บทที่ 502 หมายความว่าอะไร
เย้นหว่านสงสัย “หมายความว่าอะไรหรือคะ”
โห้หลีเฉินไม่ได้ตอบ เพียงแค่ขยับมือที่อยู่บนมือของเขา พลางเอ่ยเตือนว่า “พวกเราควรจะไปจัดการบาดแผลได้แล้ว”
เย้นหว่านเครียด ความสนใจทั้งหมดถูกดึงกลับมา
สมควรตาย เมื่อครู่มัวแต่เป็นห่วงสถานการณ์ข้างกายกู้จื่อเฟย จนเกือบจะลืมบาดแผลบนมือของโห้หลีเฉินไปเสียแล้ว
เขาเจ็บขนาดนั้น ล่าช้าไปหนึ่งวินาทีก็เจ็บเพิ่มอีกหนึ่งวินาที
เย้นหว่านเจ็บปวดใจมาก ดึงโห้หลีเฉินมานั่งในห้องโถง “คุณรอฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะไปเรียกคุณหมอค่ะ”
เธอหมุนตัวจะวิ่งไป แต่กลับถูกโห้หลีเฉินดึงให้นั่งลง
โห้หลีเฉินค่อยๆเอ่ยว่า “ไม่ต้อง เว่ยชีไปเรียกแล้ว”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น ก็เห็นหน้าประตูบ้านป่ายฉี มีชายวัยกลางคนสวมชุดกาวน์สีขาวก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เขาถือกล่องยากล่องหนึ่ง เดินเข้ามาในห้องโถงด้วยความเร่งรีบ
“คุณผู้หญิง คุณชายกู้ ผมมาแล้วครับ”
ระหว่างที่พูดนั้น คุณหมอก็มองไปรอบๆด้วยความประหลาดใจ ที่นี่เป็นบ้านของป่ายฉี พี่ใหญ่ในวงการแพทย์ มีป่ายฉีอยู่ พวกเขาที่เป็นคุณหมอล้วนได้รับเงินมาฟรีๆ โดยไม่ต้องทำงานอะไร
ทำไมวันนี้ ถึงได้เรียกเขามาตรวจรักษาที่บ้านของป่ายฉีได้กัน หรือว่าป่ายฉีจะไม่อยู่กันนะ
“หมอหลิวคุณรีบช่วยจัดการบาดแผลที่มือของกู้ซึงเถอะค่ะ”
เย้นหว่านเอ่ยเร่ง
สามารถรับใช้งานในตระกูลเย้นได้ แน่นอนว่าต้องเป็นคุณหมอที่สุดยอดมากคนหนึ่ง ฝีมือการรักษาดีเยี่ยม ความสามารถเฉพาะทางก็เจ๋งมากเช่นกัน
แม้ว่าในใจเขาจะสงสัย แต่ก็เข้าสู่สภาวะความเป็นมืออาชีพได้อย่างรวดเร็ว เริ่มต้นตรวจอาการให้กับโห้หลีเฉินอย่างจริงจัง
แม้ว่าเขาจะนำกล่องยามาด้วยแค่กล่องเดียว แต่ตอนที่เว่ยชีไปนั้น ก็ได้บอกกล่าวถึงสภาพบาดแผลว่าเป็นอย่างไรโดยคร่าวๆแล้ว อุปกรณ์ที่เขานำมาด้วยนั้นครบถ้วน จึงเริ่มต้นจัดการบาดแผลได้อย่างเป็นระเบียบแบบแผน
กระดูกมือของโห้หลีเฉินนั้นแตกหัก จำเป็นต้องใส่ยา และดามเฝือกเอาไว้
แม้ว่าการเคลื่อนไหวของหมอหลิวจะเต็มไปด้วยความชำนาญ แต่ก็จำเป็นต้องใช้เวลาไม่น้อย
ถ้าหากว่าป่ายฉีออกมาในตอนนี้ หรือสามารถมารับช่วงต่อได้ทันที ก็จะถูกพบได้อย่างง่ายดาย
เย้นหว่านยังคงเป็นกังวล ใจไม่สงบอยู่บ้าง จึงหันไปมองทางห้องเก็บอุปกรณ์รักษาทางการแพทย์อยู่บ่อยๆ กลัวว่าป่ายฉีจะมีเวลาว่างแล้วเดินออกมากะทันหัน
โห้หลีเฉินมองออกถึงความคิดของเธอ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบาว่า
“วางใจเถอะ เขาไม่มีเวลาว่างหรอก”
“คุณรู้ได้อย่างไรคะ”
เย้นหว่านสงสัยว่า โห้หลีเฉินพิจารณาอย่างถี่ถ้วนขนาดนั้นได้อย่างไร
ระหว่างที่คิดอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด่าว่าของกู้จื่อเฟยดังออกมาจากด้านใน
