บทที่538 คุ้มค่าไหม
ในความมืดนั้น มีสายตาคู่หนึ่ง จับตามองภาพเหตุการณ์ที่หน้าประตูนั้น
ตอนนี้ คงจะไปคาบข่าวไปแจ้งเรียบร้อยแล้ว
โห้หลีเฉินพยักหน้าอย่างไม่แสดงความคิดเห็น “ใช่”
“หยูซือห้านจับกู้ซึงไป อยากจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ล่อให้ผมมาหาเย้นหว่านที่นี่ เปิดเผยตัวตนของตัวเอง ผมก็พายเรือไปตามน้ำ ทำให้เขาชนะ”
หยูซือห้านคิดร้ายอย่างรอบคอบและทั่วถึง ใช้โทรศัพท์ของเย้นหว่านคุยกับเขา ในขณะเดียวกับที่พยายามเอาใจเขานั้น ก็แสดงให้เห็นว่าอยากจะให้เขากลับมาอย่างมาก
ในคืนของวันแรก โห้หลีเฉินเห็นข้อความของเย้นหว่าน ก็พบเบาะแสแล้ว
เขาคุ้นเคยกับเย้นหว่านดี แม้ว่าจะเป็นข้อความตัวอักษรที่ไม่มีอารมณ์อะไร แต่เขาก็มองออกว่า เธอไม่ได้เป็นคนส่ง
เขาจงใจไม่เปิดเผย เสแสร้งทำเป็นเหมือนว่าโดนหลอก
แน่นอนว่าเขาก็เริ่มสืบค้น และตามหาเธอในคืนนั้น
และเมื่อคืนเขาก็พายเรือไปตามน้ำ ตอบ ‘เย้นหว่าน’ ไปว่าจะกลับมาตามคำขอของเธอ แล้ววันนี้เขาก็มาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านของตระกูลเย้น ให้เย้นโม่หลินจับเขา
แน่นอนว่า เย้นโม่หลินก็จับเขาได้อย่างทันเวลา เพราะว่าโห้หลีเฉินติดต่อกับกู้ซึงโดยวัตถุประสงค์พิเศษ บอกว่าจะสลับตัวตนกัน
และกู้ซึงก็ตอบรับอย่างมีความสุข แถมยังเสนอว่าจะรอเขาอยู่ที่สนามหญ้าที่บ้าน
แน่นอนว่ากู้ซึงไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ว่าพวกบอดี้การ์ดของตระกูลเย้นก็รออยู่
ทั้งหมดนี้คือแผนของหยูซือห้าน แต่ว่าเขากลับไม่รู้ว่า ทั้งหมดนี้ ถูกโห้หลีเฉินมองทะลุตั้งแต่แรก และเล่นไปตามน้ำ
เย้นโม่หลินเป็นคนฉลาดว่องไว เขาเข้าในความหมายและแผนการของโห้หลีเฉินในทันที
“แต่แค่……” เขาขมวดคิ้ว “เพื่อที่จะให้หยูซือห้านคิดไปเองว่าชนะแล้ว อย่างมากที่สุดเขาก็แค่ผ่อนคลายความระมัดระวังของตัวเองลงบ้างเท่านั้น การที่พวกเราจะตามหาตำแหน่งของเขา ก็ยังถือว่ายากมาก”
ตอนที่ยังหาไม่เจอ ใครจะไปรู้ว่าเย้นหว่านจะได้เจอกับเรื่องที่น่ากลัวยังไงบ้าง
พอลองคิดดูแล้ว เย้นโม่หลินก็แทบอยากจะฆ่าหยูซือห้านให้ตาย มันไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้กล้าลักพาตัวเย้นหว่าน!
