บทที่474 ผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมาย
ทุกคนในที่นั้นต่างกลั้นหายใจมองป่ายฉีสัมผัสใบหน้า รอคำยืนยันของป่ายฉี ให้กับผลลัพธ์ที่พวกเขาคาดเดากันไว้แล้ว
ถึงตอนนั้น ที่ความจริงกระจ่าง ดูซิว่ากู้ซึงยังจะพูดอะไรได้อีก
กล้ามาหลอกคนตระกูลเย้นแบบนี้ ไม่ปล่อยไปง่าย ๆ แน่ ต้องได้รับโทษ
ไม่รู้ตอนไหนที่หยูซือห้านเดินมาอยู่ข้างเย้นหว่านอย่างเงียบ ๆ เขาก้มลงเล็กน้อย กระซิบข้างหูเย้นหว่านด้วยน้ำเสียงที่เบามาก
“เสี่ยวหว่าน ผลสุดท้ายกำหนดไว้แล้ว เธอยอมรับมันซะเถอะ ตอนนี้ให้ดีที่สุดคือคิดว่าหลังจากนี้จะพูดยังไงเพื่อตัดสัมพันธ์จะดีกว่า”
เสียงทุ้มต่ำนั้น เต็มไปด้วยความรื่นรมย์ในความทุกข์ของคนอื่นอย่างร้ายกาจ
ใจของเย้นหว่านที่ตึงเครียดอยู่แล้วนั้น ยิ่งรู้สึกหดหู่และย่ำแย่ยิ่งขึ้นไปอีก
หากเป็นไปตามคาด เมื่อป่ายฉีเปิดเผยตัวตนของโห้หลีเฉิน คนแรกที่ก้าวเข้าไปแน่นอนว่าต้องเป็นหยูซือห้าน
เขาก็เป็นคนตระกูลหยู ยังใช้เรื่องเปลือกนอกที่ทำให้ตระกูลหยูอับอาย มาเล่นงานโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านหน่วงไปทั้งใจ เดิมทีก็ไม่กล้าคิดไปไกล ว่าหลังจากวันนี้ โห้หลีเฉินจะต้องเผชิญกับแรงกดดันและการโจมตีมากมายขนาดไหน
ทั้งหมด ก็เป็นเพราะเธอ
เย้นหว่านเบ้าตาแดงก่ำ ความรู้สึกราวกับกำลังพังทลายลงมา
หยูซือห้านมองการเปลี่ยนแปลงในท่าทีของเย้นหว่านอย่างพอใจ รู้สึกสดชื่นอย่างมาก ตลอดมา เย้นหว่านเมินเฉยใส่เขามาตลอด งั้นเขาจะให้เธอได้ลิ้มรส รสชาติของความเจ็บปวด
หยูซือห้านยิ้มอย่างมุ่งร้าย ก่อนเอ่ยเตือน “ตรวจเสร็จแล้ว”
ลมหายใจของเย้นหว่านหยุดชะงัก
เธอมองไปยังทั้งสองคนกลางห้องโถงด้วยสายตาประกายวาบ ป่ายฉีละมือออกจากใบหน้าของกู้ซึงเลย เขามองกู้ซึงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและซับซ้อน
หัวใจของเย้นหว่าน ตกลงสู่ก้นเหวลึกลงไปทีละชั้น
ใบหน้าหล่อเหลาของหยูซือห้านเต็มไปรอยยิ้มแห่งความคาดหวัง ถามอย่างกระตือรือร้น
“คุณป่ายฉี ผลเป็นยังไงบ้าง? หน้าของกู้ซึงเคยปลอมเปลี่ยนมารึเปล่า?”
คำพูดของเขา ถามในคำตอบที่คนทั้งหมดในที่นั้นต่างอยากรู้มากที่สุด
ทุกคนล้วนมองไปที่ป่ายฉีอย่างลุ้นระทึก รอให้เขาพูด
แววตาที่ซับซ้อนป่ายฉีมองไปยังเย้นหว่าน เขาเม้มปาก ก่อนหมุนตัวมองไปยังกงจืออวี
เขาเอ่ยด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม “ขอรายงานนายท่าน ผมได้ตรวจสอบแล้ว ใบหน้าของกู้ซึงไม่มีร่องรอยการปลอมแปลงใด ๆ เขาคือกู้ซึงตัวจริง ไม่ผิดแน่”
เมื่อคำคำนี้เอ่ยออกไป ก็เกิดเสียงฮือฮาอย่างเหลือเชื่อขึ้นทันที
ไม่มีใครคาดคิด ว่าจะได้ผลลัพธ์แบบนี้
รอยยิ้มลำพองใจของหยูซือห้านแข็งค้างในทันที เขาคำรามเสียงดัง
“เป็นไปไม่ได้!”
