บทที่479 จู้จี้
ในใจของกู้ซึงก่นด่าอย่างดุเดือด บนใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มของสุภาพบุรุษที่สง่างามไว้อย่างยากลำบาก
เขาเดินไปยังเบื้องหน้าเย้นหว่าน เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
“จะให้ฉันอุ้มมั้ย?”
เพียงคำถามนั้นเอ่ยออกมา บรรยากาศเย็นเยือกก็แผ่ออกมาทันที มีความอันตรายที่พาให้หวาดผวา
ร่างกายของกู้ซึงตื่นตัวขึ้นมา ราวกับรู้สึกได้ถึงแรงคุกคามถึงตาย
สีหน้าของเย้นหว่านเปลี่ยนไปเล็กน้อย ต่อต้านอย่างสุด ๆ
นอกจากโห้หลีเฉิน เธอไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนมาอุ้มอะไรเธอทั้งนั้น
แต่ในตอนนี้ ความสัมพันธ์ของเธอกับกู้ซึงคลุมเครือ ถ้าเขาจะอุ้มก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล
เย้นหว่านหดหู่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนส่ายหน้า ปรับรองขาให้ตรง
พูด “ไม่เป็นไร ฉันไม่เจ็บเท่าไหร่แล้ว เดินเองได้”
พูดดังนั้น เย้นหว่านก็ใช้ขากะเผลกเดินผ่านกู้ซึงตรงไปข้างหน้า
ฝีเท้าของเธอไม่เร็วนัก แต่กลับมั่นคง
เย้นโม่หลินหรี่ตาลง สายตาคมกริบพิจารณาแผ่นหลังของเย้นหว่าน
ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่?
กู้ซึงถอนหายใจเบา ๆ เดินไปข้างเย้นโม่หลิน แล้วพูดอย่างสบาย ๆ
“เธอน่าจะเขินน่ะ”
พูดจบ กู้ซึงก็เร่งฝีเท้า ปกปิดใบหน้าตามเย้นหว่านไปอย่างรวดเร็ว
เย้นโม่หลินอึ้งไปเล็กน้อย แล้วนึกขึ้นได้ เมื่อกี้เย้นหว่านกับกู้ซึงอยู่ข้างในนั้น ถูกเขาชนจนบาดเจ็บ
ยังไงเย้นหว่านก็เป็นเด็กผู้หญิง ผิวหน้าบาง ถูกกู้ซึงอุ้มตอนนี้ย่อมต้องอายอยู่แล้ว
เย้นโม่หลินส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ รอยจูบก็ทิ้งไว้แล้ว ยังจะอายอะไรอีก?
เด็กผู้หญิงนี่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
คิดดังนั้น เย้นโม่หลินก็เดินตามไปแบบไม่ช้าไม่เร็ว
เย้นหว่านเดินอยู่หน้าสุด แต่ฟ้าย่อมรู้ดีว่าเธอไม่อยากไปแค่ไหน
ตอนที่เลี้ยว สายตาของเธอมองไปในมุมนั้นอย่างห้ามไม่ได้ เธอรอคอยที่จะได้เห็นชายเสื้อผ้าของโห้หลีเฉิน แต่ก็กลัวจะเห็นเขาเปิดโปง
เพียงแต่เมื่อได้สัมผัสเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ในวันนี้ ทั้งยังมีตัวแปรอย่างกู้ซึง เธอรู้สึกไม่สบายใจเลยจริง ๆ มีคำพูดมากมายอยากจะบอกโห้หลีเฉิน อยากจะถามว่าหลังจากนี้เขาก็ทำยังไงต่อไป
แต่ตอนนี้เป็ดที่ถูกขับออก ก็ไม่มีโอกาสอยู่แล้ว
พอส่งเย้นโม่หลินไปแล้ว โห้หลีเฉินจะยังอยู่ที่นี่รอเธอรึเปล่า?
