บทที่ 530 ตั้งรอบเกมใหญ่
“เสี่ยวหว่าน คุณฉลาดหลักแหลมถึงเพียงนี้ ไม่ลองเดาๆดูสักหน่อยเหรอ”
หยูซือห้านปรากฏรอยยิ้มอันชั่วร้ายบนใบหน้า
มองเย้นหว่านที่หวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกขนชัน
เธอขมวดคิ้วเอาไว้แน่น ในใจสับสนยุ่งเหยิงไปหมด พร้อมทั้งมีลางสังหรณ์อันน่าหวาดกลัวคาดเอาไว้ด้วย
ท่าทางของเธอสั่นเทา พร้อมทั้งพูดผลลัพธ์อย่างหนึ่งด้วยเสียงเบาที่สุดออกมา
“แกใช้ฉันเพื่อมาควบคุมเขาให้อยู่หมัด เพื่อให้เขาไม่รู้ว่าฉันเกิดเรื่องขึ้นแล้ว จากนั้นแกก็จะฉวยจังหวะนี้
จดทะเบียนกับฉัน ถึงเวลานั้นพอแสดงทะเบียนสมรสออกมา
เรื่องไปถึงขั้นที่ไม่อาจแก้ไขอะไรได้แล้ว แกก็จะใช้โอกาสนั้น ลงมือกับโห้หลีเฉินอีกครั้ง
ในทางความรู้สึกนั้นก็ไม่อาจจะปล่อยไปได้”
“คุณพูดถูกอยู่เรื่องหนึ่ง”
มุมปากของหยูซือห้านยิ้มอย่างสะใจ นิ้วมือที่พิมพ์อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบกลับข้อความของโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านขนหัวลุก ขมับเต้นกระตุกขึ้นมาในทันที
หยูซือห้านพูดอีกว่า “โห้หลีเฉินปลอมตัวเป็นกู้ซึง นั่นก็หมายความว่าตนเองรนหาที่ตายเอง
ในเมื่อเขาอยากตาย ผมก็จะให้เขาสมหวัง ให้เขากลับไปที่ตระกูลเย้นในฐานะกู้ซึง จากนั้นก็ถูกเปิดโปงต่อหน้าทุกคน!”
หลังจากถูกฉีกหน้ากากแล้ว ภาพพจน์ของโห้หลีเฉินที่อยู่ในใจของคนในตระกูลเย้น ก็จะถูกทำลายจนหมดสิ้น
เย้นหว่านขมวดคิ้ว “โห้หลีเฉินไม่ได้โง่ขนาดนั้น อีกอย่าง กู้ซึงถูกแกจับตัวไปแล้ว และก็ไม่ได้อยู่ที่ตระกูลเย้นด้วย”
โห้หลีเฉินฉลาดเป็นกรดขนาดนั้น ถึงเวลาก็สามารถหาเหตุผลได้
และก็สามารถทำให้คนโน้มน้าวเขาได้นั่นก็คือกู้ซึง
หยูซือห้านลุกขึ้นยืน สาวเท้าเดินมุ่งหน้ามาทางเย้นหว่านอย่างสง่างาม
พูดพลางยิ้มหยอกล้อ “ถ้าเป็นบ้านตระกูลเย้น อย่างนั้นก็มั่นใจได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นเลย
ว่าคุณออกไปเที่ยวข้างนอกกับกู้ซึง”
รูม่านตาของเย้นหว่านเบิกโตขึ้น
ถ้าเป็นเช่นนี้ หากโห้หลีเฉินกลับไปบ้านตระกูลเย้นในฐานะกู้ซึง
ก็วิ่งไปหาปากกระบอกปืนพอดี จะอธิบายยังไงก็ไม่กระจ่าง
และเรื่องที่เขาปลอมตัวเป็นกู้ซึง ก็จะถูกเปิดเผยร้อยเปอร์เซ็น!
ถึงตอนนั้น แผนการที่พวกเขาวางกันไว้ทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็จะพังพินาศหมด โห้หลีเฉินทำผิดกับตระกูลเย้น
ก็จะไม่มีโอกาสกลับตัวอีกต่อไปแล้ว
อีกอย่าง การปลอมตัวเป็นกู้ซึงเพื่อเข้าไปอยู่ในตระกูลเย้น ถ้าเรื่องมันไปถึงหูตระกูลหยู
ก็ถือว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย โห้หลีเฉิน ก็จะเจอกับความยุ่งยาก ไม่น้อยเลย
เย้นหว่านขนหัวลุก จากนั้นถึงได้รู้ตัวตั้งสติกลับมา ที่แท้หยูซือห้านได้เตรียมแผนการร้ายกาจขนาดนี้เอาไว้คิดบัญชี!
เธอเริ่มกระวนกระวาย พุ่งตัวเข้าไปหาหยูซือห้านอย่างวู่วาม
“แกเอาโทรศัพท์มือถือคืนมาให้ฉัน!”
