บทที่450 ไม่ต้องการบ้านเมืองหรืออำนาจ แต่ต้องการสาวงาม
ที่บ้านพักสบายๆ บนภูเขาอันแน่หลัวหลังจากกลุ่มของเย้นหว่านมาแล้ว ก็รีบเคลียร์บ้านพักบนภูเขาทันที จองเหมาทั้งหมด
พนักงานเห็นแขกที่ใหญ่โตขนาดนี้ ก็แบ่งทีมอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แล้วก็ต้อนรับพวกเขาอย่างรอบคอบ
ตามความต้องการของหยูซือห้าน ประโยคแรกคือเล่นไพ่
แต่ว่าเขากลับพูดว่า “เล่นไพ่แบบธรรมดาๆ ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ถ้าจะเล่นก็เล่นอะไรที่มันน่าสนใจกว่านั้นหน่อย”
พอพูด หยูซือห้านก็มองไปที่เย้นหว่านอย่างมีความหมายแฝง
เย้นหว่านขมวดคิ้วอย่างลับๆ เล่นไพ่ก็คือเล่นไพ่ หยูซือห้านคนนี้อยากจะเล่นลูกไม้อะไรอีก?
“เสี่ยวหว่านชอบเล่นเกมไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด ไม่สู้ พวกเราเล่นเกมไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดกันดีกว่า ให้กรรมการเข้าร่วมด้วย เล่นสามเกมใครได้สองครั้งชนะ”
หยูซือห้านมองเย้นหว่านด้วยสายตาที่อบอุ่น ดวงตาเต็มไปด้วยความเสน่หา
พอบอกว่าจะเล่นเกมไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด ก็เหมือนเป็นการสารภาพกับเย้นหว่านว่า ถ้าเกิดว่าเขาจะเล่นเขาก็จะเล่นในสิ่งที่เธอชอบ และแม้ว่าเมื่อคืนเขาจะเล่นเกมไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดไม่เป็น แต่เขาก็ยินยอมที่จะเรียนรู้มันเพื่อเย้นหว่าน
ถ้าเกิดว่าเป็นคนทั่วไป ก็คงจะตื้นตันเพราะความจริงใจนี้ของเขาไปแล้ว
แต่เย้นหว่านกลับขมวดคิ้วแน่น หยูซือห้านคนนี้ ช่างน่าเบื่อเสียจริง
หรือว่าตอนนี้เขายังดูไม่ออกอีกเหรอว่า ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ทำยังไง เธอก็จะไม่มีวันรู้สึกอะไรกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว?
พอผ่านเรื่องเมื่อคืนไป ความประทับใจที่เย้นโม่หลินมีต่อหยูซือห้านก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว
เขาพูดว่า “ถ้ายังงั้นก็เริ่มกันเถอะ”
กรรมการตัดสินสามารถทำได้ทุกอย่าง แน่นอนว่าไม่มีการคัดค้านในการให้บริการคนอื่น ก็เตรียมจะนั่งลงและเข้าร่วมด้วย
ตอนนี้เอง โห้หลีเฉินก็พูดอย่างไม่ชักช้าว่า
“เดี๋ยวก่อน”
เขาก้าวยาว เดินไปตรงหน้าของเย้นหว่าน ค่อยๆ ก้มหน้าลง แล้วก็จ้องมองเธออย่างแผ่วเบา
มุมปากของเขามีรอยยิ้มที่รักและทะนุถนอม “ในเมื่อมันเป็นเกมที่เธอชอบ ถือว่าเป็นการฆ่าเวลาเป็นเพื่อนเธอ ตำแหน่งที่สาม ให้เธอเล่นแล้วกัน”
เย้นหว่านอึ้งไป การพนันของพวกเขาทั้งสองคน จะให้เธอเข้าร่วมด้วยยังงั้นเหรอ?
ถึงแม้ว่าเกมไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดนี้ต้องอาศัยทั้งสามคนถึงจะเล่นได้ แต่ว่าถ้าเกิดว่าเธอเข้าร่วมละก็ ……เธอต้องแอบช่วยโห้หลีเฉินอย่างแน่นอน
หรือว่า โห้หลีเฉินอยากจะอาศัยเส้นสายกับเธอยังงั้นเหรอ?
พอคิดได้แบบนี้ ดวงตาของเย้นหว่านก็เป็นประกาย เธอยิ้มจนตาหยีแล้วพูดว่า “ก็ได้ ฉันร่วมด้วย”
ใบหน้าที่หล่อเหลาของหยูซือห้านมืดมน เขาจะมองความคิดของเย้นหว่านไม่ออกได้ยังไง เธอต้องมาเพื่อช่วยโห้หลีเฉินอย่างแน่นอน
จนถึงตอนนั้นพวกเราจะเป็นสองรุมหนึ่ง ต่อให้เขาอยากจะชนะ ก็ไม่ง่ายแล้ว
สมควรตายจริงๆ
หยูซือห้านดึงนิ้วตัวเองเบาๆ เม้มปาก แต่ว่าก็ไม่ได้ออกปากปฏิเสธ
เริ่มแรกเขาบอกว่าจะเล่นเกมนี้เพราะว่าเย้นหว่าน ตอนนี้กู้ซึงกลับให้เย้นหว่านเข้ามาร่วมด้วยเพราะเหตุผลเรื่องฆ่าเวลา ถ้าเกิดว่าเขาบอกว่าไม่ได้ ก็เหมือนเป็นการตบหน้าตัวเองไม่ใช่เหรอ?
