บทที่565 ติดต่อพี่ชาย
ที่นี่คนเยอะ ถ้าเธอยังรักษาท่าทางที่เอากรรไกรจ่อคอคนอยู่ คงถูกคนอื่นหาว่าเป็นอาชญากรได้ง่าย ๆ
และคนของหยูซือห้าน ก็คงไม่มีมือยาวถึงขนาดที่พร้อมจะยิงเธอที่นี่ได้หรอก
สิ่งที่เธอต้องกังวลมากที่สุดในตอนนี้ ก็คือการยืนยันว่าตัวเองอยู่ที่ไหนแล้วติดต่อให้เย้นโม่หลินมาตามหาเธอ
เย้นหว่านขับรถหาทางไปยังถนนเปลี่ยว ๆ แล้วหยุดรถ แล้วย้ายหยูซือห้านลงมาอีกครั้ง
เข็นไปบนรถเข็น
หยูซือห้านมองเธออย่างสงสัย “เสี่ยวหว่าน เธอจะทำอะไร?”
“นายปิดปากเอาไว้เถอะ”
เย้นหว่านปกปิดใบหน้าของหยูซือห้านด้วยผ้าโพกหัว เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่งเท่านั้น
เธอห่อตัวเขาจนดูเหมือนแค่ผู้ป่วยคนหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แล้วจึงเข็นเขาเดินไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะข้างหน้า
ตอนที่เธอขับรถผ่านได้มองไว้ดีแล้ว ถนนของที่นี่มีตู้โทรศัพท์สาธารณะอยู่ สะดวกแก่การที่เธอจะติดต่อเย้นโม่หลิน
เย้นหว่านเข็นหยูซือห้านเข้าไปในตู้โทรศัพท์ จากนั้นก็กดเบอร์โทรหาเย้นโม่หลินจากความทรงจำ
“ตู๊ด—”
เสียงหนึ่งดังขึ้น แล้วสายก็ถูกตัดไปกะทันหัน
เย้นหว่านถือหูโทรศัพท์ด้วยความสับสน เกิดอะไรขึ้น? การโทรล้มเหลวงั้นเหรอ?
เธอโทรออกใหม่อีกครั้ง
แต่ก็เป็นเหมือนครั้งที่แล้ว ยังคงเป็นเสียง “ตู๊ด—” แล้วสายก็ถูกตัดไป
เย้นหว่านขมวดคิ้ว หลังจากลองเป็นครั้งที่สาม ผลก็เป็นเหมือนเดิม จึงรีบเปลี่ยนตู้โทรศัพท์ทันที
หลังจากที่เธอย้ายเปลี่ยนตู้โทรศัพท์ทั้งหมดในบริเวณใกล้เคียงแล้ว ก็ยังคงโทรไม่ติดเลยสักครั้ง
เกิดอะไรขึ้น?
เย้นหว่านสับสนงงงวย หัวใจเต้นโครมครามอย่างไม่สบายใจ
“หือ หืม? …..ทำไมอยู่ ๆ สายของฉันถูกตัดไปได้ล่ะ? แปลกจัง เมื่อกี้สัญญาณยังดี ๆ อยู่เลย อยู่ ๆ ก็ไม่มีสัญญาณซะแล้ว”
ในตอนนั้นเอง คนที่เดินผ่านไปก็ถือมือถือของตัวเอง พูดอย่างสงสัย
จากนั้น เขาก็ดูไปเดินไป เมื่อเดินไปได้สิบกว่าเมตร ก็อุทานขึ้นมาอีกครั้งด้วยความสับสน
“เอ๊ะ มีสัญญาณแล้ว? แปลกจัง เมื่อกี้ยังไม่มีสัญญาณอยู่เลย….”
