บทที่ 503 เขาเปลี่ยนไปแล้ว
เย้นโม่หลินเหลือบตาขึ้นมอง ก็เห็นสีหน้าทรมานของกู้จื่อเฟย จึงเอ่ยเสียงขรึมเพิ่มอีกประโยคว่า
“กลับมาภายในสิบนาที”
ป่ายฉี “……….” จริงๆเลย เขารู้สึกเสียใจภายหลังเป็นอย่างมากที่ไม่ได้บีบกู้จื่อเฟยให้ตายไป
กู้จื่อเฟยคล้ายกับรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายเข่นฆ่าที่แผ่ออกมาจากร่างของป่ายฉี จึงมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า เอ่ยนุ่มนวล น้ำเสียงเต็มไปด้วยความขอบคุณ
“คุณป่ายฉี รบกวนคุณแล้วค่ะ ฉันต้องการลูกอมรสทุเรียนและช็อกโกแลต ขอบคุณมากค่ะ”
ป่ายฉีมุมปากกระตุก อึดอัดจนทนไม่ไหว
เงื่อนไขเยอะแยะอะไรขนาดนั้น!
ควรจะบีบเธอให้ตายไปจริงๆ
ป่ายฉีสีหน้าทะมึน เดินออกไปด้วยความโมโห
เพิ่งจะเดินไปถึงหน้าประตู ก็เห็นสายตาร้อนแรงของเย้นหว่านมองมาทางเขา
เย้นหว่านลนลาน ทั้งร่างเกร็งขมึง เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
ป่ายฉีออกมาได้อย่างไรกัน
จะถูกจับได้หรือไม่นะ
เธอตื่นเต้นเสียจนเกือบจะเข้าไปบังอยู่ด้านหน้าโห้หลีเฉิน เพื่อให้ป่ายฉีมองไม่เห็นเขา
ป่ายฉีกลับกวาดตามองบาดแผลของโห้หลีเฉินที่ถูกพันเอาไว้อย่างไม่สนใจเท่าไรนัก ก้าวขายาวเดินออกไปข้างนอกโดยไม่หยุด
สำหรับสายตาตึงเครียดของเย้นหว่านนั้น เขายังคงอดทนหยุดเดินเล็กน้อย
เอ่ยว่า “การทำแผลของหมอหลิวดีมาก คุณวางใจเถอะ”
เย้นหว่านตะลึงค้าง ความหมายนี้คือ เขาจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องทำแผลอีกแล้วหรือ
ป่ายฉียกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา สิบนาที เวลาไม่เยอะแล้ว
“ผมจะออกไปจัดการธุระสักหน่อย”
เขาถอนหายใจ ก้าวเท้าออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
เย้นหว่านมองเงาด้านหลังของป่ายฉีที่เดินจากไปแล้วก็โล่งใจได้ในที่สุด
ไม่รู้เหมือนกันว่ากู้จื่อเฟยใช้วิธีการอะไรแน่ ถึงได้ทรมานจนป่ายฉีถอนตัวออกมาไม่ได้ ในที่สุดตอนนี้โห้หลีเฉินก็ปลอดภัยแล้ว
แม้ว่าภายในบ้านของป่ายฉีจะไม่มีสาวรับใช้ แต่สาวรับใช้นอกบ้านนั้นมีมากมาย
เขาสุ่มเรียกสาวรับใช้มาคนหนึ่ง ให้เธอไปหยิบลูกอม
สาวรับใช้สีหน้าเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง “คุณชาย ภายในบ้านไม่มีลูกอมรสทุเรียนและช็อกโกแลตเก็บเอาไว้ค่ะ”
ความจริงแล้ว พวกเธอก็ไม่เคยได้ยินลูกอมรสชาตินี้มาก่อน
ป่ายฉีขมวดคิ้ว “ที่ไหนมี”
“จุดนี้ จำเป็นต้องตรวจสอบสักหน่อยค่ะ ดูว่าในห้างมีขายหรือไม่”
ป่ายฉีเอ่ย “รีบตรวจเร็วเข้า ให้ส่งมาที่นี่ภายในสิบนาที”
สาวรับใช้ตะลึงค้าง ลำบากใจเป็นอย่างมาก “คุณป่ายฉีคะ ถึงแม้ว่าจะหาลูกอมเจอแล้ว แต่ถ้าให้ขับรถมาจากในเมือง อย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาสิบกว่านาทีค่ะ”
แบบนั้นก็ยังอยู่ภายใต้การสมมติฐานล่วงหน้าอย่างการใช้รถซิ่งด้วยความเร็วสูง
ป่ายฉีขมวดคิ้ว ขาข้างหนึ่งเตะไปยังถังขยะที่อยู่ด้านข้างจนคว่ำ
น่ารำคาญจริงๆ
ผู้หญิงสารเลว กินอะไรไม่กิน ยังจะระบุมาอีกว่าต้องการลูกอมรสทุเรียนและช็อกโกแลต
เขาเอ่ยอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “ให้เฮลิคอปเตอร์มาส่ง!”