ครั้งนี้ ต่อให้มีตระกูลหยูคอยปกป้องเขาอยู่ด้านหลัง เขาก็จะไม่ลังเลที่จะเอาชีวิตของหยูซือห้าน
โห้หลีเฉินพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ
“พวกเรามีเวลาไม่มากที่จะไปตามหาหยูซือห้าน”
เป้าหมายที่หยูซือห้านจับตัวเย้นหว่านไปนั้นชัดเจนมาก คือจะให้เย้นหว่านแต่งงานกับเขา เขาอาศัยโอกาสนี้เพื่อให้ได้มีสิทธิที่จะได้เป็นผู้รับช่วงต่อของตระกูลหยู
เมื่อเขาได้แต่งงานกับเย้นหว่าน และได้รับสิทธิที่จะได้เป็นผู้รับช่วงต่อของตระกูลหยูแล้วนั้น ก็จะไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยในชีวิตของเย้นหว่านได้อีกต่อไป
หยูซือห้านทำจนถึงขั้นนี้ ถือว่าเขาบ้าคลั่ง และไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
การเตรียมตัวจะกลายเป็นศัตรูกับตระกูลเย้น เขาเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว
“การที่อยากจะตามหาหยูซือห้านเจอ วิธีที่รวดเร็วที่สุด ก็คือรอ”
โห้หลีเฉินพูดออกมาทีละคำด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วแน่น ความเหี้ยมโหดในร่างกายของเขานั้นเริ่มขยับอีกครั้ง
“รอ? รออะไร? ตอนนี้เสี่ยวหว่านอยู่ในมือของไอ้สัตว์ร้ายอย่างหยูซือห้านนั้น อยู่นานขึ้นหนึ่งนาที ก็ถือว่าอันตรายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งนาที! ”
โห้หลีเฉินหายใจแรง “หลังจากฉากละครคืนนี้ผ่านไปแล้ว หยูซือห้านนึกว่าตัวเองได้รับชัยชนะ ได้ทำลายผมเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องใช้ประโยชน์จากชัยชนะนี้ บอกตระกูลหยูเรื่องข่าวที่จะแต่งงานกับเย้นหว่านอย่างแน่นอน”
ตระกูลหยูนั้นเป็นตระกูลใหญ่ธุรกิจก็ใหญ่ สำหรับเรื่องใหญ่ของทายาทนั้น กฎเกณฑ์ก็จะยิ่งเข้มงวดมากยิ่งขึ้น
ถ้าหยูซือห้านจะจดทะเบียนสมรส ก็ต้องบอกคนในครอบครัว หลังจากที่คนในครอบครัวเห็นด้วยแล้ว ถึงจะสามารถทำได้ แล้วอีกอย่าง เขาจำเป็นต้องบอกคนในครอบครัวว่าเขาจะแต่งงานกับเย้นหว่าน ถึงจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากครอบครัว เพื่อให้ได้อำนาจของตระกูลหยูมา
นี่คือทั้งสองทาง และก็เป็นโอกาสที่โห้หลีเฉินรออยู่เหมือนกัน
เย้นโม่หลินก็นึกขึ้นได้ในทันที “แกคิดว่า รอให้หยูซือห้านติดต่อกับตระกูลหยูเมื่อไหร่ แล้วจะระบุตำแหน่งของมันได้ยังงั้นเหรอ? แกเตรียมจัดการที่ตระกูลหยูเรียบร้อยแล้วเหรอ? ”
โห้หลีเฉินพยักหน้า “ใช่”
ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ โห้หลีเฉินเตรียมทุกอย่างพร้อมเรียบร้อยแล้ว
การที่จะช่วยเย้นหว่านออกมา เขานั้นใจร้อนมากกว่าคนอื่นๆ มาก
ใครจะไปรู้ว่า ตอนที่เดาว่าน่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเย้นหว่านนั้น เขาตื่นตระหนกแค่ไหน จนเกือบจะล้มทั้งยืน
เขาอยากจะหายตัวจากเมืองเฟยมาที่ตระกูลเย้นทันที แล้วก็ช่วยเย้นหว่านได้ แต่ว่าระยะทางนั้นมันไกลเกินไปจริงๆ เขาอยู่ไกลเกินเอื้อม ทำได้แค่ใช้ระยะเวลาสองคืนนี้ในการวางแผนทีละขั้นตอน
แผนนี้ ไม่สนใจราคาที่ต้องจ่าย แต่ว่ามันรวดเร็วและโหดร้าย จะสามารถหาเย้นหว่านได้!
เย้นโม่หลินคือนายน้อยของตระกูลเย้น ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับอำนาจภายในที่ยุ่งเหยิงของตระกูลหยู แต่ว่าเขาก็รู้ว่า การที่โห้หลีเฉินไปวางกับดักที่ตระกูลหยูนั้น ต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหน
และเขาก็ปรากฏตัวที่ตระกูลเย้นอย่างสง่าผ่าเผย เปิดเผยตัวตนต่อหน้าทุกคน สิ่งที่ต้องแลกไป คือเกียรติยศทั้งหมดของตัวเอง!
