็งไปที่โห้หลีเฉิน
แววตาพิฆาต รอยสังหารคาบระหว่างความเป็นความตาย
รอยสังหาร ปกปิดไม่มิด
“เย้นหว่านยังเด็ก ถึงโดนแกหลอก แต่ฉันไม่ ในเมื่อแกอยากติดพันน้องสาวฉัน ฉันก็จะให้แกตาย”
เย้นโม่หลินหรี่ตา เขาหักข้อนิ้วมือที่ปูดโปน
“ปั๊ก!”
เสียงปืนดังลั่น สะท้านก้องหูเย้นหว่าน
สีหน้าเธอขาวซีดราวกระดาษทันที มองไปที่โห้หลีเฉินด้วยแววตาสั่นเทา ราวกับว่าทุก
อย่างได้หยุดลง
เย้นโม่หลินลั่นไกปืนจริงๆ!
โห้หลีเฉินเขา……
เย้นหว่านตะโกนเสียงแหบพร่าหากไร้สุ้มเสียง ในหัวโล่งว่าง
ลูกปืนกระดอน พุ่งเข้าหาโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินเม้มปาก ใบหน้าอันหล่อเหลาไม่แสดงสีหน้ามากนัก ในชั่วพริบตา เขากระดอนบิดตัว——
ลูกปืนเฉียดปลายจมูกเขา ปะทะเข้ากับกำแพงหลังตัว
เมื่อเห็นว่าโห้หลีเฉินไม่เป็นอะไร เย้นหว่านจึงตัวพับตัวอ่อน ทรุดตัวนั่งลงบนพื้น
เธอตกใจแทบแย่ คิดเอาว่าโห้หลีเฉินเองคงไม่รอดแน่แล้ว
ชายฉกรรจ์สองคนที่ดึงเย้นหว่านไว้มองอย่างตกตะลึง ต่างก็ลืมที่จะดึงเย้นหว่านไว้ พวกเขาไม่กล้าเชื่อ ระยะใกล้ขนาดนี้ โห้หลีเฉินหลบลูกปืนได้อย่างไร
ความเร็วขนาดนี้ ยังคือคนอยู่หรือไม่
คนที่ตกตะลึงเช่นกันคือเย้นโม่หลิน เขาคิดจะฆ่าโห้หลีเฉินแน่นอน คิดไม่ถึงว่า เขาเองก็หลบไปได้
เขาเกือบไปแล้ว เขาประเมินโห้หลีเฉินต่ำไป
เย้นโม่หลินแค่นเสียงเย็น“หลบได้ครั้งเดียว อย่าคิดว่าจะหลบครั้งที่สองได้!”
พูดพลาง เขายกปืนขึ้นอีก เล็งไปที่โห้หลีเฉิน ลั่นไกปืนอีกครั้ง
เย้นหว่านตกใจ ในหัวโล่งว่าง ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณ แล้วคลานขึ้นมาจากพื้น พุ่ง
ไปที่โห้หลีเฉิน
เธอจะไม่ยอมให้เขาได้รับบาดเจ็บ ไม่ให้เขาเป็นอะไร
“เย้นหว่าน ระวัง!”
โห้หลีเฉินเปลี่ยนสีหน้า
เขาหลบกระสุนเย้นโม่หลินได้ แต่กระสุนไม่ปรานีใคร เย้นหว่านหลบกระสุนไม่ได้
เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น พุ่งทะยานเข้าไป กอดเย้นหว่านไว้ กดเธอไว้กับลำตัวแน่นหนา
หันหลังให้เย้นโม่หลิน
เขาหันหลังให้ศัตรูเต็มตัว