บทที่ 512 อำลา
แต่เรื่องที่โห้หลีเฉินไปสลับตัวกับกู้ซึง เดิมทีก็เป็นความลับที่ซ่อนไว้ ไม่มีทางหนีมาอย่างระทึกได้ทุกครั้ง ตัดสินใจแล้ว
ถ้าหยูซือห้านวางแผนสำเร็จอีกครั้ง อนาคตของเธอกับโห้หลีเฉินจะจบสิ้นแล้ว
เย้นหว่านกัดฟัน พูดน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“ต่อให้นายเป็นคุณชายตระกูลหยู ก็ไม่อาจทำเรื่องน่ารังเกียจไร้ยางอายเช่นนี้ได้ การที่นายอยู่ในตระกูลเย้น ทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยง ยังไงก็ตาม ฉันว่าฉันไม่อนุญาตให้คุณอยู่ในตระกูลเย้นอีกต่อไปแล้ว ”
“เสี่ยวหว่าน ที่เธอพูดอย่างนี้ ก็เพราะใช้อารมณ์ เธอไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหยูกับตระกูลเย้นหรอ ว่าจริงๆมันซับซ้อนขนาดไหน”
หยูซือห้านเม้มปาก อธิบายอย่างอดทน “เธออย่าเอาแต่ใจ ให้พี่ชายเธอมาจัดการเรื่องนี้ดีกว่า โอเคไหม? ”
สุดท้ายแล้ว ตระกูลเย้นก็ยังมีเย้นโม่หลินเป็นคนสั่งการอยู่ดี
เย้นหว่านเป็นองค์หญิงที่ถืออยู่ในกำมือก็จริง แต่อำนาจในการตัดสินใจใหญ่ๆเหล่านี้ ยังคงอยู่ในมือของเย้นโม่หลิน
แม้จะเป็นในมือของกงจืออวีและเย้นเจิ้นจื๋อก็ตาม
เย้นหว่านขมวดคิ้วอย่างรุนแรง
แก้มที่โกรธเคืองของเธอแดงก่ำ หยูซือห้านก็เป็นแค่ปลาค้อแก่ๆ ดูน่ารังเกียจและไร้ยางอาย เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถแก้ตัวได้ ตอนนี้เขาเลยจะใช้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหยูและตระกูลเย้นเพื่อพูดเคลียร์ และข่มขู่ ทั้งหมดก็เพื่อจะอยู่ต่อ
ความมุ่งมั่นที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ต้องกลั้นจิตใจที่ชั่วร้ายเอาไว้
พูดได้ว่าเย้นโม่หลินสุดท้ายแล้วก็เป็นคุณชายของตระกูลเย้น เมื่อจัดการเรื่องใดๆก็ตาม ก็จะต้องคำหนึ่งถึงผลประโยชน์ของตระกูลเย้นก่อน
เย้นหว่านยิ่งรู้สึกหม่นหมองและผิดหวัง ทำถึงขั้นนี้แล้วแท้ๆ ยังไล่หยูซือห้านออกไปไม่ได้?
การทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ข้างๆ ก็สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ ทำให้เธอและโห้หลีเฉินระเบิดเป็นชิ้นๆ
เย้นหว่านกลัว
เย้นโม่หลินมองใบหน้าซีดเผือดของเย้นหว่าน แววตาฉายแววมืดสลัวแวบหนึ่ง และตามมาด้วยความมุ่งมั่น
เขามองหยูซือห้านด้วยสายตาเย็นชา พูดคำต่อคำ ไม่อาจโต้แย้งได้
“คุณชายหยู ตระกูลหยูยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณต้องจัดการ คุณก็ควรกลับตระกูลหยูไปนะ”
คำพูดอันไพเราะ ที่ให้ความหมายถึงการไล่คนออกไปตรงๆ
หยูซือห้านตัวแข็งทื่อ เขามองเย้นโม่หลินอย่างไม่เชื่อสายตา
เขาคิดไม่ถึง ว่าเย้นโม่หลินที่เฉลียวฉลาดและสุขุมมาแต่ไหนแต่ไร จะไม่พิจารณาถึงผลประโยชน์ของตระกูล และเลือกที่จะไล่เขาไป
เขารู้ดีว่าการที่เขาไล่ไปเช่นนี้ หยูซือห้านและตระกูลเย้นแทบจะฉีกหน้ากันจนแตกเป็นชิ้นๆ หากว่าต่อไปหยูซือห้านจะกลายเป็นประมุขตระกูล ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลเย้นจะรุนแรงอย่างมาก
แม้แต่ตอนนี้ ในมือของหยูซือห้านก็ถือทรัพยากรและผลประโยชน์ส่วนใหญ่ของตระกูลหยู ขอเพียงหยูซือห้านหันหน้าลงมือทำอะไรสักอย่าง ก็จะทำให้ตระกูลเย้นต้องสูญเสียเป็นอย่างหนัก
แต่เย้นโม่หลินกลับไม่สนใจเลย!