“เจ็บๆๆ……..โอ๊ย ขาจะพิการอยู่แล้ว คุณตั้งใจแก้แค้นฉันใช่หรือไม่คะ”
“พี่เย้น ฮือๆ ฉันเจ็บจะตายแล้ว พี่รีบช่วยฉันเร็วเข้า”
ได้ยินเสียงร้องไห้หาพ่อ ตะโกนหาแม่ของกู้จื่อเฟยแล้ว มุมปากของเย้นหว่านก็กระตุกอย่างแรง ถัดมา ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ด้านนอก โห้หลีเฉินที่กระดูกหัก เจ็บมากขนาดนี้ ก็นั่งนิ่งไม่เอ่ยพูดว่าเจ็บออกมาแม้แต่คำเดียว ส่วนด้านใน กู้จื่อเฟยก็แค่ถูกเหล็กลวดพันข้อเท้าเอาไว้จนแดงเท่านั้น แต่กลับร้องไห้หาพ่อแม่เสียแบบนั้น
เธอแทบจะจินตนาการออกถึง สีหน้าบิดเบี้ยวที่ใกล้จะระเบิดออกมาของป่ายฉีเร็วๆนี้ได้เลย
เกรงว่าชั่วชีวิตนี้เขาคงไม่เคยเจอผู้ป่วยที่มีจริตมากมายขนาดนี้มาก่อน
ภายในห้องเก็บอุปกรณ์รักษาทางการแพทย์ เย้นโม่หลินคิ้วขมวดเป็นปม จนใกล้จะกลายเป็นหนอนตัวหนึ่งแล้ว
เห็นกู้จื่อเฟยเจ็บจนมีสภาพแบบนี้แล้ว เขาก็เริ่มสงสัยในฝีมือการรักษาของป่ายฉี
“ปล่อยเธอ ฉันทำเอง”
เขาเอ่ยเสียงขรึม แย่งขวดยาและสำลีก้านในมือของป่ายฉีมา
สีหน้าป่ายฉีไม่น่ามองยิ่งกว่าเดิมแล้ว
มองไปทางเย้นโม่หลินด้วยสีหน้ามึนงง มุมปากกระตุกไม่หยุด พี่ใหญ่ของเขากำลังสงสัยฝีมือการรักษาของเขาอย่างนั้นหรือ
มารดามันเถอะ
เขาสาบานเลยว่า แผลเล็กน้อยแค่นั้น เขาทายาแล้วจะต้องไม่เจ็บอะไรอีก และจะต้องดีขึ้นในไม่ช้าด้วย
สวรรค์ถึงจะรู้ว่ากู้จื่อเฟยกรีดร้องโวยวายบ้าอะไร
เจ็บขนาดนั้นเลยหรือ หรือว่าแสร้งทำเป็นโอดครวญทั้งที่ไม่มีอะไร
เย้นโม่หลินคิ้วขมวด รู้สึกเพียงแค่ว่าได้ยินกู้จื่อเฟยร้องว่าเจ็บแล้ว ก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
ยิ่งรู้สึกว่า จะให้ป่ายฉีมาทายาให้ ก็ยังไม่วางใจเสียแล้ว
เขาถือยา และจุ่มยาใหม่อีกครั้ง ถือก้านสำลีแตะลงไปที่ข้อเท้าของกู้จื่อเฟยด้วยความระมัดระวัง การกระทำนั้นนุ่มนวลเป็นอย่างมาก
เขามองเธอ เอ่ยถามว่า “แรงขนาดนี้ เจ็บไหม”
กู้จื่อเฟยมองเย้นโม่หลินตะลึงค้าง ส่ายหน้าไปมาตามจิตใต้สำนึก
หัวใจของเธอเต้นตึกๆตักๆอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าวินาทีถัดไปจะกระเด้งออกมา
เธอไม่ได้ฝันไปจริงๆใช่ไหม เย้นโม่หลินที่สูงส่ง เข้าใกล้เล็กน้อยก็จะถูกถีบกระเด็นคนนั้น ในตอนนี้ กลับย่อตัวอยู่เบื้องหน้าเธอ ใส่ยาลงบนข้อเท้าของเธอ
ท่าทางเป็นห่วงอย่างจริงจังนั้น เหมือนกับแฟนหนุ่มผู้ยอดเยี่ยมคนหนึ่งจริงๆ
“คุณคงไม่ได้แสร้งทำหรอกนะ”
ป่ายฉีสีหน้าทะมึน อดที่จะแขวะไม่ได้
เขาใช้เทคนิคและแรงของคุณหมอมืออาชีพใส่ยาให้เธอ เธอก็เจ็บเสียจนร้องไห้หาพ่อ ตะโกนหาแม่ เมื่อเปลี่ยนเป็นเย้นโม่หลิน ก็ไม่เจ็บในทันทีแล้วหรือ
พูดออกมา ภูตผีก็ไม่มีทางเชื่อ
กู้จื่อเฟยรู้สึกละอายใจเล็กน้อย แต่สีหน้าที่แสดงออกมายังคงน่าสงสารเป็นอย่างมาก
เธอเอ่ยอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “นั่นเป็นเพราะว่าคุณมือหนักเกินไปต่างหาก”
ป่ายฉีกัดฟัน “กูไม่………” ได้……..