เรื่องนี้ ก่อนฟ้าสาง ก็ต้องถูกคนในตระกูลหยูรู้เรื่องอย่างแน่นอน
รายชื่ออันดับแรกของทายาทตระกูลหยู ตัวตนน่าเคารพนับถือ เป็นตัวแทนของตระกูลหยู แต่ว่ากลับปลอมตัวเป็นกู้ซึงเพื่อแฝงตัวเข้าไปในตระกูลเย้น เรื่องแบบนี้ทำให้ตระกูลเย้นนั้นเสียหน้ามาก โห้หลีเฉินก็จะถูกตระกูลหยูหาว่าไร้ยางอาย
บทลงโทษ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
แม้แต่ตัวตนของผู้รับช่วงต่อนั้น ก็อาจจะต้องเสียไปเพราะเหตุนี้
ไม่ยอมรับก็ไม่ได้ว่า แผนของโห้หลีเฉินในครั้งนี้ เพื่อเย้นหว่านแล้วนั้น เขาไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยและความสูญเสียของตัวเองเลย
เย้นโม่หลินไม่คิดว่าโห้หลีเฉินจะทำมาถึงขั้นนี้ ใจเขาสั่นเล็กน้อย
เขาถามด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ
“ต่อให้หยูซือห้านแต่งงานกับตระกูลเย้นแล้ว และแย่งทุนของตระกูลหยูไปได้ แต่ขอแค่แกไม่ทำอะไรผิดพลาด ตามความสามารถของแกแล้ว ยังสามารถแข่งขันกับหยูซือห้านได้อยู่
ตอนนี้แกยอมเปิดเผยตัวเองเพื่อเสี่ยวหว่าน หมายความว่า แกได้สูญเสียคุณสมบัติและความเป็นไปได้ที่จะได้เป็นผู้รับช่วงต่อตระกูลหยูโดยสิ้นเชิง”
เย้นโม่หลินวิเคราะห์ออกมา สายตาจับจ้องไปที่โห้หลีเฉินอย่างเฉียบแหลม “คุ้มค่าไหม? ”
ตระกูลหยู ครอบครัวที่ทรงพลังที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก ความมั่งคั่งและอำนาจ มันมากมายจนนับไม่ถ้วน ตำแหน่งเจ้าบ้านนั้น ทำให้คนนับไม่ถ้วนทั่วโลกอิจฉา และยังทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วโลกนั้นนับถือ เคารพ
การที่ได้มาเป็นเจ้าบ้านของตระกูลหยู ก็หมายความว่า ในโลกใบนี้นั้น เป็นหนึ่งในคนที่ดีที่สุดที่มีอำนาจในการตัดสินใจ เป็นราชาอันดับต้น ๆ ที่แท้จริง
เพื่อตำแหน่งนี้แล้วนั้น ไม่ว่าโห้หลีเฉินจะใช้วิธีการต่อสู้ที่ไร้ยางอายแค่ไหน ก็สามารถเข้าใจได้
แต่ว่าเย้นโม่หลินนึกไม่ถึงว่า เพื่อเย้นหว่านแล้ว เขายอมแพ้ทุกอย่าง
ตอนแรกที่โห้หลีเฉินมาที่ตระกูลเย้นนั้น ก็เป็นเพราะว่าได้รับคำสั่งจากหยูฉู่สองแห่งตระกูลหยู ถ้าได้แต่งงานกับเย้นหว่านแล้วก็จะได้มีคุณสมบัติของทายาท ดังนั้นเขาก็เลยมาที่ตระกูลเย้น
เย้นหว่าน ในสายตาของเขาแล้วนั้น ควรจะเป็นเครื่องมือ ที่ทำให้เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไม่ใช่เหรอ?
“คุ้ม”
คำพูดที่ไม่เบาหรือว่าหนัก แต่ว่าตอบมาอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
โห้หลีเฉินนั้นมีสายตาที่ลึกซึ้งและแน่วแน่ สำหรับเขาแล้วนั้น ตระกูลหยูนั้นร่ำรวยและสูงส่ง พลังในการเปลี่ยนแปลงโลก ก็ไม่สามารถเทียบกับเย้นหว่านคนหนึ่งได้หรอก
ตอนแรก ที่เขากลับมาที่ตระกูลหยู ก็เพราะว่าเย้นหว่าน
เย้นโม่หลินประหลาดใจ
เขามองหน้าโห้หลีเฉินอย่างประหลาดใจมาก สายตาที่เฉียบคมมองไปมาที่เขา เหมือนกับว่าสามารถมองเห็นจิตวิญญาณของเขาผ่านทางผิวหนังของเขาอย่างชัดเจน เพื่อพิจารณาว่าประโยคนี้นั้นเป็นความจริงมากแค่ไหน
ในท่ามกลางสิ่งนี้ มีการวางแผนมากน้อยแค่ไหน
แต่ว่าสิ่งที่เขามองเห็นนั้น มันคือการสาบานที่แน่วแน่ เป็นความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์
นี่ มันเป็นไปไม่ได้
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว ไม่เชื่อว่าโห้หลีเฉินจะเห็นเย้นหว่านสำคัญขนาดนี้ หรือว่าบางทีเขาอาจจะมีแผนอื่น?
โห้หลีเฉินเม้มปาก แล้วพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ
“ผมไม่สนว่าคุณจะคิดยังไงกับผม จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ผมก็ไม่สนใจทั้งนั้น ครั้งนี้ เราจำเป็นต้องร่วมมือกัน ถึงจะช่วยเย้นหว่านออกมาได้
รอให้เย้นหว่านปลอดภัยเมื่อไหร่ คุณจะจัดการผมยังไงก็ได้ทั้งนั้น