บทที่ 431 คนคนนั้นคือใคร
เขารีบออกคำสั่งกับผู้ใต้บังคับบัญชา “วันมะรืนเป็นวันเกิดของคุณพ่อ กำหนดให้มีการจัดงานเลี้ยงด้วย”
ผู้ใต้บังคับบัญชาตกตะลึง “ไม่ใช่บอกว่างานเลี้ยงวันเกิดในปีนี้ของคุณท่านไม่จัดหรือครับ” เพราะว่าสภาพจิตใจของเย้นหว่าน พวกเขาจึงไม่ได้วางแผนเฉลิมฉลองอะไร”
เย้นโม่หลินส่ายหน้า ยิ้มอย่างยินดี พลางเอ่ยว่า “ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว งานเลี้ยงนี้ สามารถทำให้เสี่ยวหว่านอารมณ์ดีขึ้นมาได้ รีบไปเตรียมเร็วเข้า ใช่แล้ว ธีมงานหลักคืองานเลี้ยงสวมหน้ากาก ผู้มาร่วมงานล้วนต้องสวมหน้ากาก”
ผู้ใต้บังคับบัญชาตะลึงยิ่งกว่าเดิม “แต่ว่านี่เป็นงานเลี้ยงเฉลิมฉลองวันเกิดของคุณท่านนะครับ มันดูไม่ค่อยจริงจังไม่ใช่หรือครับ”
“เพื่อที่จะทำให้เสี่ยวหว่านอารมณ์ดี คุณพ่อท่านไม่ว่าอะไรหรอก”
เย้นโม่หลินครุ่นคิด ก็ออกคำสั่งต่อว่า “เรียกคนหนุ่มเยาว์วัยที่หน้าตาดีรอบๆนี้มาด้วย คนมาร่วมงานยิ่งเยอะก็ยิ่งดี”
คราวนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาถึงเพิ่งจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง “นายน้อยคิดจะหาแฟนให้กับคุณหนูผ่านงานเลี้ยงฉลองในครั้งนี้หรือครับ”
“นี่เป็นเพียงแค่สาเหตุหนึ่งเท่านั้น”
หยูซือห้านเหลือบตามองไปยังทิศทางของเย้นหว่าน สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน การรอคอย “มีคนคนหนึ่งที่ถ้าเสี่ยวหว่านได้พบแล้ว จะต้องอารมณ์ดีมากแน่ๆ”
ผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกประหลาดใจ “เป็นใครหรือครับ”
“มีแต่นายที่ถามเยอะไร้สาระ คำถามมากมายขนาดนี้ จะไปจัดการได้หรือยัง ถ้าจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองก่อนวันมะรืนนี้ได้ไม่ดี นายก็รอถูกตีตายได้เลย”
เย้นโม่หลินเตะผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความรังเกียจไปครั้งหนึ่ง แต่จิตใจกลับรู้สึกยินดีอย่างเห็นได้ยากในช่วงเวลานี้
——
เมื่อเย้นหว่านอารมณ์ไม่ดี จึงยิ่งไม่ได้รู้สึกสนใจงานเลี้ยงฉลองอะไรแบบนี้มากกว่าเดิม
แต่อย่างไรก็เป็นถึงงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของคุณพ่อตัวเอง เธอในฐานะที่เป็นลูกสาว ตามเหตุผลและความรู้สึกแล้วก็ควรจะเข้าร่วม
ภายในห้องแต่งตัว ในมือของเสี่ยวฮวนถือหน้ากากขนนกอยู่อันหนึ่ง เอ่ยอย่างจนปัญญาเล็กน้อยว่า
“คุณหนูคะ แม้ว่างานเลี้ยงสวมหน้ากากจะต้องสวมหน้ากาก แต่ก็เป็นเพียงแค่พิธีการหนึ่งเท่านั้น ทำไมคุณหนูจะต้องสวมหน้ากากอันใหญ่ขนาดนี้ด้วยล่ะคะ ใบหน้าแทบจะถูกอำพรางไว้เกือบทั้งหมดเลยนะคะ คนอื่นทำอย่างไรก็มองไม่เห็น ยิ่งไม่รู้ด้วยว่าคุณหนูคือใคร”
“ฉันก็ไม่ได้อยากให้ใครจำได้ว่าฉันคือใคร”
