บทที่553 ถอดออก
ภายนอกเครื่องมือประเภทนี้มองดูแล้วก็เหมือนกับระเบิดทั่วๆไปไม่มีอะไรต่างกัน แต่ถ้าไปปลดชนวนตามวิธีของระเบิดทั่วไปแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะตัดเส้นไหน ก็จะระเบิดทั้งนั้น
ถึงแม้ว่าเมื่อกี้เขาจะอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ทันได้คิดอะไร ตอนที่เห็นอุปกรณ์ประเภทนี้แล้ว ก็นึกว่าจะเป็นแค่เครื่องที่อยู่ในระดับทั่วๆไปเท่านั้นเหมือนกัน ถ้าโห้หลีเฉินซี้ซั้วตัดไปสักเส้น ตอนนี้เขากับเย้นหว่านได้ไปเจอพญายมกันแล้ว
เย้นโม่หลินยังมีความรู้สึกกลัวหลงเหลืออยู่บ้าง เหมือนกับว่าได้เดินออกมาจากประตูนรกรอบหนึ่ง
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะสบายใจไปโดยสมบูรณ์ คุณชายเย้น คุณไปเอาเครื่องมือที่ใช้ปลดมาหน่อย”
โห้หลีเฉินเอ่ยพูดออกมา
ตอนนี้เย้นโม่หลินจำเครื่องมือพวกนี้ได้แล้ว และก็รู้ด้วยว่าขั้นตอนการปลดชนวนที่ถูกต้องนั้น ขั้นตอนสุดท้ายจะต้องเอาตัวเครื่องออกมา
ก่อนหน้านี้ระเบิดมันไม่สามารถไปขยับเขยื้อนได้เลย ไม่อย่างนั้นแล้วตัวจับเวลาจะจับเวลาต่อ ย่นเวลาสั้นลง แล้วจะไม่มีโอกาสในการปลดชนวนอะไรได้อีก และจะระเบิดออกมาร้อยเปอร์เซ็นต์
เขารีบทำเวลาในการช่วยโห้หลีเฉินปลดระเบิดนี้ออกไปให้สมบูรณ์
“รอแป๊บ ฉันจะไปเอาเครื่องมือมาเดี๋ยวนี้”
พูดจบ เย้นโม่หลินก็รีบเดินออกไปด้านนอกด้วยความรีบร้อน
รู้ว่าระเบิดจะไม่ระเบิดออกมาอีกแล้ว ในที่สุดเย้นหว่านก็ได้ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งใจออกมา เธอมองชายที่คุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าตน ด้วยความรู้สึกสงสารอย่างมาก
เขาอยู่ในท่านี้มาตั้งแต่ต้น แม้แต่นิ้วมือก็ไม่ได้ขยับไปไหนเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่รู้ว่าแขนของเขาตอนนี้มันจะปวดเมื่อยแค่ไหนกัน
อีกอย่างเมื่อก่อนหน้านี้เขาก็ยังกินยาของหยูซือห้านมาด้วย ร่างกายอยู่ในสภาพที่ไม่ดีเอามากๆ
สีหน้าของเขาในตอนนี้ซีดเซียวอิดโรย บนหน้าผากก็อาบไปด้วยเม็ดเหงื่อเต็มไปหมด
เย้นหว่านรู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก จึงเอ่ยพูดออกไปเบาๆว่า
“คุณยังโอเคอยู่มั้ยคะ?”
“ผมไม่เป็นไร คุณอดทนอีกนิดนะ มันใกล้จะเสร็จแล้ว”
โห้หลีเฉินไม่ได้สนใจอาการของตัวเองเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหันมาปลอบใจเย้นหว่านอย่างอ่อนโยน
สายตาของเขาอ่อนโยนอย่างมาก เหมือนราวกับว่าเป็นแอ่งน้ำในฤดูใบไม้ผลิแห่งหนึ่งที่เตรียมจะพาเธอจมลึกเข้าในด้านใน
เย้นหว่านมองเขาไปอย่างเหม่อลอย หัวใจก็เต้นออกมาอย่างบ้าคลั่ง คิดว่าบางทีตัวเองอาจจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก
เธอกัดฟันเล็กน้อย เอ่ยถามออกไปเบาๆ
“ถ้าเมื่อกี้ระเบิดมันระเบิดออกมาจริงๆล่ะก็ คุณคิดจะตายไปพร้อมกับฉันจริงๆหรอ?”
