บทที่452 เอาเปรียบ
มีคนรับผิดชอบนำทางไป เย้นหว่านและคนอื่นๆเดินไปสนามยิงปืน
สนามยิงปืนเลือกภาคสนามที่มีเป้าเล็งอยู่ด้านนอก มีระยะการมองเห็นกว้างและสภาพแวดล้อมที่สวยงาม
เป้าเล็งปักอยู่ตรงสนามเป็นแนวนอน สิบเป้าพอดี
โห้หลีเฉินกับหยูซือห้านเปลี่ยนชุดและอุปกรณ์เสร็จสรรพ
เย้นหว่านอยู่ข้างโห้หลีเฉินไม่ไกลมาก มองเขาอย่างเป็นห่วงและพูดเสียงเบาว่า:
“หยูซือห้านเติบโตที่เมืองเฟยตั้งแต่เด็ก ที่นั่นไม่จำกัดปืน และฉันได้ยินว่าเขาเข้าร่วมงานพวกนี้บ่อยๆ ใช้ปืนเป็นประจำ ฝีมือการยิงปืนต้องดีมากแน่ๆ เขาขอการยิงปืน ก็เพื่อเอาเปรียบนาย นายไม่ต้องสนใจเขาหรอก ยิงไปเถอะแพ้ชนะก็ไม่สำคัญหรอก”
ในประเทศจีน ปืนเป็นสิ่งของต้องห้าม คนปกติไม่มีโอกาสแตะต้องด้วยซ้ำ
โห้หลีเฉินกระตุกยิ้ม “เธอไม่เชื่อฉันเหรอ?”
เย้นหว่านรีบอธิบาย “ฉันเชื่อว่านายเก่งกว่าอยู่แล้ว นายเก่งทุกอย่าง แต่ว่า……”
“ที่แท้แล้วเธอยกย่องฉันแบบนี้ตลอดเลยเหรอ”
โห้หลีเฉินยิ้มกว้าง พูดแทรกคำพูดของเย้นหว่าน ระหว่างคิ้วของเขา มีแต่รอยยิ้ม
ท่าทีสบายๆของเขา เหมือนไม่เกรงกลัวศัตรูเลยสักนิด
เย้นหว่านอึ้ง เธอยกย่องเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? โห้หลีเฉินทำไมถึงหลงตัวเองแบบนี้ได้นะ หน้าหนาจริงๆเลย
เธอใบหน้าแดงระเรื่อ พูดอย่างเขินอาย: “น่ารำคาญจริงๆเลย”
หยูซือห้านเตรียมตัวอยู่ข้างๆ หันไปเห็นกู้ซึงกับเย้นหว่านกำลังพูดคุยหยอกล้อกันอย่างหวานแหวว สองคนจู๋จี๋กัน กำลังหลอดรักกันขนาดคนตาบอดยังดูออกว่าเป็นคู่รักกันเลย
เขาเสนอการแข่งขันนี้ออกมา ก็เพื่อทำให้กู้ซึงเสียหน้า ให้เย้นหว่านเห็นว่าใครที่มีความสามารถจริงๆ ใครที่เก่งจริง แต่ไม่ใช่มาสร้างโอกาสให้พวกเขาสองคนพลอดรักกันนะ
หยูซือห้านหยิบปืนขึ้นมา หมุนในมือหลายรอบ ตั้งใจพูดเสียงดัง ด้วยน้ำเสียงที่ดูถูก
“คุณชายกู้ ทำความคุ้นเคยกับปืนก่อนไหม?”
