บทที่ 520 การสารภาพรักที่โรแมนติก
น่าจะเป็นกู้ซึงอยู่ที่นั่นแล้ว
“พวกเรารีบไปดูกัน”
กู้จื่อเฟยก็ชอบหิ่งห้อยที่โบยบินแบบนี้ ตื่นเต้นเสียจนอยากจะไปดูให้แน่ใจว่า ตรงหน้าตกลงว่ามีเรื่องน่าตื่นเต้นยินดีอะไรกันแน่
เธอเตรียมจะเดินไป แขนกลับถูกมือใหญ่มือหนึ่งจับเอาไว้
เย้นโม่หลินพูดอย่างดุดันว่า“พวกเราควรจะกลับไปได้แล้ว”
กู้จื่อเฟยสีหน้าประหลาดใจ กลับเหรอ ยังไม่ได้ไปดูเลยว่าข้างหน้ามีเรื่องอะไรน่าตื่นเต้น จะยอมกลับได้ยังไงกัน
เธออยากจะโต้เถียง แต่กลับได้ยินเย้นโม่หลินพูดว่า
“เธออยากเป็นก้างขวางคอเหรอ”
กู้จื่อเฟยตกตะลึง
เธอเพิ่งจะตั้งสติกลับมาได้ สถานการณ์ที่โรแมนติกขนาดนี้ เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ล้วนเป็นการสารภาพรัก
ในเมื่อกู้ซึงนัดเย้นหว่านมาแค่คนเดียว แน่นอนว่าอยากจะมีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง สารภาพรักกันลำพัง ถ้าเธอเดินไป ก็ต้องเป็นก้างขวางคอจริงๆ
แต่ว่า……
น่าแปลก กู้ซึงในตอนนี้ก็คือกู้ซึงจริงๆ ฉากสารภาพรักเย้นหว่านโรแมนติกขนาดนี้ ทำเรื่องประเภทนี้ เกรงว่าจะมีแต่โห้หลีเฉินจริงๆที่จะทำ
หรือว่า……
กู้จื่อเฟยดวงตาเป็นประกาย คิดถึงความเป็นไปได้ที่น่าตื่นเต้นมาก
เธอรีบผละออกจากเย้นโม่หลินทันที วิ่งไปควงแขนเย้นหว่าน กระซิบข้างหูเธอ พูดด้วยเสียงที่เบามากๆ
“เสี่ยวหว่าน โห้หลีเฉินกับมาแล้วใช่มั้ย”
หัวใจของเย้นหว่าน เต้นรัวขึ้นมาทันที
ตอนที่ออกมา ในหัวเธอมีความเป็นไปได้นี่ผุดขึ้นมา ได้แค่คิดว่ามันเพ้อเจ้อเกินไป ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ตอนนี้เห็นสถานที่แบบนี้แล้ว แม้แต่กู้จื่อเฟยก็ยังคิดแบบนี้เลย
หรือว่าหยูซือห้านไปแล้ว โห้หลีเฉินก็ไม่มีความหักห้ามใจแล้ว อาจจะบินข้ามคืนกลับมา……
คิดถึงความเป็นไปได้นี้ แม้แต่จะหายใจเย้นหว่านก็ยังรู้สึกตื่นเต้น
สวรรค์รู้ว่าเธออยากให้เขากลับมามากแค่ไหน
เย้นหว่านเร่งฝีเท้าด้วยสัญชาตญาณ เดินไปตามทางข้างหน้า
หัวใจทั้งดวงเสมือนว่าติดปีกเล็กๆเอาไว้ บินขึ้นไป
กู้จื่อเฟยมองเห็นท่าทางรีบร้อนของเย้นหว่านก็ยิ้ม
ทำให้เย้นหว่านรีบร้อนขนาดนี้ได้ ก็มีแค่โห้หลีเฉิน
หากเขากลับมาแล้วจริง ในบ้านก็จะไม่มีหยูซือห้านอีก เขาและเย้นหว่านก็สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างอิสระ ใช้ชีวิตที่สวยงามอย่างมีความสุข
ช่างน่าอิจฉาจริงๆ
“เดี๋ยวก่อน”
เวลานี้เอง เย้นโม่หลินกลับเอ่ยปากขึ้นมา ก้าวมาข้างหน้าสองสามก้าว รั้งตัวของเย้นหว่านไว้
เย้นหว่านสงสัย “พี่คะ ทำไมเหรอ”
เธอไม่อยากจะเสียเวลาแม้สักวินาทีเดียว อยากจะรีบเดินไปให้เร็วๆ เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายใช่โห้หลีเฉินหรือไม่ แค่อยากจะรีบไปพบเขาให้เร็วหน่อย
เย้นโม่หลินมองเห็นสีหน้าท่าทางร้อนรนกระวนกระวายของเย้นหว่าน ก็รู้สึกไม่รู้จะทำอย่างไรดี