“ใช่”
เพียงคำเดียว ไม่มีการลังเลเลยแม้แต่น้อย
สายตาของโห้หลีเฉินยืนกรานและเด็ดเดี่ยวออกมา “ตั้งแต่ตอนที่ผมตัดสินใจที่จะคบกับคุณ ผมสาบานเอาไว้แล้วว่าจะปกป้องดูแลความปลอดภัยของคุณ จะอยู่กับคุณไปตลอดทั้งชีวิต ถ้าคุณเป็นอะไรไป อย่างนั้นแล้วผมเองก็มีชีวิตอยู่เพียงลำพังไม่ได้หรอก”
“ถ้าจะต้องตายจริงๆ พวกเราก็ตายไปด้วยกัน”
อย่างนี้ ตายไปก็ไม่มีทางจะแยกออกจากกัน
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินไปอย่างประหลาดใจ หัวใจเต้นออกมาอย่างบ้าคลั่งอยู่สักพักหนึ่ง เหมือนราวกับว่าถูกค้อนขนาดใหญ่ตีลงมาก็ไม่ปาน สั่นออกมาอย่างแรง
สามารถคบอยู่กับโห้หลีเฉินได้ เธอก็ช่างโชคดีมากแล้ว
“โห้หลีเฉิน หลังจากกลับไปไม่ว่าพ่อแม่ฉันจะเห็นด้วยหรือเปล่า ครั้งนี้ฉันจะต้องอยู่กับคุณให้ได้ จะไม่แยกจากกันอีกแล้ว”
เย้นหว่านเอ่ยพูดออกไปด้วยความจริงจัง
ภายในใจของเธอได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว โห้หลีเฉินทำเพื่อเธออย่างไม่คิดชีวิต ไม่เสียดายที่จะสูญเสียทุกอย่างไป ร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมกับเธอ
เขาทุ่มเทเพื่อเธอมามากแล้ว เธอไม่อาจให้เขาลำบากอีกต่อไป พยายามอยู่คนเดียว เธอจะต้องพยายามช่วงชิงสิทธิ์ที่จะได้อยู่กับโห้หลีเฉินมาจากพ่อแม่ด้วยเหมือนกัน
ครั้งนี้ เธอจะต้องต่อสู้ให้สุดอย่างแน่นอน
หลังจากที่ผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว คาดว่าอย่างน้อยพ่อแม่คงจะต้องซาบซึ้งบุญคุณโห้หลีเฉินที่ได้ช่วยชีวิตเอาไว้ ความอคติเมื่อก่อนหน้านี้ก็จะบรรเทาลงไปบ้าง
เธอเพียงแค่ต้องพยายามอีกนิด เธอกับโห้หลีเฉินจะต้องมีโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันแน่
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านไปด้วยสายตานิ่งลึก เหมือนกับว่าอยากจะดึงเธอเข้ามาในส่วนลึกของจิตวิญญาณ
ใครจะรู้ว่าตอนที่เขาเห็นระเบิดมัดอยู่บนร่างของเย้นหว่าน เขากลัวมากแค่ไหน
เขาไม่อาจทนต่อความหวาดกลัวที่สูญเสียเธอไปได้อีก ต่อจากนี้ไปเขาต้องเฝ้าอยู่ข้างตัวเธออยู่ตลอดเวลาถึงจะสบายใจได้
“ดี”
โห้หลีเฉินเอ่ยพูดเสียงทุ้มต่ำออกมา เพียงแค่คำพูดเดียวแต่มันก็แน่วแน่อย่างมาก
“เย้นโม่หลินรู้ว่าผมก็คือกู้ซึง แต่เนื่องจากว่าสถานการณ์ของคุณมันเร่งด่วน เขาเลยไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่ของคุณ หลังจากที่กลับไปแล้วผมจะสารภาพออกไปให้พวกท่านฟังด้วยตัวเอง ร้องขอการให้อภัยและความเข้าใจจากพวกท่าน เย้นหว่าน พวกเราจะต้องได้อยู่ด้วยกัน อยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย”
คำสัญญาของโห้หลีเฉินเขาทำได้เสมอ
ในใจของเย้นหว่านรู้สึกดีขึ้นมา เบ้าตาแดงก่ำออกมา
เรื่องครั้งนี้ ทำให้เธอรู้สึกกลัว หวาดกลัวแล้วยังรู้สึกกังวลกลัวขึ้นมาด้วย ถึงขนาดที่ปล่อยให้สถานะที่แท้จริงของโห้หลีเฉินที่เป็นกู้ซึงเปิดเผยออกมา ก่อให้เกิดผลเสียและโทษต่อเนื่องกันออกมา แต่กลับไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ไปเสียทีเดียว
ครั้งนี้เธอสามารถได้รับการช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ทั้งหมดก็เพราะโห้หลีเฉินทั้งนั้น ไม่ว่าจะพูดยังไง โห้หลีเฉินก็เป็นผู้มีพระคุณของเขา พ่อแม่ของเธอถึงแม้ว่าจะเห็นแก่เรื่องนี้ ก็ไม่มีทางจะตำหนิอะไรโห้หลีเฉินออกไปมากมายอีก
นี่เองก็เป็นการเริ่มต้นที่พวกเขาจะสามารถถือโอกาสนี้ทำให้พ่อแม่ใจอ่อนลงได้
ด้วยลักษณะนิสัยเฉพาะตัวและความสามารถของโห้หลีเฉินแล้ว เพียงแค่พ่อแม่ยอมติดต่อคบค้าสมาคมกับเขาสักหน่อย จะต้องถูกเขาเอาชนะใจได้แน่
เย้นหว่านเอ่ยออกมาอย่างเงอะๆงะๆ “คุณว่า ตอนนี้พวกเรานับว่ากำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนในช่วงเวลาเลวร้ายกันหรือเปล่าคะ?”