เย้นหว่านหยิบหน้ากากมา ทาบลงบนใบหน้าของตัวเอง นอกจากปากเล็กบางและคางเรียวแหลมแล้ว ส่วนอื่นๆก็ล้วนถูกอำพรางเอาไว้จนหมด
เธอค่อนข้างพอใจ อย่างไรก็ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของคุณพ่อ เธอก็แค่ต้องอวยพรให้คุณพ่อเท่านั้น แต่ไม่ต้องการร่วมกิจกรรมเข้าสังคมอื่นๆอะไร
เธอไม่มีอารมณ์จะไปรับมือกับเรื่องพวกนี้
เสี่ยวฮวนมองออกถึงความคิดในใจของเย้นหว่าน จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเสียงเบาด้วยความสงสารเล็กน้อย
นับตั้งแต่ที่โห้หลีเฉินจากไป สภาพจิตใจของคุณหนูก็ย่ำแย่ลงอย่างรวดเร็ว และแทบจะไม่เคยอารมณ์ดีอีกเลย
เมื่อเผชิญกับงานเลี้ยงอันครึกครื้นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่ามีความสนใจเลย
เพียงแต่ว่าคนสองคนที่รักกันลึกซึ้งขนาดนั้น กระทั่งชีวิตก็ยินยอมที่จะมอบให้ได้อย่างไม่เสียดาย กลับแยกย้ายกันไปแบบนี้หรือ
หลังจากเสี่ยวฮวนแต่งตัวให้เย้นหว่านอย่างงดงามเรียบร้อยแล้ว ก็ส่งเย้นหว่านไปยังห้องโถงจัดเลี้ยง
งานเลี้ยงฉลองจัดขึ้นที่ห้องโถงรองรับส่วนหน้า ณ บ้านตระกูลเย้น
ตอนที่เย้นหว่านเดินเข้าไป ก็เห็นผู้คนมากมายที่เดินไปเดินมาในห้องโถงล้วนสวมเครื่องแต่งกายที่สีสันสวยสดงดงาม และสวมหน้ากากที่ประณีตสวยงาม
บรรยากาศครึกครื้นเป็นอย่างมาก
เย้นหว่านสวมชุดราตรีสีม่วงอ่อน ดูใจกว้างและอ่อนน้อม บวกกับใบหน้ามากกว่าครึ่งที่ถูกอำพรางเอาไว้ เมื่อเธอเดินอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจอะไรมากเป็นพิเศษ
ในเวลาเดียวกันนั้น ห้องโถงงานเลี้ยงบริเวณชั้นสอง มีชายหนุ่มสูงใหญ่ยืนอยู่ที่ราวระเบียงสองคน
พวกเขาสวมหน้ากากสีดำ รูปทรงแตกต่างกัน นั่นคือเย้นโม่หลินและหยูซือห้าน
หยูซือห้านเอ่ยว่า “คุณชายเย้นด้านล่างคนเยอะขนาดนี้ นายสามารถจำได้ไหมว่าคนไหนคือเย้นหว่าน”
เย้นโม่หลินกวาดตามองกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวไปมาแล้ว ขมับก็เต้นตุบๆเล็กน้อย
เขาหาไม่เจอจริงๆ
แต่ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ จึงสัพยอกกลับว่า “หรือว่านายมองออกกัน”
“ถ้าหากว่าฉันสามารถหาเย้นหว่านเจอท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดนี้ คุณชายเย้นจะยกโอกาสในการเต้นรำเปิดงานเลี้ยงฉลองคืนนี้ให้ฉันใช่ไหม”
สายตาของหยูซือห้านที่มองเย้นโม่หลินนั้นพราวระยับ ในแววตานั้น มีพลังแห่งความมุ่งมั่นที่จะต้องได้มาอย่างแน่วแน่
คนด้านล่างมากมายขนาดนั้น แถมยังสวมเครื่องแต่งกายแตกต่างกันไป ถ้าสามารถหาเย้นหว่านออกมาจากคนเหล่านี้ได้ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเรื่องหนึ่ง
เย้นโม่หลินยิ้ม เอ่ยว่า “ได้ ถ้าหากว่านายสามารถหาเย้นหว่านออกมาได้ การเต้นรำเปิดงานในคืนวันนี้ จะมอบให้นายเป็นคนเต้น”
