บทที่445 ใช้มือ
โห้หลีเฉินก็มีท่าทางเหมือนกับว่าถ้าไม่บรรลุเป้าหมายจะไม่ยอมเลิกรายังไงยังงั้น จับเธอไว้ไม่ยอมปล่อยเธอเลย
ระหว่างที่ตื่นตระหนกอยู่นั้น ก็เหมือนกับว่าเย้นหว่านไม่มีเวลาได้คิดอะไรมาก เธอพูดโพล่งออกไป
“เดี๋ยวฉันจะใช้มือให้นาย”
สายตาของโห้หลีเฉินมืดลงทันที มือที่จับเย้นหว่านก็จับแน่นมากขึ้น เหมือนกับว่าพยายามยับยั้งอะไรอย่างสุดแรงกล้า
เขาก็แค่หยอกเธอเล่นเท่านั้น แต่เธอกลับไม่รู้ว่า ในเวลาแบบนี้การที่เธอพูดแบบนี้ออกมา มันยั่วยวนเขาขนาดไหนกัน?
เขาสูญเสียการควบคุมตัวเองลงอย่างไม่เป็นท่า เกือบจะทนไม่ไหวแล้วต้องการเธอซะตรงนี้
สัมผัสได้ว่าการหายใจของโห้หลีเฉินนั้นหนักขึ้น ร้อนแรงขึ้น เย้นหว่านก็กระสับกระส่าย อับอายจนแทบจะทนไม่ไหวที่จะหารูแล้วเอาหน้ามุดเข้าไป เธอแทบจะไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว
“นายปล่อยฉันก่อน มีคน มีคนมาที่นี่”
เธอดิ้นเล็กน้อย พยายามจะดึงมือออก
แรงที่มือของโห้หลีเฉินนั้นเยอะมาก ถ้าเกิดว่าเขาต้องการจะจับเธอไว้ เธอก็อย่าคิดว่าจะได้หลุดออกมาเลย แต่ว่าตอนนี้เธอสามารถดึงออกได้ในครั้งเดียว
ดูเหมือนว่าเขาจะตกลงแล้ว
แค่คิด เย้นหว่านก็เริ่มรู้สึกตื่นตระหนกอีกครั้ง นี่อีกเดี๋ยวเธอต้องใช้มือให้เขาจริงๆ งั้นเหรอ?
นี่มันน่าขายหน้าเกินไปแล้ว
ระหว่างที่คิดอยู่นั้น สาวใช้หลายคนก็เดินเข้ามาอย่างเรียบร้อย แล้วก็ทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ
แก้มของเย้นหว่านร้อน แดงไปหมด แล้วก็ใจฝ่ออย่างมาก เขินอายที่จะพบเจอผู้คน เดินสองสามก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้ากู้จื่อเฟย จับข้อมือของเธอไว้ เสแสร้งทำเป็นว่ากำลังพูดคุยกับกู้จื่อเฟยอยู่ ไม่ได้สนใจพวกสาวรับใช้
พวกสาวรับใช้เห็นดังนี้ ก็ไม่กล้ารบกวนเย้นหว่าน ดังนั้นก็เลยหุบปาก แล้วก็ออกไปจากที่นี่เงียบๆ
พอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไปไกล หัวใจที่เป็นกังวลของเย้นหว่าน ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
กู้จื่อเฟยมองเธออย่าเหยียดหยาม “ดูท่าทางของเธอสิ ตื่นตระหนกซะ”
“นั่น นั่นก็เป็นเพราะว่า……”
เย้นหว่านติดอ่าง เขินอายจนพูดไม่จบประโยค
ดวงตาของเธอเปล่งประกายระยิบระยับ มองไปยังโห้หลีเฉินที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากนี้เท่าไหร่ แล้วก็ตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม
ตอนนี้เธอต้องทำยังไงถึงจะดี? ถ้าเกิดว่าโห้หลีเฉินพูดขึ้นมาตรงนี้ ให้เธอทำให้เขา……
แค่นึกถึงมันหายใจหอบถี่อย่างมากแล้ว
“จื่อเฟย ต้องไปกินข้าวแล้ว ไปกันเถอะ พวกเราไปห้องอาหารด้วยกัน”
เย้นหว่านจูงมือกู้จื่อเฟยแน่น แล้วก็กระซิบด้วยเสียงที่เบามาก
กู้จื่อเฟยก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องทานอาหารเช้าแล้ว
เธอพยักหน้า แล้วก็ดึงเย้นหว่านเดินไปยังห้องอาหาร
ในตอนท้าย ก็ยังไม่ลืมพูดกับโห้หลีเฉิน “พี่ชาย ไปกันเถอะ พวกเราไปกินข้าวเช้ากัน”
โห้หลีเฉินจ้องเย้นหว่านด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ในสายตาของเขาดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าที่เย้นหว่านดึงกู้จื่อเฟยไปแบบนี้ ก็เพราะว่าต้องการหลีกเลี่ยงเขา?