เขาพูดพึมพำ แล้วโทรศัพท์ใหม่
เย้นหว่านมองเขาที่ยิ่งเดินยิ่งไกล คิ้วขมวดมุ่นเป็นปม
เธอนึกขึ้นมาได้ ว่าเมื่อก่อนตอนที่โห้หลีเฉินซ่อนอยู่ในห้องของเธอ เกือบถูกเย้นโม่หลินที่เข้ามาอย่างกะทันหันชนเข้า เย้นโม่หลินกำลังจะโทรหาหมอ โห้หลีเฉินใช้วิธีอะไรบางอย่าง ปิดกั้นสัญญาณในห้องตอนนั้นได้
หรือว่า รอบ ๆ เธอก็ถูกปิดกั้นสัญญาณ ดังนั้นจึงโทรศัพท์ออกไปไม่ได้?
เย้นหว่านมองหยูซือห้านอย่างตรวจสอบ
สีหน้าของหยูซือห้านเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเอ่ยเรียบ ๆ โดยไม่ได้ปิดบัง
“ในตัวฉันมีชิปอัจฉริยะฝังอยู่ เมื่อฉันเจออันตราย มันจะปิดกั้นสัญญาณรอบข้าง”
ที่แท้ก็ปิดกั้นสัญญาณนี่เอง!
เย้นหว่านขมวดคิ้วมุ่น มองหยูซือห้านด้วยสีหน้าซับซ้อน
“แล้วทำไมเมื่อกี้ไม่บอก?”
หยูซือห้านแสยะมุมปาก พูดด้วยความมั่นใจ “ฉันไม่ได้หวังจะให้เธอติดต่อเย้นโม่หลินหรอกนะ”
ดังนั้น เขาจึงแสร้งมองเธอโทรศัพท์ออกไปนับครั้งไม่ถ้วน
เย้นหว่านโมโหจนแทบอยากจะเข้าไปถีบเขา
แต่เมื่อมองไปที่ร่างรุ่งริ่งแบบนั้นของเขาแล้ว ถีบแค่ครั้งเดียวอาจจะเกมโอเวอร์ไปเลยก็ได้ สุดท้ายเลยอดทนเอาไว้
เธอเชื่อในพุทธศาสนา ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
“นอกจากนี้แล้ว ชิปนั่นของนายยังมีฟังก์ชันอะไรอีก? ระบุตำแหน่งงั้นเหรอ?”
หยูซือห้านพยักหน้าอย่างไม่ปฏิเสธ “มีสิ”
เย้นหว่านขบฟัน เธอพอจะเดาออก ว่าบนรถของหยูซือห้านน่าจะมีเครื่องติดตามอยู่ แต่คิดไม่ถึงว่า บนตัวเขาเองก็มีด้วย
เธอสามารถเปลี่ยนรถแล้วหนีไปได้ แต่เขา….
เย้นหว่านเข้าไปใกล้เข้าเล็กน้อย กดเสียงต่ำเอ่ยทีละคำ
“ชิปอยู่ที่ไหน?”
ปกติแล้วชิปแบบนี้ จะฝังอยู่ใต้ผิวหนังของแขน
แม้การกรีดเปิดผิวหนังคนจะเหม็นคาวเลือดมาก แต่เพื่ออิสรภาพและความปลอดภัยของเธอ เธอก็ยังทนลงมือไปได้
หยูซือห้านชี้ไปที่หน้าท้องของตัวเอง “ในนี้”
“ด้านใน?” เย้นหว่านงุนงง
หยูซือห้านอธิบายอย่างตรงไปตรงมา “ฉันเคยผ่าตัดไส้ติ่ง แล้วใส่ชิปลงไปในนั้น”
ไม่ใช่ใต้ผิวหนัง แต่ในร่าง!