สีหน้าของป่ายฉีเคร่งขรึมลงชั่วขณะ จ้องมองหยูซือห้านอย่างเย็นชา เอ่ย
“คุณชายหยู นี่คุณกำลังสงสัยในทักษะการแพทย์ของผมเหรอ?”
ทักษะการแพทย์ของป่ายฉีเป็นตำนานของโลกใบนี้ ยังไม่มีใครกล้าสงสัยเขาในขอบเขตนี้
หยูซือห้านขมวดคิ้ว รีบร้อนแก้ตัว “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
ป่ายฉียิ้มเย็น “งั้นก็คงสงสัยตัวผม ว่าผมช่วยกู้ซึงแอบอ้างอยู่งั้นเหรอ?”
หยูซือห้านเม้มริมฝีปากบาง ไม่ได้พูดในทันที
เขาก็คิดว่ามันมีความเป็นไปได้จริง ๆ ! ถึงยังไงความสัมพันธ์ของป่ายฉีกับเย้นหว่านก็ดีมากด้วย
ในตอนนั้นเอง คุณลุงที่มุงอยู่กลับก้าวมาข้างหน้าสองก้าว พูดอย่างจริงจังด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ป่ายฉีเป็นลูกตระกูลเย้นของเรา ไม่มีทางพูดโกหกพกลมแน่ ในเมื่อบอกว่าหน้าของเขาไม่มีการปลอมแปลง งั้นบนหน้าของเขาก็ต้องไม่มีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน!”
คำยืนยันนั้น คือความไว้วางใจอย่างไม่กั๊ก
ทั้งยังแสดงถึงทัศนคติของตระกูลเย้นอีกด้วย
แม้ว่าพวกเขาจะคิดว่าผลลัพธ์นี้ จะเกินความคาดหมายไปมากจริง ๆ
สีหน้าของหยูซือห้านดูไม่ได้อย่างมาก กำปั้นกำแน่น จิกจนดังกึก ๆ
เรื่องข่าวลือ เขาวางแผนตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ก็เพื่อเปิดโปงใบหน้าที่แท้จริงของกู้ซึง ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามความคาดหวังของเขา แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้
แต่เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่ากู้ซึงกับโห้หลีเฉินไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
“แน่นอนว่าผมไม่ได้สงสัยป่ายฉีอยู่แล้ว เพียงแต่…..”
ความคิดของหยูซือห้านเปบี่ยนอย่างรวดเร็ว คิดดูแล้ว ก็พูดขึ้น “ความสัมพันธ์ของกู้ซึงและเสี่ยวหว่านน่าแคลงใจอยู่จริง ๆ ข่าวลือก็ไม่ได้ไร้มูลขนาดนั้น ผมเชื่อว่าในนั้น จะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้องแน่”
ข่าวลือก่อนหน้านี้ คำพูดของหยูซือห้าน ราวกับทำให้ทุกคนในที่นี้เชื่อว่ากู้ซึงคือโห้หลีเฉินแน่
การเรียกป่ายฉีมา ก็เป็นการยืนยันให้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
แต่การตรวจสอบของป่ายฉีกลับเหนือความคาดหมายของทุกคน ถึงแม้ทุกคนจะเชื่อว่าป่ายฉีคงไม่โกง แต่ตั้งแต่ต้นจนจบก็ยังรู้สึกน่าสงสัยอยู่ รู้สึกว่าเรื่องนี้มีตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง
ดวงตาคู่หนึ่ง สายตายังคงวนอยู่ทั่วตัวของกู้ซึงไม่หยุด
หัวใจของเย้นหว่านวูบไปพร้อม ๆ กัน มันน่าหวาดเสียวยิ่งกว่านั่งรถไฟเหาะซะอีก
นึกว่าจะต้องถูกเปิดโปงแล้วแน่ ๆ แต่ไม่คิดว่าผลลัพธ์ป่ายฉีจะบอกว่ากู้ซึงก็คือกู้ซึง! แม้ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่มันก็ทำให้หัวใจที่ห้อยต่องแต่งของเย้นหว่านปล่อยวางลงได้ในที่สุด
ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ เธอไม่ยอมให้หยูซือห้านจับผิดก่อความวุ่นวายต่อไปอีกแล้ว
เย้นหว่านเงยหน้าขึ้น มองไปที่หยูซือห้านอย่างประชดประชัน พูดอย่างไม่เกรงใจ
“คุณชายหยู เรียกป่ายฉีมาตรวจสอบใบหน้าคุณก็เป็นคนพูดเอง ตอนนี้ป่ายฉีตรวจเสร็จแล้ว กู้ซึงไม่ใช่โห้หลีเฉินก็คือไม่ใช่ คุณกลับปฏิเสธที่จะยอมรับมันอีกงั้นเหรอ?