ไม่สามารถให้เขาคุยผ่านโทรศัพท์กับโห้หลีเฉินต่อไปได้ ไม่อาจให้เขาหลอกโห้หลีเฉินต่อไปได้อีกแล้ว
ขอแค่ไม่มีการติดต่อกันทางโทรศัพท์มือถือ โห้หลีเฉินก็คงไม่เจอความผิดปกติแน่นอน
เย้นหว่านขว้างโทรศัพท์ลงให้มันแตกเป็นเสี่ยงๆอย่างไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น
หยูซือห้านกลับเตรียมการเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เงื้อมือขึ้นเพื่อหลบเลี่ยงมือของเย้นหว่าน
อีกมือหนึ่งก็จับตัวเธอเอาไว้ กักไว้ในอ้อมกอด
อ้อมกอด ลมหายใจของเขา มันทำให้เธอหวาดกลัวจนตัวแข็งทื่อ
เธอพยายามสู้อย่างไม่สนใจสิ่งใด ทั้งกระทืบเท้า ยื่นมือออกไป ลองแย่งโทรศัพท์มือถือกลับมา
หยูซือห้านกางแขนขึ้น จากนั้นก็หนีบมือของเย้นหว่านเอาไว้ทั้งสองข้าง
มุมปากของเขาฉีกยิ้มรอยยิ้มอันสยดสยองออกมา ส่วนอีกมือหนึ่ง ก็ยื่นหน้าจอโทรศัพท์มาอยู่ตรงหน้าเย้นหว่าน เพื่อให้เธอได้เห็น
“คุณว่า ตอนนี้ผมส่งข้อความ คิดถึงเขาอย่างน่าสงสาร เขาจะกลับมาหาคุณทันทีหรือไม่”
เย้นหว่านหายใจเริ่มติดขัด มองไปทางหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
มองไม่เห็นเนื้อหาข้อความที่คุยกันก่อนหน้านี้ ที่เห็นมีอยู่ไม่กี่ข้อความเท่านั้นเอง ก็คือหยูซือห้านใช้คำพูดในแบบของเธอ พูดคุยกับโห้หลีเฉิน
ในภาษาที่สื่อสารกัน แฝงด้วยความคิดถึงอย่างเต็มเปี่ยม
ถ้าไม่ใช่ว่าเธอเห็นว่าข้อความพวกนี้หยูซือห้านเป็นคนส่งทั้งหมด ก็คงเชื่อว่าคือเธอเป็นคนส่งเอง
และโห้หลีเฉินก็คงมองไม่ออก ยังคงใช้คำพูดอ่อนโยนกับเธอ ทั้งยังเป็นฝ่ายพูดเองว่า ตอนนี้เขากำลังจัดการเรื่องของตระกูลหยู ไม่นานก็จะเสร็จแล้ว
ทั้งหมดราบรื่นดี
หากเป็นเวลาปกติ เย้นหว่านเห็นข้อความแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะดีใจมากแค่ไหน แต่ตอนนี้ เธอมองดู กลับรู้สึกว่าในใจเย็นยะเยือก
ตั้งแต่หัวจนถึงฝ่าเท้า
เห็นชัดว่าโห้หลีเฉินจัดการธุระใกล้จะเสร็จแล้ว คืนนี้มีความยืดหยุ่นในการพูดคุยมากเป็นพิเศษ คุยกับเธอทีละประโยค ถามอะไรก็ตอบ
แต่เขากลับไม่รู้เลยว่า คนที่อยู่หลังโทรศัพท์นั้นไม่ใช่เธอ
“หยูซือห้าน แกมันต่ำช้าสารเลว!”
เย้นหว่านขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แทบจะทนไม่ไหวใช้ดวงตาจ้องผ่านโทรศัพท์ จ้องให้พัง
หยูซือห้านกลับเอาคำด่ามาเป็นคำชื่นชม รอยยิ้มที่มุมปากฉีกกว้างขึ้น อารมณ์ดีมากเหลือเกิน
เขาใช้มือเดียวเปิดแป้นพิมพ์ตัวอักษร เสียงเยาะเย้ย
“นั่นเพราะพวกแกโง่เอง”
พูดพลาง นิ้วมือของเขากดลงบนแป้นพิมพ์ แล้วก็กดส่งข้อความออกไป
เย้นหว่าน:คุณจะกลับมาเมื่อไหร่ ฉันอยากจะพบคุณเร็วๆ
เย้นหว่านมองข้อความนั้น แทบอยากจะบีบโทรศัพท์ให้แตก กัดหยูซือห้านให้ตาย
เธอยิ่งมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างตื่นตระหนกหวาดกลัวมากขึ้น ในใจคาดหวัง ภาวนาว่า โห้หลีเฉินอย่าได้รับปากเป็นอันขาด ห้ามรับปากเด็ดขาด!