เขายื่นปืนออกไปให้โหหลีเฉินด้วยสีหน้าจริงใจ “นายอยู่ที่จีน คงจะไม่มีโอกาสได้จับปืนจริง ปกติเล่น และจับก็มีแต่ปืนของเล่นสินะ ในเมื่อพวกเราจะแข่งขันกัน ฉันก็ไม่อยากเอาเปรียบนาย นายลองทำความคุ้นเคยก่อนก็ได้นะ”
คำพูกนั้นดูจะจริงใจ แต่มันกลับเป็นคำดูถูกอย่างแรงเลยทีเดียว
กู้จื่อเฟยกับเย้นโม่หลินได้ยินคำพูดแบบนี้ สีหน้ากู้จื่อเฟยก็เปลี่ยนไปทันที พูดบ่นอย่างไม่พอใจ
“หยูซือห้านน่าหมั่นไส้จริงๆ ปลอมมาก”
เย้นโม่หลินครุ่นคิดในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเม้มปาก ยืนตัวตรงอยู่ข้างๆ เป็นผู้ชมเงียบๆ
รอดูผลการแข่งขัน
เย้นหว่านได้ยินคำพูดของหยูซือเย้น เธอก็ขมวดคิ้วทันที
ตอนแรกเธอคิดว่า การเดิมพันที่หยูซือห้านพูดถึง คือการแข่งขันระหว่างผู้ชาย แต่ไม่คิดว่า หยูซือห้านรู้อยู่แล้วว่าโห้หลีเฉินยิงปืนไม่เป็น แต่ก็ตั้งใจเรื่องการแข่งขันนี้
เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจเอาเปรียบ เพื่อจะได้เห็นโห้หลีเฉินเสียหน้า
“หน้าไม่อาย!”
เย้นหว่านพูดบ่นเบาๆ เข้าไปจับแขนโห้หลีเฉินไว้ “การแข่งขันนี้ไม่มีความหมาย พวกเราไม่เล่นแล้ว”
โห้หลีเฉินกลับจับมือเธอไว้เบาๆ จับมือเล็กของเธอไว้ บีบเบาๆเหมือนปลอบใจเธอ
“วางใจเถอะ”
เขาหันไป แสยะยิ้มจ้องมองหยูซือห้าน “พวกเรามารอดูกัน ว่าใครกันแน่ที่ปกติเล่นของเล่นปืน”
“เหอะ” หยูซือห้านยิ้ม แต่สีหน้ากลับปิดซ่อนความดูถูกไม่อยู่ “คุณชายกู้ในเมื่อมั่นใจแล้ว งั้นการแข่งขันนี้ ก็ดูน่าสนใจขึ้นมาเยอะเลยนะ”
กู้จื่อเฟยมองดูหยูซือห้าน รู้สึกถึงความโกรธที่พุ่งขึ้นมาในใจ
เขาอวดเก่งขนาดนี้ ก็เพื่อแกล้งโห้หลีเฉินที่เป็นคนจีน ปกติไม่ได้จับปืนเหรอ? ถ้าจีนไม่มีคำสั่งห้ามใช้ปืน เขามีสิทธิอะไรมาทำตัวห้าวที่นี่กัน?
“ใช่สิ พี่เย้นบอกแล้ว คนที่คู่ควรกับเย้นหว่าน ต้องมีทักษะการยิงปืนที่แม่นยำ ต้องยิงแม่นถึงหนึ่งร้อยแต้ม!”
หยูซือห้านอึ้ง หนึ่งร้อยแต้มเหรอ?
นั่นต้องไม่ผิดพลาดเลยสักนัด!
ทักษะการยิงปืนของเขาไม่เลวก็จริง แต่แม้จะเป็นแบบนั้น ก็ไม่อาจรับรองได้ว่าจะยิงได้หนึ่งร้อยแต้ม มันเป็นเรื่องที่ยากมากทีเดียว
ในตอนนี้กู้จื่อเฟยพูดขึ้น แม้เขาจะชนะกู้ซึง แต่ถ้ายิงหนึ่งร้อยแต้มไม่ได้ ก็ต้องถูกพวกเขาหาข้ออ้างมาพูดได้
คำพูดนี้ ก็เพื่อตั้งใจกลั่นแกล้งเขา!
หยูซือห้านพูดเสียงต่ำ: “ยิงได้สิบแต้มก็ถือว่าเป็นคะแนนที่ไม่เลวแล้ว ในแวดวงปืนนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว จะยิงให้ถูกหนึ่งร้อยแต้ม นั่นคงไม่มีใครทำได้ นี่ยากเกินไปหรือเปล่า”
“คุณชายหยูไม่มั่นใจแล้วเหรอ?”