เห็นท่าทางมีความสุขของเย้นหว่านนี้แล้ว มุมปากของโห้หลีเฉินก็ยกยิ้มออกมาเล็กน้อย สายตาอ่อนโยนประหนึ่งน้ำออกมา
จากนี้ไป เขาจะไม่ออกไปจากเธออีกแล้ว
“อุปกรณ์มาแล้ว”
เย้นโม่หลินถืออุปกรณ์วิ่งเข้ามาอย่างรีบเร่ง
เขายืนอยู่ข้างๆโห้หลีเฉิน เอ่ยพูดออกมาด้วยอาการตื่นกังวลเล็กน้อย
“ต้องการให้ฉันจัดการเองมั้ย?”
โห้หลีเฉินอยู่ในท่านี้มานานแล้ว แม้ว่าแขนที่แข็งแรงอย่างกับทำมาจากเหล็กตอนนี้ก็คงจะเมื่อยล้าจนยากที่จะทนไหวแล้วเหมือนกัน ทั้งยังจะต้องถอดของที่มันละเอียดอ่อนอย่างเครื่องมือวัดระดับน้ำที่มันจะเกิดความผิดพลาดออกมาได้ง่ายๆนี่อีก
ถ้าให้เขาเป็นคนถอดออกเอง บางทีมันก็คงจะดีกว่าหน่อย
เพียงแต่ว่าหลักเกณฑ์ต่อการรักษาสมดุลนี้มันสูงมากจริงๆ สองคนร่วมมือกันถ้าเกิดว่าเข้ากันไม่ได้ มันจะเกิดเรื่องขึ้นมาทันที
โห้หลีเฉินส่ายหน้าออกมาเล็กน้อย ใช้มือข้างที่ว่างยื่นไปทางเย้นโม่หลิน
“ผมจัดการเอง”
น้ำเสียงของเขาเด็ดเดี่ยว
เย้นหว่านเป็นผู้หญิงของเขา เขาจะต้องช่วยเธอด้วยตัวเอง ให้เธอรอดพ้นจากอันตรายอย่างปลอดภัย
อีกอย่างถึงแม้ว่าเย้นโม่หลินจะเก่งกาจมาก แต่เรื่องที่ไม่อาจเกิดข้อผิดพลาดได้เลยจำพวกนี้ เขาเองก็ไม่สบายใจที่จะให้คนอื่นมาทำ
เย้นโม่หลินลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายแล้วก็เลือกที่จะส่งอุปกรณ์ไปให้โห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินยื่นมือข้างหนึ่งหยิบอุปกรณ์มา เลิกสายตาขึ้นมองเย้นหว่าน พร้อมเอ่ยกำชับออกไปอย่างจริงจังว่า
“ก่อนที่ผมจะปลดมันออก คุณห้ามขยับเด็ดขาด นิดๆหน่อยๆก็ไม่ได้”
ถ้าเกิดเริ่มทำการปลดชนวนแล้ว เครื่องวัดระดับน้ำอันนี้มันจะเปลี่ยนมาไวต่อการกระตุ้นขึ้นมาอย่างมาก เพียงแค่ขยับไปเล็กน้อยหรือสั่นออกไปมันก็จะล้มเหลวลงแล้ว
เย้นหว่านจับนิ้วมือแน่น เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ “ค่ะ คุณวางใจได้เลย”
ขยับนิดเดียวมันก็ร้ายแรงถึงชีวิต ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายตัวแค่ไหนก็จะอดทนเอาไว้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นี่มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของทั้งสามคน
“งั้นผมจะเริ่มแล้วนะ”
โห้หลีเฉินเอ่ยพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ นี่จึงได้เริ่มทำการถอนเครื่องมือนั้นออก
เขายื่นมือออกไปจัดการตามขั้นตอน ไม่ได้สะดวกเหมือนกับใช้สองมือ ช้าอยู่บ้าง แต่มันกลับน่าวางใจอย่างมาก
ในระหว่างนั้นเอง ยิ่งละเอียดรอบคอบกว่าเดิมจนไม่มีจุดที่ผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย
เย้นหว่านเห็นการกระทำที่เป็นไปตามแบบแผนของเขาแล้ว ใจที่ตื่นกังวล ก็ไม่ได้กังวลอะไรมากมายนัก
เธอเชื่อมั่นในโห้หลีเฉิน ว่าจะสามารถแก้ไขทุกอย่างสำเร็จลงได้
เย้นโม่หลินยืนมองอยู่ข้างๆ ท่าทางดูตื่นกังวล แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปด้วยความชื่นชม
ฝีมือของโห้หลีเฉิน แท้จริงแล้วน้อยคนนักที่จะสามารถอยู่ในระดับเดียวกันกับเขาได้ ไม่เลวเลย
ในช่วงเวลาที่ชี้เป็นชี้ตายอย่างนี้ ก็ใจเย็นสงบนิ่ง พลิกเหตุร้ายให้กลายเป็นดีได้
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยคิดจะทอดทิ้งเย้นหว่านไปเลย.