เดิมที การเต้นรำเปิดงานเป็นเขากับเย้นหว่านที่ต้องเต้นด้วยกัน ถือว่าเป็นการอวยพรวันเกิดให้กับคุณพ่อ
แต่ถ้าหากว่าหยูซือห้านสามารถหาเย้นหว่านออกมาจากกลุ่มคนมากมายขนาดนี้ได้ นั่นก็เป็นความสามารถของเขา ยิ่งแสดงให้เห็นชัดเจนถึงความสนใจและเอาใจใส่ของเขาที่มีต่อเย้นหว่าน โอกาสแบบนี้ ยกให้เขาก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้
อีกอย่าง นับตั้งแต่ที่เห็นหยูซือห้านปลอบเย้นหว่านในห้องวันนั้นแล้ว เย้นโม่หลินก็เชื่อว่า ไม่ช้าก็เร็ว เย้นหว่านจะต้องก้าวเดินออกมาจากจุดนั้น และตกหลุมรักคนอื่นได้ในวันหนึ่ง
ถ้าหากว่าคนคนนั้นคือหยูซือห้าน ก็ไม่เลวเช่นกัน
เย้นหว่านไม่รู้ว่าพี่ชายที่ซื่อบื้อของตัวเองกำลังจะขายตัวเองออกไปแบบนี้
เธอเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างถ่อมตน มองหามุมมุมหนึ่งที่ไม่เป็นที่สังเกตของผู้คน เพื่อยืนรอให้งานเลี้ยงฉลองเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ และเต้นรำเพื่อเป็นการอวยพรวันเกิดให้คุณพ่อ
หลังจากนั้นก็สามารถถอนตัวออกจากงานไปได้อย่างประสบความสำเร็จ
เธอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความเหนื่อยหน่าย และเหลือบตามองไปเรื่อยอย่างเบื่อๆ แต่กลับประหลาดใจที่ได้เห็นเงาร่างคุ้นตาของคนคนหนึ่ง
เขายืนหันข้างอยู่ไม่ไกลนัก ในมือถือแก้วไวน์แดง เขย่าไปมาเบาๆ กำลังสนทนากับคนที่อยู่ด้านหน้า
เพียงแต่ว่าเงานี้ กลับเป็นคนที่เย้นหว่านคิดถึงอยู่ตลอดเวลา ช่างเป็นการกลับมาพบหน้ากันอีกครั้งราวกับปาฏิหาริย์
ในช่วงเวลานั้น เธอนึกว่านั่นคือโห้หลีเฉิน!
เขามาหรือ
เย้นหว่านมองเขาอย่างโง่งม หัวใจเต้นระรัว
เธอเดินตรงไปทางเข้าอย่างตื่นเต้น
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าลักษณะท่าทาง ผิดแปลกไปจากที่จินตนาการเอาไว้
เขามาแล้วใช่ไหม เป็นเขา………
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ฉันหาคุณอยู่ตั้งนาน”
จู่ๆก็มีหญิงสาวสวมชุดกระโปรงยาวสีแดงเพลิง เข้าคู่กับรองเท้าส้นสูง เดินมาจากอีกด้านหนึ่ง เธอคล้องแขนเข้ากับแขนของชายหนุ่มอย่างสนิทสนมด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติมาก
ชายหนุ่มก้มหน้าเล็กน้อย เอ่ยกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูหญิงสาว
มองดูแล้ว สนิทสนมกันเป็นอย่างมาก
เมื่อทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันแล้ว ชายหล่อสาวสวยดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
เท้าที่ก้าวเดินของเย้นหว่านแข็งค้างกะทันหัน สีหน้าขาวซีด ความยินดีในใจและความหวังนั้นมลายหายไปราวกับฟองสบู่ในเสี้ยววินาที
นั่นไม่ใช่เขา!