หลังจากพลาดท่า ถ้าพูดไปก็อายเขา หยูซือห้านก็ยังคงมีรอยยิ้ม “ในเมื่อเป็นแบบนี้ นี่ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เสี่ยวหว่าน มาเล่นเป็นเพื่อนพวกเราสิ”
น้ำเสียงนี้ พูดเหมือนกับว่าเขาตั้งใจเล่นกับเธอเป็นพิเศษ
เย้นหว่านกลอกตาอย่างรังเกียจ เธอไม่มองหน้าหยูซือห้านด้วยซ้ำ แล้วก็นั่งลงข้างโต๊ะ
โห้หลีเฉินกับหยูซือห้านนั่งอยู่ด้านซ้าย และด้านขวาของเธอ
เพื่อความเสมอภาค กรรมการยังเป็นคนแจกไพ่เหมือนเดิม
เกมแรก เย้นหว่านเป็นเจ้าของที่ดิน
เย้นหว่านถือไพ่แล้วก็สอบถาม “ถ้าเกิดว่าฉันชนะ หรือว่าแพ้ เกมนี้จะตัดสินยังไง? ”
โห้หลีเฉินกับหยูซือห้านติดต่อกัน แพ้หรือชนะก็ร่วมเสพด้วยกัน แต่ว่านี่เป็นการแข่งขันระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ระหว่างพวกเขาต้องมีการแยกผู้แพ้และผู้ชนะ
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่าน แล้วก็ยิ้มจางๆ “ไม่เป็นไร ชนะสองในสามเกม”
ความหมายก็คือ สองเกมหลังจะเป็นการตัดสินผู้แพ้หรือชนะยังไงยังงั้น
และเกมนี้ก็ดำเนินการต่อไป ถือว่าเล่นเป็นเพื่อนเย้นหว่าน
เย้นหว่านรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เธอคลี่ยิ้มให้โห้หลีเฉิน
หยูซือห้านเห็นทั้งสองคนมีผลต่อกันและกันแบบนี้ ก็เหมือนกับว่ามีกองไฟอยู่ในใจของเขา เผาไหม้อย่างรุนแรง
ถ้าเกิดว่ารู้ตั้งแต่แรกเขาจะไม่พูดถึงเรื่องเกมไพ่แลนด์ลอร์ดอะไรนี่หรอก ตอนนี้เขานั่งอยู่ที่นี่เหมือนกับหลอดไฟ เปิดโอกาสให้กู้ซึงแสดงความรักที่มีต่อเย้นหว่าน เหมือนกับว่ายกก้อนหินมาชนเท้าตัวเองยังไงยังงั้น
กู้จื่อเฟยดูอย่างเพลิดเพลินอยู่ด้านข้าง ไพ่ยังไม่ทันจะเริ่มเล่น ก็ดูน่าชมขนาดนี้แล้ว
เธอกระซิบเบาๆ ข้างหูของเย้นโม่หลิน “พี่เย้น พี่ว่าเกมพนันนี้ ใครจะชนะ? ”
เย้นโม่หลินเม้มริมฝีปากบางของตัวเอง แล้วสายตาของเขาก็วิเคราะห์ทั้งสามคมอย่างเฉียบแหลม
แต่คำตอบของเขานั้นมันสบายๆ มาก “เล่นเสร็จเดี๋ยวก็รู้เอง”
กู้จื่อเฟยยิ้ม แล้วก็กล่าวอย่างมั่นใจว่า “คนที่ชนะต้องเป็นพี่ของฉันอยู่แล้ว”
“งั้นเหรอ”
เย้นโม่หลินพูดเหมือนถามแต่ไม่ได้ถาม สีหน้าดูซับซ้อนยากที่จะแยกแยะได้
ระหว่างที่พูดคุยอยู่นั้น เกมก็เริ่มขึ้น
เย้นหว่านเป็นเจ้าของที่ดิน ไพ่บนมือก็ไม่เลวเลย มีโอกาสที่จะชนะเยอะมาก
และในฐานะที่โห้หลีเฉินเป็นผู้เล่นก่อนหน้าเธอ ดูเหมือนว่าไพ่ของเขาจะแย่จริงๆ ทุกครั้งที่ทิ้งไป ไม่มีอะไรที่สามารถคุกคามได้เลย ได้แค่ปล่อยให้ไพ่ในมือของเย้นหว่านปล่อยผ่านไป
แต่เหมือนกับว่าไพ่ในมือของหยูซือห้านก็ไม่เลวเท่าไหร่ สามารถระงับไพ่ของเย้นหว่านได้อย่างเต็มกำลัง และเต็มไปด้วยพลังโจมตี
ทำให้เย้นหว่านเล่นได้ยากมาก
หยูซือห้านถือไพ่อยู่ในมือ แล้วก็ยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากของเขา “เสี่ยวหว่าน ไม่ว่าตอนนี้เธอจะทิ้งอะไร ก็จะถูกฉันกินหมดนั่นแหละ ไพ่ในมือของเธอ ไม่มีใบไหนใหญ่กว่าฉันแล้ว”
เย้นหว่านขมวดคิ้ว หยูซือห้านคำนวณไพ่ในมือเธอได้อย่างชัดเจนแล้วเหรอ?