แต่ว่าในเมื่อเธอพูดออกมาแล้ว เขาก็ไม่ได้วางแผนจะปล่อยเธอไปง่ายๆ ยังไงก็เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็ว
เย้นหว่านถูกโห้หลีเฉินมองจนตื่นตระหนก เหมือนกับว่าโดนหมาป่าจับจ้องอยู่อะไรแบบนั้น
เธอหดตัวทันที เสแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ดึงให้กู้จื่อเฟยเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแบบไม่ได้มองตรงด้วยซ้ำ
ปากก็พูดพึมพำ “รีบไปกันเถอะ พ่อกับแม่ฉันทานอาหารเช้าค่อนข้างจะตรงเวลา พวกเขาน่าจะใกล้ถึงห้องอาหารแล้ว”
บนโต๊ะอาหาร
นั่งอยู่ทั้งหมดหกคน เย้นเจิ้นจื๋อกับกงจืออวีนั่งอยู่ตรงหัว ด้านซ้ายคือเย้นหว่านกู้จื่อเฟย ส่วนด้านขวาก็คือเย้นโม่หลินกับโห้หลีเฉิน
ที่นั่งของเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินไกลกันเล็กน้อย เป็นแนวทแยง
ถึงแม้ว่าจะเป็นอาหารเช้า แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรมาอาหารของตระกูลเย้นนั้นไม่เลวเลย แถมยังมีแขกมาอีก เมนูก็เพิ่มมาอีกสองสามอย่าง อาหารจีนวางเรียงรายเต็มโต๊ะไปหมด ดูอุดมสมบูรณ์อย่างมาก
แต่ว่า เย้นหว่านพบว่า อาหารที่วางอยู่ตรงหน้าโห้หลีเฉิน ต่างเป็นอาหารที่เขาไม่ได้ชอบกินทั้งนั้นเลย
ตอนที่อยู่เมืองหนานนั้น ในฐานะของ ‘คู่หมั้น’นั้น เย้นหว่านชิมอาหารให้โห้หลีเฉินมานาน รับรู้รสชาติที่เขาชื่นชอบเป็นอย่างดี และก็รู้ว่าพิถีพิถันเรื่องการกินมาก
ถ้าเกิดว่าเมนูอาหารที่เขาไม่ชอบ วางอยู่ตรงหน้าของเขา เขาก็แทบจะไม่อยากอาหาร แล้วก็ไม่กินแล้ว
เย้นหว่านรีบลุกขึ้นทันที แล้วก็ยกจานอาหารที่อยู่ตรงหน้าของโห้หลีเฉินขึ้นมา
“อันนี้หมาเจียวเยอะ นายไม่ชอบกิน”
ระหว่างที่พูด เธอก็เอาจานผักกวางตุ้งไปไว้ตรงหน้าของโห้หลีเฉินแทน “นายชอบกินผักกวางตุ้ง”
โห้หลีเฉินมองการกระทำของเธอ แล้วก็ค่อยๆ หรี่ตาลง
เธอยังคงจำได้อย่างชัดเจน แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้……
กงจืออวีมองเย้นหว่านอย่างประหลาดใจมาก แล้วก็พูดว่า “เสี่ยวหว่าน ทำไมลูกถึงได้รู้รสชาติที่คุณกู้ชอบได้ดีจังเลยล่ะ? ”
ท่าทางของเย้นหว่านที่กำลังจะเปลี่ยนจานที่สอง ก็แข็งทื่อในทันที
สายตาของเธอเป็นประกาย ในใจก็รู้สึกกินปูนร้อนท้อง
ซวยแล้ว! เธอเอาแต่กังวลเรื่องอาหารไม่ถูกปากของโห้หลีเฉิน แต่กลับลืมว่า เธอกับโห้หลีเฉินคือคนที่พึ่งรู้จักกันเมื่อวานเท่านั้น เป็นคนแปลกหน้าที่ยังไม่เคยแม้แต่กินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันด้วยซ้ำ
ความสัมพันธ์แบบนี้ กลับรู้รสชาติที่โห้หลีเฉินชื่นชอบได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการ——สารภาพออกมาเอง
สีหน้าของเย้นหว่านดูลำบากใจ “หนู หนู……”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่เฉียบคมของพวกกงจืออวี หัวใจของเย้นหว่านก็เต้นเร็วกว่าฟ้าร้อง ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
เรื่องนี้ จะอธิบายยังไงดี?