ข้างกายโห้หลีเฉินไม่เคยมีหญิงสาวปรากฏตัวขึ้นมาก่อน ยิ่งไม่อาจพูดคุยกับหญิงสาวอื่นด้วยความสนิทสนมแบบนี้
พวกเขาเพียงแค่รูปร่างคล้ายกันเท่านั้นเอง
จู่ๆในใจเย้นหว่านก็ถูกความทุกข์ทรมานกดทับ จึงหมุนตัวเดินลนลานจากไป ในตอนนี้เอง ที่เบื้องหน้าปรากฏชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งขึ้นมากะทันหัน ขวางเส้นทางเดินเธอเอาไว้
เสียงของเขา คุ้นเคยมาก “เสี่ยวหว่าน ผมหาคุณพบแล้ว”
เย้นหว่านเงยหน้าขึ้นมองคางเกลี้ยงเกลาของชายหนุ่ม จมูกโด่งเป็นสัน และยังมีหน้ากากขนนกสีม่วงที่อำพรางนัยน์ตาคู่นั้น
เทียบกับหน้ากากของเธอแล้ว ก็งดงามหลายส่วนเช่นเดียวกัน
เย้นหว่านขมวดคิ้ว “คุณชายหยูคุณมาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือคะ ในงานเลี้ยงก็สนุกไปตามทางของแต่ละคนเถอะค่ะ ฉันไม่มีความสนใจที่จะพูดคุยทักทายคุณ”
เอ่ยจบแล้ว เย้นหว่านก็จะเดินจากไป แต่จู่ๆหยูซือห้านก็ยื่นมือออกมา จับข้อมือของเธอเอาไว้
มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม พลางเอ่ยว่า “การเต้นรำเปิดงานในคืนวันนี้ มีผมกับคุณสองคนเป็นผู้เต้นครับ”
“การเต้นรำนี้ ให้ฉันกับพี่ชายเต้นก็พอแล้วค่ะ”
เย้นหว่านปฏิเสธตามตรง เธอไม่อยากเต้นรำกับหยูซือห้าน
แต่ตอนที่เธอกำลังจะเดินไป กลับเห็นหยูซือห้านหันไปอีกด้านแล้วดีดนิ้วครั้งหนึ่ง แสงไฟทั้งหมดในงานดับลง แสงสว่างสายหนึ่งสาดลงบนร่างของพวกเขาสองคน
หยูซือห้านถอยหลังก้าวหนึ่ง ยื่นมือออกมาอย่างเป็นสุภาพบุรุษ “คุณหนูที่แสนงดงามท่านนี้ ผมจะมีโชคได้เต้นรำกับคุณสักเพลงไหมครับ”
เสียงทุ้มเย็นดังขึ้น เป็นการเชื้อเชิญที่มีความเป็นสุภาพบุรุษที่สุด
แม้ว่ารอบด้านจะมืดสลัว แต่เย้นหว่านก็รู้ว่า ตอนนี้เธอกลายเป็นจุดรวมสายตาทุกคู่ในงานแล้ว ผู้คนทั้งหมดล้วนมองมาที่เธอ
เธอกัดฟันเอ่ยเสียงเบา “หยูซือห้าน คุณมันเลวทรามจริงๆ”
คืนวันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิดคุณพ่อเธอ แม้ว่าเย้นหว่านจะไม่ยินยอม แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธการเชื้อเชิญของหยูซือห้านได้ในสถานการณ์นี้ แล้วทำให้งานเลี้ยงเกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าดูขึ้น