และก็อย่ารีบกลับมาเร็วขนาดนั้น!
ยื้อเวลาออกไปหลายวัน จึงจะทำให้เกิดพิรุธ ทำให้คนสงสัย
“ติ๊งต่อง——”
ไม่เกินสามวินาที ข้อความก็ส่งมา
โห้หลีเฉิน:คิดถึงผมมากเหรอ
ถ้อยคำห้วนๆ มองออกถึงความสุข
เย้นหว่านก็ยังสัมผัสได้ว่า โห้หลีเฉินอารมณ์ดีมาก
แต่เธอ กลับรู้สึกอยากจะร้องไห้แล้ว
โห้หลีเฉินไม่ได้ระแวงสงสัยเลยสักนิดเลยเหรอ
หยูซือห้านก็รีบตอบกลับทันทีว่า:อืม! คิดถึงคุณมาก!
โห้หลีเฉิน :ได้ ผมจะมาคืนพรุ่งนี้
เย้นหว่านมองข้อความนั้นอย่างตกตะลึง ในหัวสมองมีเสียงระเบิดดัง “บึ้ม” สิ้นหวังอย่างที่สุดแล้ว
โห้หลีเฉินจะกลับมาคืนพรุ่งนี้แล้ว!
ระยะเวลาสั้นขนาดนี้ พวกของเย้นโม่หลินอาจจะไม่ทันได้สังเกตว่าเกิดเรื่องกับเธอแล้ว
จะต้องคิดว่าเธอออกไปเที่ยวข้างนอกกับกู้ซึงจริงๆ และโห้หลีเฉินไป ก็จะกลายเป็นกู้ซึงสองคน ความแตก ก็จะถูกเปิดเผย
จบเห่
ทั้งหมดจบสิ้น
หน้าเย้นหว่านขาวซีด ในใจสิ้นหวังจนหายใจไม่ออก
หยูซือห้านยิ้มด้วยความสะใจ ในดวงตาฉายความเย็นเยือกที่จะคิดบัญชี
เขาตอบกลับว่า:ฉันจะรอคุณ! รีบพักผ่อนเถอะค่ะ
โห้หลีเฉิน :คุณก็เช่นกัน
อ่านข้อความแล้ว หยูซือห้านจึงได้เก็บโทรศัพท์ สายตาดุร้ายน่ากลัวมองไปยังเย้นหว่าน
“ดีใจมั้ย พรุ่งนี้ก็จะมีละครฉากใหญ่ให้ดูแล้ว โห้หลีเฉิน เขาจะต้องสูญเสียเกียรติยศชื่อเสียงหมดเนื้อหมดตัว”
ตระกูลเย้นและตระกูลหยู ล้วนต้องอับอายขายหน้าเพราะเขา
ทั้งหมดที่โห้หลีเฉินมี ก็จะพังพินาศหมด เขาก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยูซือห้านอีกต่อไป
สีหน้าเย้นหว่านซีดเผือด ปากมีรสขม
น้ำตาเอ่อล้นอยู่ที่ขอบตา ล้วนเป็นเพราะเธอทำให้โห้หลีเฉินต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ทำให้เขาเข้ามาติดกับทีละครั้งๆ เธอก็คือตัวซวย ตัวภาระของเขา
“ใช่แล้ว ยังมีข่าวดีอีกข่าวจะบอกคุณ
บ้านใหม่ของพวกเรา เช้าวันมะรืนก็จะถึงแล้ว ข่าวที่โห้หลีเฉินเสียชื่อเสียงหมดเนื้อหมดตัวส่งไปถึงบ้านตระกูลหยู พอดิบพอดี คนตระกูลหยูทุกคนต่างก็โกรธจนแทบอยากจะฆ่าโห้หลีเฉิน
ส่วนผมก็จะส่งข่าวดีกลับไปว่าจะแต่งงานกับคุณ ทุกคนในตระกูลหยู ก็ต้องคิดว่าผมเป็นคนที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์กับตระกูลเย้น ต้องขอบคุณผม”
สิทธิในมรดกของตระกูลหยู ก็ต้องตกอยู่ในมือของเขาโดยไม่ต้องสงสัยใด ๆ
อำนาจอยู่ในมือ ทุกอย่างเขาพลิกกลับเป็นฝ่ายชนะแล้ว!
สีหน้าเย้นหว่านขาวซีดเป็นกระดาษ สั่นไปทั้งตัว ตรงหน้าดำมืด
เมื่อถึงขั้นนั้น เธอกับโห้หลีเฉินก็เหมือนอยู่ในนรกในเวลาเดียวกัน ตัวเขาเองยากจะเอาตัวรอด เธอก็ถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับหยูซือห้าน
ทั้งหมด จบสิ้นแล้ว