กงจืออวีหรี่ตา แล้วก็ถามอีก “เป็นอะไรไป? เสี่ยวหว่าน นี่ลูกมีเรื่องอะไรปิดบังพวกเราอยู่รึเปล่า? ”
ไม่ใช่แค่ปิดบัง แต่ว่ายังปิดบังอีกเยอะเลยด้วย
แต่ว่าเย้นหว่านไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่ครึ่งค่ำ เธอเม้มปากแน่น รู้สึกกระสับกระส่ายอย่างมาก
ตอนนี้จะทำยังไงดี? กงจืออวีสงสัยเธอแล้ว
ถ้าเกิดว่าตอบไม่ดี เรื่องที่กู้ซึงก็คือโห้หลีเฉิน เกรงว่ามันจะถูกเปิดเผยออกมาน่ะสิ
“เย้นหว่าน เธอรู้รสชาติที่ฉันชอบได้ยังไงกันน่ะ? ”
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านด้วยสายตาอ่อนๆ แล้วก็ถามด้วยน้ำเสียงที่ดูประหลาดใจเล็กน้อย
เขามองไปที่จานผักที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง แล้วก็ขมวดคิ้วแน่น “หรือว่า คุณรู้สึกกับผม……”
ยังไม่ทันจะพูดจบ แต่ว่าความหมายที่คลุมเครือนั้น ก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
แอบรักเขายังงั้นเหรอ?!
เย้นหว่านอึ้งไป แล้วก็มองไปที่โห้หลีเฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่คิดเลยว่าเขาจะพูดต่อหน้าทุกคนแบบนี้
เธอแอบรักเขายังงั้นเหรอ?
เธอ……
“พี่ ทำไมพี่ต้องพูดออกมาอย่างชัดเจนขนาดนั้นด้วย? เสี่ยวหว่านเป็นผู้หญิง หน้าบาง เธอจะเขินเอานะ! ”
กู้จื่อเฟยกลอกตา เธอคลี่ยิ้มทันทีแล้วก็พูดต่อ
เธอดึงเย้นหว่าน แล้วก็อธิบายอย่างตั้งใจว่า “เสี่ยวหว่าน เมื่อคืนเธอถามว่าพี่ฉันชอบกินอะไร เล่นอะไร ฉันก็แอบบอกเธอ และก็สัญญากับเธอว่าจะไม่บอกคนอื่นด้วย แต่ว่าเธอแสดงออกเกินไป เธอมีพิรุธเองนะ อย่ามาโทษฉันนะ”
เย้นหว่านมองกู้จื่อเฟยอย่างตกใจ ท่าทางที่ดูจริงใจนั้น นี่กำลังจงใจแสดงอยู่ยังงั้นเหรอ?
แต่ว่าเธอก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เธอแอบรักกู้ซึง ดังนั้นก็เลยถามกู้จื่อเฟยเกี่ยวกับรสชาติอาหารที่กู้ซึงชอบ ดังนั้นเช้านี้ก็เลยเป็นแบบนี้
ทุกอย่างเข้าท่าพอดี
แต่ว่า น่าอายจริงๆ
เย้นหว่านถูกจ้องจนหน้าแดง เธอรู้สึกไม่สบายตัว แล้วก็อธิบายอย่างเก้อเขิน “ฉันก็แค่เห็นว่าพี่กับจื่อเฟยเดินทางมาไกล เป็นแขกด้วย ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านฉันก็อยากจะรับแขกให้ดี ก็เลยถามเกี่ยวกับรสชาติอาหารที่ชื่นชอบเท่านั้นเอง”
“อ้อ~ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”
เย้นโม่หลินพูดด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม สายตาที่ตรงดิ่งของเขา ไม่ได้มีความเชื่ออยู่ในนั้นเลย
ถามหน่อยว่าเขารู้จักน้องสาวเขามานานแค่ไหนแล้ว เย้นหว่านจะรู้ว่าเขาชอบกินอะไรยังงั้นเหรอ? ล้อเล่นแล้ว!