เย้นหว่านกังวล สับสน และค่อนข้างไม่สบายใจ
ตอนนี้ขอแค่รีบส่งเย้นโม่หลินไปเร็ว ๆ ก็พอ
เย้นหว่านมีความคิดในใจ ฝีเท้าจึงเดินเร็วขึ้นเล็กน้อย พากูซึงไปยังห้องรับแขก หากล่องปฐมพยาบาลออกมาให้อย่างกระตือรือร้น
เย้นโม่หลินมองการกระทำของเย้นหว่าน ก็พยักหน้าอย่างเงียบ ๆ
สุดท้ายก็ยังมีกู้ซึงอยู่ในใจ แม้จะอายแต่ก็รักษาให้เขา กระตือรือร้นยิ่งกว่าใครซะอีก
เย้นโม่หลินจึงวางใจ แล้วไปนั่งลงบนโซฟาอีกตัวหนึ่ง
เย้นหว่านถือกล่องปฐมพยาบาลเดินเข้ามา วางตรงหน้ากู้ซึงแล้วเปิดออก
พูด “ยาฆ่าเชื้ออยู่ในนี้หมดแล้ว นายใช้สิ”
กู้ซึงมุมปากกระตุก “เอ่อ ฉันทำไม่ได้”
เขาเป็นคุณชายเศรษฐีมาตั้งแต่เล็ก มีแต่คนเรียงแถวกันมาปรนนิบัติ แค่แผลเล็ก ๆ ก็มีผู้เชี่ยวชาญมาจัดการให้แล้ว
ยังไม่เคยได้ทำเองจริง ๆ
เจ้าพวกขวดเอยกระปุกเอยตรงหน้านี้มีสรรพคุณยังไงบ้าง เขายังไม่รู้เลย
เย้นหว่านตะลึง ประหลาดใจไปชั่วขณะ เธอไม่ได้คาดคิดถึงจุดนี้ ยังไงเสียโห้หลีเฉินก็รู้เกี่ยวกับกล่องพยาบาลนี้อย่างดี
เมื่อเห็นความประหลาดใจในแววตาของเย้นหว่านแล้ว ทำให้กู้ซึงรู้สึกเสียหน้าอยู่หน่อย ๆ
เขาเม้มปาก เอ่ยเสียงแข็ง “เธอทาให้ฉันหน่อยสิ”
เย้นหว่าน “……” อะไรล่ะนั่น ที่จริงเธอเองก็ไม่ค่อยเป็นเหมือนกัน
เมื่อเห็นใบหน้าของกู้ซึงบวมขึ้นเรื่อย ๆ เย้นหว่านก็รู้สึกเกรงใจขึ้นมา ถึงยังไงกู้ซึงถูกต่อยก็เพราะเธอ
“เฮ้อ งั้นฉันเรียกหมอ….” มาให้…..
เย้นหว่านยังไม่ทันพูดจบ เย้นโม่หลินก็ทันมองต่อไปไม่ได้ เอ่ยเสียงขรึม
“ฉันทาให้เขาเอง”
เขาหรี่ตา สายตาคมกริบสำรวจสอดส่องระหว่างเย้นหว่านกับกู้ซึงอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศระหว่างทั้งสองออกจะแปลก เหมือนจะอึดอัด เหินห่าง แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับบรรยากาศคลุมเครือดูมีซัมติงระหว่างทั้งสองคนเมื่อไม่กี่วันก่อน
ระหว่างพวกเขา เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เย้นโม่หลินนั้นใช้ยาพวกนี้เป็น เย้นหว่านพลันใจชื้นขึ้นมา อย่างนี้ก็แก้ไขปัญหาเรื่องหน้าของกู้ซึงได้
เธอก็หลบไปได้แล้ว
กลับไปที่สวนดอกไม้ตอนนี้ โห้หลีเฉินน่าจะอยู่ที่นั่นนะ?
เย้นหว่านรีบมอบหน้าที่ให้กับเย้นโม่หลินทันที “มาเถอะ”
กู้ซึงร่างแข็งทื่อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความคัดแค้น
ไม่ต้องพูดถึงอาการบาดเจ็บที่โดนเย้นโม่หลินต่อยมา เย้นโม่หลินน่ะเป็นผู้ชายตัวใหญ่ หยาบกระด้าง มือหนัก ให้มาทายาให้เขา จะไม่เลาะผิวหน้าเขาออกมาอีกชั้นเหรอ
ไม่เอาด้วยหรอก
กู้ซึงรีบยื่นมือออกมา จับแขนของเย้นหว่านไว้แน่น ดึงเธอมายังข้างกายตัวเอง
พูดกับเย้นโม่หลินด้วยสีหน้าจริงจัง “ให้เย้นหว่านทาให้เถอะ ไม่ต้องรบกวนคุณชายเย้นหรอก!”