กู้ซึงกับคุณมีความเกลียดแค้นอะไรกัน คุณไม่ใส่ร้ายเขาขนาดนี้มันจะไม่ได้เลยหรือยังไง?”
หยูซือห้านขมวดคิ้ว ยังคงรักษารอยยิ้มสุภาพ แล้วอธิบายอย่างอดทน
“เสี่ยวหว่าน เธอเข้าใจฉันผิดแล้ว ฉันแค่กำลังตามหาความจริงเท่านั้นเอง ถึงยังไงเรื่องก็ไม่ได้เกี่ยวข้องแค่กับเธอ แต่เกี่ยวพันถึงหน้าตาของตระกูลหยูของเราด้วย”
โห้หลีเฉิน ยังไงเสียก็ยังเป็นคนของตระกูลหยู
เย้นหว่านยิ้มเย็นชา “แต่ตอนนี้ก็ได้พิสูจน์แล้ว ว่ากู้ซึงไม่ใช่โห้หลีเฉิน คุณกลับยังก่อกวน เอาแต่พูดว่ากู้ซึงก็คือโห้หลีเฉิน คุณคิดถึงหน้าตาของตระกูลหยู หรือคาดหวังให้กู้ซึงเป็นโห้หลีเฉิน มาทำลายหน้าตาของตระกูลหยูของคุณกันล่ะ?”
ด้วยคำพูดอันเฉียบคมนั้น ทำเอารอยยิ้มบนใบหน้าหยูซือห้านแทบจะประคองไว้ไม่อยู่
ถ้อยคำฉะฉานของเย้นหว่าน และท่าทีดุร้ายของเธอ เหมือนกับแม่แมวสาวตัวน้อยที่กำลังบ้าคลั่ง กรงเล็บที่แหลมคมนั้นอันตรายมาก
แต่การโยกย้ายในตำแหน่งผู้สืบทอดของหยูซือห้านและโห้หลีเฉิน คนตระกูลเย้นต่างรู้กันว่า ว่ากันตามผลประโยชน์ หยูซือห้านกับโห้หลีเฉินเข้ากันไม่ได้แน่นอน
ดังนั้นที่เขาบอกว่ากู้ซึงคือหยูซือห้านอย่างกระตือรือร้นขนาดนี้ ความเห็นแก่ตัวในนั้น ก็ไม่น้อยไปกว่ากันเลย
บวกกับหยูซือห้านที่อยู่ที่ตระกูลเย้น ก็เพราะอยากแต่งเย้นหว่านเป็นภรรยา เป็นคู่ปรับ คู่แข่งหัวใจ เมื่อพิจารณาในแง่นี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะใส่ความโดยเจตนา
คนตระกูลเย้นล้วนมีหัวใจอันปราดเปรื่องทั้ง7 ไม่นานก็ตระหนักได้ถึงผลประโยชน์พัวพันนี้ สายตาที่มองหยูซือห้านก็เปลี่ยน
มีการสำรวจ สังเกตอย่างละเอียด
กองไฟลุกโชนในท้องของหยูซือห้าน ราวกับจะพ่นออกมาจากท้อง
สถานการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก ตอนนี้ทั้งหมดจะหายไปงั้นเหรอ? แถมยังต้องดึงการแสดงอีก
ท่าทีหยูซือห้านแข็งกระด้าง น้ำเสียงเย็นเยือกไม่น้อย
เอ่ย “ฉันก็แค่พูดความจริงเท่านั้น แท้จริงกู้ซึงคือโห้หลีเฉินหรือไม่นั้น ใจฉันรู้ดีกว่าใคร”
ต่อให้ไม่มีหลักฐาน หยูซือห้านก็ยังคงยืนกราน
แม้ว่าวันนี้จะเปิดโปงโห้หลีเฉินไม่ได้ แต่เรื่องนี้ อย่างน้อยเขาก็ต้องฝังรากเข้าไปในใจของคนตระกูลเย้น
เมื่อมีเมล็ดพันธุ์แห่งความเคลือบแคลง สักวันหนึ่ง มันก็จะระเบิดออกมา