สีหน้าของหยูซือห้านเรียบนิ่งลงอีกครั้ง เขาก้าวเข้ามาใกล้เย้นโม่หลิน แล้วพูดเสียงทุ้มๆว่า
“คุณชายเย้น คุณคิดดีแล้วหรอ? ตระกูลหยูมีทายาทที่เป็นไปได้เพียงสองคน คือผมกับโห้หลีเฉิน ตอนนี้โห้หลีเฉินได้ฉีกหน้าตระกูลเย้นของพวกคุณแล้ว หากผมจากไปอีกคน ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเย้นกับตระกูลหยูอาจจะไม่ค่อยดีนักนะ ”
นี่คือการโจมตีซึ่งๆหน้า
เย้นหว่านฟังแล้วขมวดคิ้วตรง ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็พอจะเดาออกว่ามันเกี่ยวพันกับผลประโยชน์มากน้อยเพียงใด
การที่เธอคิดที่จะไล่หยูซือห้านออกไป ไม่ใช่ว่าเป็นการสร้างปัญหาให้พี่ชายและตระกูลหรอกหรือ?
เย้นหว่านหน้าซีดเล็กน้อย รู้สึกกระวนกระวายนิดหน่อย
สีหน้าของเย้นโม่หลินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขามองหยูซือห้านตรงๆ
กล่าวเสียงเย็นว่า “ไม่เป็นไร ถ้าท่านเจ้าตระกูลหยู ไม่กลัวว่าตระกูลหยูของพวกคุณจะสูญพันธุ์ ”
สีหน้าของหยูซือห้านซีดเผือดราวกับผี
ร่างกายของเขาตึงเครียด นิ้วมือกำแน่นจนเป็นกำปั้น เขาโมโหสุดๆ แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว
ตระกูลเย้นและตระกูลหยู ไม่ใช่แค่เรื่องผลประโยชน์เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายด้วย
เมื่อผู้ชายตระกูลหยูของพวกเขาป่วย พวกเขาจะต้องแต่งงานกับบุตรสาวของตระกูลเย้นถึงจะมีชีวิตอยู่ได้ ไม่เช่นนั้น…
แม้ว่าเขาจะยังไม่ป่วย หรือบางทีก็อาจจะไม่ป่วยตลอดชีวิต แต่ว่าลูกหลานของเขา ก็มีโอกาสที่จะป่วยได้
หยูฉู่สองที่ให้ความสำคัญกับตระกูลหยูมากกว่าสิ่งอื่นใด จะไม่ละทิ้งตระกูลเย้นเพื่อเขาเพียงคนเดียวแน่
หยูซือห้าน ไม่มีโอกาสชนะ
เย้นโม่หลิน มั่นใจไร้ซึ่งความกลัว
หยูซือห้านกำหมัดแน่น เขาโกรธและเคียดแค้น จนเลือดแตกเป็นเสี่ยง เขากลืนเลือดทั้งหมดลงไป
เขาฉีกยิ้มออกมาอย่างแข็งกร้าว
“คุณชายเย้นล้อเล่นแล้ว ตระกูลหยูกับตระกูลเย้นมีความสัมพันธ์อันดี จะไม่ถูกทำลายไม่ว่าเพราะเรื่องอะไรก็ตาม ตระกูลหยูมีเรื่องมากมายที่ฉันต้องจัดการด้วยตัวเอง ฉันเสียเวลาไปนานขนาดนี้ ก็ควรจะกลับแล้วล่ะ ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เย้นหว่านเหมือนยกภูเขาออกจากอก
ในที่สุดหยูซือห้านที่เป็นเหมือนโรคระบาดก็ถูกไล่ออกไป!