“ฉันทำไม่ได้….”
เย้นหว่านคิดจะปฏิเสธเขา แต่ยังไม่ทันจะแกะมือเขาออก ก็ถูกกู้ซึงดึงมานั่งข้าง ๆ ตัวเขาแล้ว
กู้ซึงสุ่มหยิบขวดยาขึ้นมาแล้วยัดใส่มือของเย้นหว่าน
“เย้นหว่าน ฉันรู้ว่าเธอรักฉัน ทนเห็นฉันเจ็บไม่ได้ แต่จะเอาแต่รบกวนคนอื่นไม่ได้ เธอทาให้ฉัน ฉันก็คงไม่เจ็บขนาดนั้น”
สีหน้าของกู้ซึงมองเย้นหว่านอย่างนุ่มนวลอย่างที่สุด อ่อนโยนราวกับสายน้ำ
แต่แรงขับที่จับแขนเย้นหว่านอยู่นั้นแรงมาก ทั้งยังเต็มไปด้วยการคุกคาม
ข้อมือของเย้นหว่านถูกบีบจนเริ่มเจ็บ ในใจขัดขืนอย่างเต็มที่
เธอก็ทาไม่เป็น ทำไปก็ทำมั่ว ๆ นั่นแหละ นอกจากนี้เธอยังอยากจะใช้โอกาสนี้ไปหาโห้หลีเฉินด้วย
กู้ซึงอย่ามาทำเธอเสียเวลาจะได้มั้ย?
เย้นหว่านคิดจะปฏิเสธ แต่กู้ซึงกลับโน้มตัวมาข้างหน้าอย่างกะทันหัน ทำให้ระยะห่างระหว่างเธอแคบลง
ใช้เสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน เอ่ยอย่างแผ่วเบา “เสี่ยวหว่าน ถ้าหน้าของโห้หลีเฉินเป็นแผลล่ะ เธอจะยังไม่สนงั้นเหรอ? ใบหน้าแบบเดียวกัน แต่เธอปฏิบัติต่างกันขนาดนี้ หัวใจที่บอบบางของฉันเจ็บปวดจริง ๆ
ฉันได้รับบาดเจ็บ อารมณ์ก็ไม่ดี คงแสดงได้ไม่ดีแล้วล่ะ ถึงเวลาก็คงถูกจับได้….”
สีหน้าของเขาดูไร้เดียงสา แต่คำที่พูดออกมากลับคุกคามสุด ๆ
เย้นหว่านมุมปากกระตุก เจ้าหมอนี่ เพื่อให้เธอทายาให้ แม้แต่วิธีการน่ารังเกียจแบบนี้ก็ยังเอามาใช้
เขาไม่กลัวถูกเธอทำจนเสียโฉมรึไง?!
เย้นหว่านถ่มน้ำลายในใจ แต่บนใบหน้า ยังต้องคงรอยยิ้มอ่อนโยนเอาไว้
สักพักหนึ่ง เธอก็กัดฟันเอ่ยออกไป “ได้สิ ฉันทาให้นะ”
กู้ซึงถึงได้ยิ้มอย่างพึงพอใจ ปล่อยข้อมือของเย้นหว่าน แล้วนั่งอยู่ข้าง ๆ อย่าสง่างาม
เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เบา ๆ นะ”
เย้นหว่าน “…..”
จู้จี้ชะมัด
เธอกัดฟัน มองไปทางสวนอย่างไม่เต็มใจ ในใจหงุดหงิดจนกระวนกระวายไปหมด
เสียเวลาไปมากแล้ว
ไม่รู้ว่าโห้หลีเฉินจะรอเธอรึเปล่า
ขณะกำลังคิดฟุ้งซ่าน เย้นหว่านก็เปิดขวดยาในมือ แตะสำลี ก่อนกำลังจะทาลงบนหน้าของกู้ซึง
เย้นโม่หลินสีหน้าซับซ้อนอย่างมาก เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เสี่ยวหว่าน เธอแน่ใจนะว่าจะใช้นั่นทาให้เขาจริง ๆ ?”