ยังเอ่ยไม่ทันจบ ก็ต้องพบกับสายตาเย็นชาดุร้ายที่เย้นโม่หลินถลึงใส่เขา จนแทบหายใจไม่ออก รีบกลืนคำพูดทั้งหมดลงไปทันที
เขาโมโหมากแล้วจริงๆ
คำโกหกระดับอนุบาลของกู้จื่อเฟย เย้นโม่หลินก็ยังเชื่อหรือ เห็นได้ชัดว่าเธอจงใจหาเรื่อง!
สวรรค์ไม่ยุติธรรม ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
เขาเอ่ยอย่างมีโทสะว่า “ต่อไปก็ใส่ยาตัวนี้ แล้วก็ตัวนี้ ทาเสร็จแล้ว ก็ OK แล้ว”
เขาเอ่ยจบก็หมุนตัวเตรียมจากไป
ล่วงเกินไม่ได้ เขายังหนีไม่ได้หรือไง ผู้หญิง เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีเหตุผลเสียจริง
หวังว่าเย้นโม่หลินจะไม่ได้ตกหลุมรักกู้จื่อเฟยอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนั้น……..บริเวณขมับป่ายฉีกระตุกไม่หยุด แบบนั้น เขาก็ไม่กล้าจะจินตนาการถึงภาพชีวิตอันน่าสมเพชในอนาคตของเขาแล้ว
กู้จื่อเฟยเห็นป่ายฉีจะจากไป ในใจก็ตึงเครียดขึ้นมา
เย้นหว่านยังไม่ส่งข่าวมา ก็แสดงว่าบาดแผลของโห้หลีเฉินยังพันแผลไม่เสร็จ ไม่สามารถให้ป่ายฉีออกไปเห็นได้ จึงรีบยื่นมือเข้าช่วยเล็กน้อย
เธอจำเป็นต้องยื้อป่ายฉีเอาไว้ถึงจะถูก
ครุ่นคิดอย่างร้อนใจแล้ว กู้จื่อเฟยก็ร้อง “โอ๊ย” ออกมาอย่างกะทันหัน
เย้นโม่หลินเอ่ยอย่างตึงเครียดว่า “เป็นอะไรหรือ”
ฝีเท้าของป่ายฉีแข็งทื่อ รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทางด้านหลังเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้จะเอาอย่างไรอีก
ไม่สนใจแล้ว เธอจะต้องเสแสร้งแน่ๆ เขาจะต้องไปเดี๋ยวนี้
ป่ายฉีคิดแล้วก็ก้าวเท้าวิ่ง ในตอนนี้เองที่ด้านหลังมีเสียงอันน่าสงสารและหวานหยาดเยิ้มของกู้จื่อเฟยลอยมา
“เมื่อครู่นี้ฉันถูกทำให้ตกใจ รู้สึกว่าในปากขมมาก ฉันอยากกินลูกอมค่ะ”
เย้นโม่หลินออกคำสั่ง โดยไม่คิดเลยแม้แต่น้อย “ป่ายฉี ไปเอาลูกอมมา”
ป่ายฉี “………..”
ให้ตายเถอะ เขาไม่ใช่คนรับใช้
อีกทั้ง กู้จื่อเฟยเกี่ยวข้องอะไรกับเขากัน ทำไมเขาจะต้องไปหยิบลูกอมให้เธอด้วย
“บ้านผมไม่มีลูกอม”
ป่ายฉีเอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่หันหน้ากลับไปแม้แต่น้อย
เย้นโม่หลินทายาลงบนบาดแผลของกู้จื่อเฟยอย่างเบามือต่อไป เอ่ยอย่างไม่อนุญาตให้สงสัยว่า “ไปเรียกคนใช้ให้หยิบมา”
“บ้านผมไม่มีคนรับใช้”
เขาอยู่คนเดียวจนเคยชิน ไม่คุ้นชินกับการมีสาวรับใช้มาปรนนิบัติ ภายในบ้านไม่เคยมีคนอื่นอยู่ด้วยมาก่อน
เย้นโม่หลินกลับเอ่ยอย่างแน่วแน่ว่า “ออกไปหาสิ”
ป่ายฉี “…..