เพียงแต่เธอเองก็ประหลาดใจมาก หยูซือห้านที่ก่อนหน้านี้ยังสาบานว่าจะข่มขู่อย่างเย็นชา ทำไมจู่ๆ ถึงได้อ่อนยวบลงได้?
ทำไมความสัมพันธ์กับตระกูลเย้นถึงได้แตกหัก ตระกูลหยูถึงได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสูญพันธุ์และถูกตัดขาด?
เย้นหว่านไม่เข้าใจ
เกมของหยูซือห้านจบลงด้วยผลลัพธ์ที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะแพ้หมดรูป
ถึงกระทั่งชดใช้ค่าเสียหายให้ตระกูลเย้น
เมื่อออกจากตระกูลเย้น เขาก็กลายเป็นจักรพรรดิไกลปืนเที่ยง ยากที่จะเข้าไปแทรกแซงหรือก่อเรื่องกับเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินได้อีก
เมื่อถึงเวลานั้น เขาทำได้เพียงจ้องมองและเฝ้าดูพวกเขาพัฒนาไปทีละขั้น จากนั้นก็ยืนหยัดอยู่ในตระกูลเย้นอย่างมั่นคง
และเทคนิควิธีการภูตผีของโห้หลีเฉิน ก็น่าจะกลับมาที่ตระกูลเย้นอีกครั้งด้วยตัวตนโห้หลีเฉิน
เมื่อถึงเวลานั้น หากโห้หลีเฉินแต่งงานกับเย้นหว่าน เขาก็จะจบสิ้น
หยูฉู่สองจะมอบมรดกของตระกูลเย้นให้กับโห้หลีเฉิน และผู้อาวุโสตระกูลหยูหลายคนก็เห็นแก่หน้าตระกูลเย้นและสนับสนุนโห้หลีเฉิน
ในเวลานั้นข้อดีทั้งหมดของเขาตอนนี้ จะถูกบดขยี้กลายเป็นข้อเสียที่ยากที่จะแก้ไข
เขาจะเต็มใจได้ยังไง?
ต่อให้ต้องไป เขาก็ต้องลากโห้หลีเฉินไปด้วยให้ได้!
หยูซือห้านเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว มองเย้นโม่หลินด้วยสีหน้าจริงใจ
แล้วพูดว่า “การอยู่ในตระกูลเย้นมาระยะหนึ่ง ต้องขอบคุณการดูแลของคุณชายเย้นและสองผู้อาวุโสของตระกูลเย้นจริงๆ ก่อนที่ผมจะไป ด้วยเหตุด้วยผลแล้ว ผมต้องการที่จะกล่าวคำอำลาเป็นการส่วนตัวกับท่านผู้อาวุโสทั้งสอง คุณชายเย้น คุณว่าโอเคไหม? ”
คำขอนี้ ไม่ได้มากเกินไปเลย
และยังอยู่ในกรอบของเหตุและผล
เย้นหว่านกลับขมวดคิ้ว รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยตลอด หยูซือห้านไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อย่างว่าง่าย เขาเสนอที่จะบอกลาด้วยตัวเอง หรือว่าคิดจะไปเล่าอะไรลับหลังให้ผิดใจกันอีก?
ในใจรู้สึกไม่ดีมาก ไม่มีความสุข แต่พอคิดว่าเย้นโม่หลินไล่หยูซือห้านออกไปเพื่อเธอโดยไม่สนผลประโยชน์ของตระกูลเย้นแล้ว เธอพูดอะไรไม่ออกจริงๆ
ต่อให้บอกลา ก็ยังมีเรื่องให้อยู่อีกหนึ่งหรือสองวัน ขอแค่เธอระวังตัวหน่อย ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
อีกอย่าง ตอนนี้โห้หลีเฉินก็ไม่อยู่ คนที่เหลืออยู่คือกู้ซึงตัวจริง ไม่ว่าหยูซือห้านจะทำอะไร ก็ไม่มีทางเปลี่ยนจริงเป็นเท็จได้
หลังจากคิดอยู่รอบหนึ่ง เย้นหว่านก็ปลอบใจตัวเองให้สงบ
แม้ว่าตอนนี้เย้นโม่หลินจะเกลียดหยูซือห้านมาก แต่มารยาทขั้นพื้นฐานที่สุด เขาก็รักษามันไว้ได้
เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ผมจัดการให้ได้ พรุ่งนี้ให้คุณกล่าวลากับสองผู้อาวุโสซะ ”