สาวรับใช้ “……….”
ให้เฮลิคอปเตอร์มาส่งลูกอม นี่จริงจังจริงๆใช่ไหม
ป่ายฉีเห็นสาวรับใช้ยื่นนิ่ง ก็เอ่ยด่าอย่างมีโทสะว่า “มองอะไรอยู่อีก ยังไม่รีบไปจัดการ กูมีเวลาอยู่สิบนาที วินาทีหนึ่งก็ไม่อาจเกินได้”
ไม่อย่างนั้น ผีเท่านั้นที่รู้ว่ากู้จื่อเฟยจะพูดพล่ามโวยวายอะไรออกมาอีก เย้นโม่หลินสมองไม่แจ่มใส ไม่แน่ว่าอาจจะโยนเขาไปอาฟริกาเพื่อฝึกก็เป็นได้
หลังจากนั้นสิบนาที
ป่ายฉีก็ถือลูกอมห่อหนึ่งพุ่งตัวเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์รักษาทางการแพทย์ด้วยความโมโหอีกครั้งหนึ่ง
เย้นหว่านเห็นเขาวิ่งผ่านข้างกายไปราวกับลมวูบนึงพัดผ่าน ก็อดเห็นอกเห็นใจไม่ได้
“ป่ายฉีน่าสงสารมาก”
ถูกกู้จื่อเฟยเล่นเสียจนแพ้ราบคาบเสียแล้ว
บาดแผลของโห้หลีเฉินนั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว เขาเม้มริมฝีปาก สายตาลุ่มลึก
นี่ ยังเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นเอง
กู้จื่อเฟยที่ได้รับการส่งสัญญาณจากเย้นหว่าน ก็รู้ว่าบาดแผลของโห้หลีเฉินจัดการเรียบร้อยแล้ว บาดแผลของเธอก็จัดการเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
แก้มเธอแดงระเรื่อ มองไปยังเย้นโม่หลินด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
“พี่เย้น ขอบคุณพี่ด้วยนะคะ พี่ดีกับฉันขนาดนี้ มีบุญคุณกับฉันมากขนาดนี้ ฉันไม่มีอะไรที่สามารถตอบแทนพี่ได้เลย ไม่สู้……..”
“แค่ก เธอลุกขึ้นยืนได้ไหม พวกเราจะออกไปแล้ว”
เย้นโม่หลินเอ่ยตัดบทพูดของกู้จื่อเฟยอย่างร้อนรน ลุกขึ้นยืนแล้วถอยไปด้านหลังเล็กน้อย เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างเธอ ใบหน้าหล่อเหลาดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัด
เธอจะพูดว่ามอบกายและใจให้อีกแล้ว เขาจะรับเอาไว้ได้อย่างไรกัน
ผู้หญิงคนนี้ชื่นชอบการมอบกายถวายใจให้ขนาดนี้ ถ้าหากว่าผู้ชายคนอื่นมาช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ช่วยเหลือเธอ ไม่ใช่ว่าเธอจะมอบกายถวายใจให้ด้วยหรอกหรือ
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ทรวงอกของเย้นโม่หลินก็รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจขึ้นมากะทันหัน
หงุดหงิดงุ่นง่านไปครู่หนึ่ง
ถอยไปตั้งไกลขนาดนั้น เธอเป็นสัตว์ร้ายหรืออย่างไร
เมื่อครู่ยังปฏิบัติต่อเธอเสียดีขนาดนั้น
กู้จื่อเฟยไม่ยินยอม เธอส่ายหน้า เอ่ยด้วยใบหน้าน่าสงสารว่า “เท้ายังเจ็บอยู่ ดูเหมือนว่าจะลุกไม่ขึ้นค่ะ”
ป่ายฉีที่เพิ่งวิ่งเข้าประตูมาก็ได้ยินประโยคนี้ ห่อลูกอมอยู่ในมือนั้นเกือบจะถูกบีบละเอียด
เพียงแค่ถูกรัดจนแดง ก็ลุกไม่ขึ้นแล้วอย่างนั้นหรือ โกหกผีรึไง! ผีก็ยังไม่เชื่อเลย!