น้องสาวคนนี้ ชอบกู้ซึงเกินไปหน่อยแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่อยากให้เย้นหว่านกับกู้ซึงเกิดเรื่องอะไรบางอย่าง แต่ด้วยธรรมชาติของมนุษย์ ทั้งยังใช้อารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ตอนที่สภาพแวดล้อมเป็นใจ เป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้เลย
เขาลังเลอยู่หลายวินาที จากนั้นก็หยิบวัตถุสี่เหลี่ยมสองสามชิ้นออกจากกระเป๋ากางเกงของเขา วางไว้ในฝ่ามือของเย้นหว่านอย่างเคร่งขรึม
“ถ้า……จะเป็นต้องใช้สิ่งนี้”
นี่คืออะไร
เย้นหว่านก้มหน้าดู ทันใดนั้นใบหน้าก็แดงก่ำราวกับมะเขือเทศ
ดูเร็กซ์!
นี่พี่ชายเธอเอาดูเร็กซ์ให้เธอเหรอเนี่ย!
เธอแค่จะไปดูหน้าเขาเท่านั้น เขาๆๆก็……คิดมากขนาดนี้เลย!
มองไปยังหิ่งห้อยที่ส่องแสงวิบวับโดยรอบ หัวสมองของเย้นหว่านก็มีเรื่องที่เธอกับโห้หลีเฉินทำเรื่องที่ไม่คาดคิด ในป่าแห่งเดิมนั้นเมื่อครั้งก่อน
คืนนี้ บวกกับฉากอันแสนโรแมนติก และยังไม่มีใครรบกวน……
ตอนที่เขาไป บอกว่า ครั้งหน้ากลับมา ก็จะเอาตัวเธอ
ดังนั้นเขาจึงเตรียมดอกไม้ หิ่งห้อยที่โรแมนติกขนาดนี้ คิดอยากจะทำอะไรแบบนั้นกับเธอที่นี่เหรอ
เย้นหว่านหัวใจเต้นรัวแรง แทบจะพุ่งออกมาจากหน้าอก
ร่างของเธอแข็งเกร็ง ไม่กล้าเดินไปข้างหน้าต่อ
ช่างกะทันหัน มากเกินไปจริงๆ
“ไปเถอะ”
เย้นโม่หลินปล่อยมือจากมือเล็กๆของเสี่ยวหว่าน ผลักดันเธอเบาๆ
ตัวของเย้นหว่านเกร็งเล็กน้อย ในมือกุมซองนั้นไว้ร้อนจนราวกับจะลวกมืออย่างนั้น
เรื่องที่ผู้หญิงพกถุงยางอนามัยแบบนี้ มันน่าอับอายไปหน่อยหรือเปล่า
เธอไม่อยากพก อยากจะยัดกลับคืนไปให้เย้นโม่หลิน
เย้นโม่หลินกลับพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า“ต้องพกไป ไม่อย่างนั้น ก็อย่าไป”
เขามั่นใจ กู้ซึงไม่ได้พกร้อยเปอร์เซ็นต์
ถ้าหากว่าอีกเดี๋ยวเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงขึ้น คนที่เสียเปรียบคือน้องสาวของเขา
ถ้าหากเกิดเรื่องถึงขั้นชีวิต……
ใบหน้าเย้นหว่านแดงก่ำมาก มองสีหน้าจริงจังของเย้นโม่หลินก็จนปัญญาอย่างมาก
สวรรค์รู้ดีว่าเธอตื่นเต้นมากแค่ไหน อยากพบโห้หลีเฉินมากแค่ไหน
ลังเลอยู่สองวินาที เธอกัดฟัน ยัดของสิ่งนั้นลงไปในกระเป๋าเล็กๆที่พกติดตัวไปอย่างเขินอาย
เสร็จแล้ว เธอก็ไม่กล้าแม้แต่จะมองเย้นโม่หลิน
เสียงเล็กราวกับยุง “ฉันไปแล้ว”
เย้นโม่หลินพยักหน้า “ระวังด้วยนะ อย่าล้มไปล่ะ”
เย้นหว่านก้มหน้ารีบเดินไปข้างหน้า
หิ่งห้อยล้อมรอบตัวเธอ ยังคงเป็นความโรแมนติกที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยด้วยคำพูด แต่หัวใจของเธอ เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง กระวนกระวาย ได้แต่ยอมรับคนตรงหน้าคนนั้น
ใช่เขาหรือไม่
ต้องใช่เขาแน่!