กู้จื่อเฟยพูดอย่างไม่ปกปิด และหัวเราะออกมา
เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงหัวเราะดูถูก ทำเอาสีหน้าหยูซือห้านเสียไปทันที ตั้งแต่เดิมพันไพ่จนถึงตอนนี้ กู้จื่อเฟยตั้งใจพูดให้เขาลำบากอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขาต้องเสียหน้าทุกที
ให้ตายสิ
หลังจากเรื่องครั้งนี้แล้ว เขาไม่เพียงแต่จะกำจัดกู้ซึง ยังจะกำจัดกู้จื่อเฟยด้วย
แอบคิดอาฆาตอยู่ในใจ หยูซือห้านต่อหน้า กลับทำสีหน้าใจเย็น
และพูดว่า: “แม้ทุกคนจะทำไม่ได้ แต่ฉันก็อยากจะลองดูสักครั้ง”
พอพูดถึงขั้นนี้แล้ว แม้หัวใจจะเต้นตึกตักมากเพียงใด เขาในเวลานี้ ก็จะไม่ตอบตกลงไม่ได้
ไม่งั้น ไม่สู้ก็ยอมเสียก่อน น่าขายหน้ายิ่งไปกว่าอีก
เขาจะแพ้ไม่ได้ ถึงแม้สุดท้ายเขาจะยิงไม่โดนยิงไม่ได้หนึ่งร้อยแต้ม ก็ยิงยี่สิบสามสิบแต้มก่อนหน้ากู้ซึงได้
เพื่อให้ตัวเองได้เปรียบมากกว่า
ดังนั้น หยูซือห้านครุ่นคิดสักพัก ก็เดินไปตรงหน้าโห้หลีเฉิน ยื่นปืนในมือไปให้เขาอีกครั้ง
“คุณชายกู้ เชิญก่อนเลย”
ถ้าจะเสียหน้า ก็ต้องเป็นกู้ซึงที่เสียหน้าก่อนแล้วกัน
โห้หลีเฉินมองดูปืนตรงหน้า เขาแสยะยิ้ม และพูดว่า:
“นายเริ่มก่อนเลย ไม่งั้น พอฉันลงมือแล้ว นายอาจจะไม่มีหน้ายิงอีก”
“คุณชายกู้ปากดีมากนะ!”
หยูซือห้านกัดฟันกรอด รู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของกู้ซึงอย่างมาก
เขากลัวว่าถ้ายิงก่อน จะเสียหน้าก่อนล่ะสิ?
หยูซือห้านกำลังจะพูดต่อ แต่กลับได้ยินกู้ซึงพูดต่อว่า:
“คุณชายกู้ถ้าไม่มั่นใจว่าจะยิงได้หนึ่งร้อยแต้ม ไม่ยอมเสียหน้าก่อน งั้นฉันเริ่มก่อนก็ได้”
โห้หลีเฉินกระตุกยิ้มได้ใจ ไม่ได้เอาปืนของหยูซือห้าน แต่กลับแบมือออกไป รอหยูซือห้านเอาปืนไว้ที่มือเขา
เอาสิทธิเลือกให้หยูซือห้านอีกครั้ง
แต่ว่า หยูซือห้านถ้ายื่นปืนให้โห้หลีเฉินอีก ก็จะยอมรับว่า เขาไม่มั่นใจที่จะยิงหนึ่งร้อยแต้ม ถึงดึงกู้ซึงรองหลัง!
แม้เขาจะคิดแบบนี้ แต่พอพูดออกมา เขาก็ไม่มีหน้าทำแบบนี้ต่อไปแล้ว
หยูซือห้านกัดฟันกรอด โกรธจนควันแทบออกหู
กู้ซึงทั้งต่ำทรามทั้งไร้ยางอายแล้วยังจัดการยากอีกด้วย!
เขาจึงเก็บปืนกลับไป และเดินไปประจำที่ยิงปืน ยืนนิ่ง ยกปืนขึ้น ท่าทางรวดเร็วและขมักเขม่น รวดเร็วจนน่าทึ่ง
เขาพูดเสียงเรียบว่า: “ในเมื่อเช่นนี้ งั้นฉันก็เริ่มก่อนแล้วกัน พวกนายดูให้ดีล่ะ!”