เขาคิดจะดูถูก แต่กลับเห็นเย้นโม่หลินยื่นมือไปทางกู้จื่อเฟยด้วยสีหน้าจริงจังอย่างคาดไม่ถึง
“จับผมเอาไว้ ลองลุกขึ้นยืนดู”
“ค่ะ”
กู้จื่อเฟยยิ้มหวานรับคำ ยื่นมือออกไปจับมือของเย้นโม่หลินทันที
เดิมเย้นโม่หลินจะให้กู้จื่อเฟยยืมแขน แต่คิดไม่ถึงว่า เธอจะจับมือของเขาเอาไว้เสียอย่างนั้น
มืออ่อนนุ่มอันอบอุ่น เหมือนกับดอกฝ้ายนั้นจูงมือเขา
ร่างกายของเย้นหลินโม่แข็งทื่ออย่างหลุดการควบคุม
เขายืนนิ่ง ปล่อยให้กู้จื่อเฟยจับเอาไว้
กู้จื่อเฟยยินดีเป็นอย่างมากที่ เย้นโม่หลินไม่ได้สะบัดเธอออก
นี่เป็นการจับมือกันนะ!
ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดขนาดนี้ การปฏิบัติตัวที่ดีแบบนี้
เธอทนไม่ได้ที่จะปล่อยมือออก
ใบหน้าเล็กได้รูปของเธอแดงระเรื่อ กระชับนิ้วมือที่จูงเอาไว้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อย
กลางฝ่ามือมีไออุ่นส่งผ่านระหว่างกัน คล้ายกับว่ามีเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะตามมาด้วย
ป่ายฉีที่ยืนอยู่อีกด้านมองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมึนงง
ลุกไม่ขึ้น แค่จับมือกันก็ลุกขึ้นยืนได้แล้วอย่างนั้นหรือ
มารดามันเถอะ นี่มันหลักการอะไรกัน เขาได้เห็นและได้ยินเรื่องแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
รู้สึกถึงบรรยากาศความคลุมเครืออันเข้มข้นที่ประดาหน้าเข้ามามากเกินไป จนแทบจะทำให้เขาเวียนหัวสลบแล้ว เขากัดฟันส่งลูกอมในมือออกไป
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ “ยังจะกินไหม”
กู้จื่อเฟยที่จับมือเย้นโม่หลินอยู่ ในใจก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยความหวานชื่น ยังจะต้องกินลูกอมอีกเสียที่ไหนกัน
อีกทั้งยังเป็นรสทุเรียน กลิ่นแรงเสียขนาดนั้น จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเธอต่อหน้าเย้นหลินโม่
ดังนั้น เธอจึงส่ายหน้า น้ำเสียงเจือไปด้วยความขวยอายเล็กน้อย
“ไม่กินแล้วค่ะ จู่ๆในปากและในใจก็หวานล้ำขึ้นมา”
เย้นโม่หลินเบนสายตามาก็สบเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของกู้จื่อเฟย คล้ายกับว่าเสี้ยววินาทีนั้นถูกสายฟ้าโจมตีเข้าให้ หัวใจหยุดเต้นไปจังหวะหนึ่ง
ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและอึดอัด
เขาเกือบจะเบนสายตาหลบออกด้วยอาการลนลาน ออกแรงจูงมือเธอ ดึงข้อมือเธอเอาไว้
พลางเอ่ยว่า “ผมจะส่งคุณกลับไป”
รีบส่งกลับไป จะได้รีบออกให้ห่างจากความรู้สึกแปลกๆแบบนี้
กู้จื่อเฟยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ค่ะ”
เธอก้าวเท้าเดินช้าๆ ก้าวไปด้านหน้าทีละนิดๆ
เย้นโม่หลินเป็นห่วงบาดแผลที่เท้าของกู้จื่อเฟย สายตาจึงมองข้อเท้าเธอบ่อยๆ และปล่อยให้เธอเดินอย่างเชื่องช้าต่อไป
ระหว่างที่คิ้วขมวดเป็นปมนั้น กลับมีความเป็นห่วงอย่างอดทน
ป่ายฉีมองคนสองคนที่เดินผ่านหน้าตัวเองไป ราวกับถูกแช่แข็งเอาไว้ ถูกลมเหนืออันหนาวเหน็บพัดผ่านไป
หนาว
หนาวเกินไปแล้ว
การถูกคนเมินผ่านตรงๆแบบนี้นั้น
เหมือนกับคนโปร่งแสงที่ไม่มีตัวตนอยู่คนหนึ่ง
เย้นโม่หลินเปลี่ยนไปแล้ว เขาจะต้องมีปัญหาแน่นอน ไม่ใช่เย้นโม่หลินที่เยือกเย็นและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี สูงส่งและเลือดเย็นคนก่อนหน้านี้อีกแล้ว