เธอก็อยากพบเขาแล้ว เมื่อได้พบเขา อยากจะกอดเขาไว้แน่นๆจริงๆ
เย้นโม่หลินจ้องมองเย้นหว่านเดินไปไกลแล้ว จึงได้ละสายตาอย่างไม่เต็มใจ
สุดท้าย บางเรื่องก็ต้องยอมรับ
เขาถอนหายใจ หมุนตัวเตรียมจะเดินไป
กู้จื่อเฟยรีบตามไปทันที
เธอกลอกตาสะเปะสะปะ ถามว่า“พี่เย้น พี่ไม่ชอบเด็กเหรอคะ”
เย้นโม่หลินเม้มปาก ตอบว่า
“ของคนอื่นไม่ชอบ ของครอบครัวตัวเองชอบ” ถ้าเป็นลูกของเย้นหว่าน เขาต้องรักและเอ็นดูราวกับเป็นของล้ำค่าแน่นอน
เป็นการเลือกปฏิบัติที่ชัดเจนไม่มีปิดบังเลยสักนิดเดียว
กู้จื่อเฟยพูดอีกว่า “ในเมื่อคุณชอบ ทำไมต้องเอาถุงยางอนามัยให้เสี่ยวหว่านด้วยล่ะคะ”
เย้นโม่หลินชะงักไปครู่หนึ่ง มองไปยังกู้จื่อเฟยด้วยความสับสน
เมื่อครู่ตอนที่เย้นหว่านหยิบถุงยางอนามัย หน้าแดงด้วยความเขินอาย แทบจะแทรกแผ่นดินหนี ท่าทางเขินอายของน้องสาวตัวน้อยแสดงให้เห็นชัดเจนเต็มตา
แต่พอมาเป็นกู้จื่อเฟย กลับพูดถุงยางอนามัยออกมาได้อย่างไม่กระดากอาย
กู้จื่อเฟยสบตากับเย้นโม่หลินอย่างเปิดเผย ใบหน้าหล่อเหลามีสีหน้าเรียบเฉย แววตาสงสัย
“ไม่สะดวกที่จะพูดเหรอคะ”
เย้นโม่หลินเม้มปาก เธอไม่มีความกระดากอายเลยแม้แต่น้อยจริงๆ
กู้จื่อเฟยและเสี่ยวหว่านไม่เหมือนกันจริงๆ
เขาพูดอย่างเงียบขรึม “ฉันก็แค่ไม่อยากให้ท้องก่อนแต่ง”
เย้นหว่านเป็นคุณหนููที่เป็นดั่งเจ้าหญิงของตระกูลเย้น เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องมีทายาท ทุกอย่างล้วนต้องสมบูรณ์แบบที่สุด ตอนเป็นเจ้าสาว ก็ควรเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด ตอนตั้งท้อง ก็ควรจะมีสามีอยู่เคียงข้าง เป็นภรรยาที่มีความสุขที่สุด
กู้จื่อเฟยแปลกประหลาดใจ กลับรู้สึกสมเหตุสมผล เย้นโม่หลินสมแล้วที่เป็นเหมือนคนอย่างเขา เข้มงวดในเรื่องแบบนี้จริงๆ
ถ้าสองคนรักกัน สถานการณ์แบบนี้ก็ดีที่สุด
แต่ถ้าคิดไปเองฝ่ายเดียว……
กู้จื่อเฟยสายตาเปล่งประกาย ถามหยั่งเชิงว่า
“อย่างนั้นถ้าเกิดพลาดท้องขึ้นมา ก็ต้องแต่งงานอยู่ดีมั้ยคะ”
“แน่นอนต้องแต่งงานสิ”
เย้นโม่หลินน้ำเสียงหนักแน่น ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
มีลูกกันแล้ว จะยังมีเหตุผลที่จะไม่แต่งงานอีกหรือ