สมควรตายจริงๆ เล่นไพ่กับคนแบบนี้ เหมือนกับว่ากำลังเล่นไพ่ที่โปร่งใสจริงๆ
เย้นหว่านอารมณ์เสีย แล้วก็มองไปยังไพ่ที่อยู่บนโต๊ะ คิดคำนวณ ถ้าเกิดว่าไพ่ใหญ่ๆ ที่เหลืออยู่นั้นอยู่ในมือของหยูซือห้านล่ะก็ เขาต้องกินสเตรทฟลัชของเธอไม่ได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น เย้นหว่านก็โยนสเตรทฟลัชใบลงไป
“กิน”
หยูซือห้านยิ้มอย่างประสบความสำเร็จ แล้วก็โยนไพ่ทั้งหมดในมือลง
ห้าไปนั้น กินเย้นหว่านได้พอดี
เย้นหว่านเบิกตาโพลงด้วยความตะลึง “หยูซือห้าน นี่นายหลอกฉันเหรอ?! ”
ถ้าเกิดว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้พูดอะไรแบบนั้น เย้นหว่านก็ไม่มีทางปล่อยสเตรทฟลัชหรอก เธอจะทิ้งไว้ใบสุดท้าย
หยูซือห้านยิ้มแล้วพูดว่า “ศึกไม่หน่ายเล่ห์”
การเล่นไพ่นั้นมันให้ความสำคัญกับเรื่องทักษะ วิธีแบบนี้ พูดแล้วมันก็เหมือนกับสนามรถ เขาทำแบบนี้มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ใครให้เย้นหว่านบื้อ ติดกับเขากันล่ะ
เย้นหว่านกลัดกลุ้ม เธอรู้สึกอึดอัดอยู่ในอก ไม่สบายใจอย่างมาก
ตอนนี้เอง กู้จื่อเฟยก็กลับร้องออกมาอย่างเซอร์ไพรส์
“พวกเธอดูไพ่ของกู้ซึงสิ มันเป็นไพ่ใหญ่ๆ ทั้งนั้น ไพ่คิง สามารถชนะได้เลยนะ”
พอพูดแล้วเธอก็มองกู้ซึงแล้วก็ถามว่า “พี่ พี่มีไพ่แบบนี้ แต่ว่ากลับไม่กินเสี่ยวหว่าน นี่พี่จงใจแพ้ยังงั้นเหรอ? ”
หยูซือห้านพูดอย่างไม่พอใจ “กู้ซึง พวกเราเป็นทีมเดียวกัน แต่ว่านายกลับปล่อยแพ้เย้นหว่าน นี่ไม่สนใจกติกามากเกินไปรึเปล่า? ”
เย้นหว่านมองไปอย่างประหลาดใจ แล้วก็เห็นว่าในมือของโห้หลีเฉินมีแต่ไพ่ใบใหญ่ๆ จริงๆ
และหน้าไพ่ก็ดีมาก
ถ้าเกิดว่าก่อนหน้านี้เขาทิ้งไพ่เพื่อกดเย้นหว่าน เขาก็ชนะไปนานแล้ว
ท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจ และตรวจสอบของทุกคน โห้หลีเฉินมีสีหน้าเรียบเฉย แล้วก็คลี่ยิ้มพร้อมกับมองเย้นหว่านอย่างเอาใจ
“ชนะหรือไม่ชนะมันเป็นเรื่องที่สำคัญรองลงมา เธอมีความสุขก็ดีแล้ว”
หัวใจของเย้นหว่านเต้นรัว แก้มก็เริ่มแดง
กู้จื่อเฟยอุทานออกมาอย่างอิจฉา “ว้า พี่ชายฉันโรแมนติกจริงๆ นี่มันเรียกว่าไม่อยากได้ประเทศหรืออำนาจ แต่อยากได้สาวงามมากกว่ารึเปล่า~”
แล้วก็กลับมามองหยูซือห้าน เพื่อที่จะชนะ ก็เลือกที่จะโกหกเย้นหว่านอย่างไม่ลังเล
การเปรียบเทียบที่เห็นได้ชัดแบบนี้ ทำให้หยูซือห้านหน้าดำเป็นก้นหม้อทันที