มุมปากของเย้นหว่านกระตุกอย่างแรง สีหน้าซีดลงเล็กน้อย
เธอกล้าเปิดผิวหนังของหยูซือห้านแล้วเอาชิปออก แต่กลับไม่มีความกล้าพอที่จะผ่าท้องของเขา
คนธรรมดาถ้าโดนผ่าท้อง จะต้องตายทันที
ถ้าหากไปหาหมอ ก็จะมีคนนอก ไม่แน่ว่าหยูซือห้านอาจจะทำให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วหลุดจากการควบคุมของเธอ
แถมในตัวของเขาก็ยังมีเครื่องติดตาม งั้นคนของเขา จะต้องแอบตามมาลับ ๆ แน่
ขอแค่เธอประมาท ก็จะถูกพวกเขาจับตัวได้
เย้นหว่านไม่กล้าเสี่ยง
หยูซือห้านเห็นสีหน้าซีดขาวและท่าทีลุกลนของเย้นหว่าน มุมปากก็ยกยิ้มด้วยใบหน้าอย่างผู้เหนือกว่า
“เธอมีแค่ตัวคนเดียว หนีไม่พ้นกำมือของฉันหรอก
ทั้งหมด อยู่ในการควบคุมของเขา
เย้นหว่านตัวแข็งทื่อ
พลันรู้สึกว่า ในหมู่ผู้คนที่เดินไปมารอบ ๆ นี้ อาจจะมีคนไหนที่เป็นคนของหยูซือห้าน ที่กำลังหลบซ่อนและรอโอกาส
สถานการณ์ปัจจุบันของเธอยังคงอันตรายมาก
เธอจะต้องติดต่อเย้นโม่หลินให้เร็วที่สุด
แต่ก็ต้องพาหยูซือห้านไปด้วย ถึงจะรับรองความปลอดภัยให้ตัวเองได้ แต่บนตัวหยูซือห้านก็มีเครื่องปิดกั้นสัญญาณ เธอไม่สามารถโทรออกได้เลย
ตอนนี้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขึ้นหลังเสือจะลงก็ยาก
หยูซือห้านพูดอย่างมีความสุข “เสี่ยวหว่าน ฉันยังให้โอกาสเธอได้อีกครั้ง ทำเหมือนเรื่องวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น เธอเป็นเด็กดีแล้วกลับไปกับฉัน ฉันสัญญาว่าจะเลี้ยงเธอให้อยู่ดีกินดี”
“ฝันไปเถอะ ฉันก็แค่ตายไปพร้อมนาย และไม่มีทางกลับไปกับนายอีก”
เดิมทีแล้วเธอก็ไม่ได้คิดจะกลับไปได้ครบ32อยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ในเมื่อมีโอกาส เธอก็จะสู้สุดชีวิตเพื่อมัน
ตอนนี้ในเมื่อการโทรศัพท์มันหมดหนทางแล้ว งั้นเธอก็คิดวิธีอื่น
เย้นหว่านเข็นหยูซือห้านเตรียมจะไป
ทันใดนั้นหยูซือห้านก็เอื้อมมือจับมือของเย้นหว่านเอาไว้ กดเสียงต่ำแล้วเอ่ยข่มขู่
“เสี่ยวหว่าน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเธอนะ คิดให้ดี ๆ ”
ราวกับว่า แค่เพียงเธอไม่ตอบตกลง ก็จะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ร้ายแรง
เย้นหว่านหัวใจบีบคั้น
คำพูดของหยูซือห้าน ไม่ได้พูดขึ้นมาลอย ๆ แน่ เธอจะต้องเตรียมแผนสำรองเอาไว้แล้วแน่
บางที อาจจะเตรียมพร้อมดำเนินการแล้วด้วย
เย้นหว่านกระวนกระวายใจมาก ฝ่าเท้าของเธอเย็นเฉียบ ราวกับว่าศัตรูอาจพุ่งเข้ามาทำร้ายเธอได้ทุกทิศทางตลอดเวลา
เธอลังเลเล็กน้อย ก่อนรีบหยิบกรรไกรออกมาจากกระเป๋าอย่างรวดเร็ว
เธอกำลังจะข่มขู่หยูซือห้าน ในตอนนั้นเอง หยูซือห้านกลับดึงผ้าก๊อซออกจากหน้าอย่างกะทันหัน แล้วกรีดร้องโหยหวน
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย—”
เสียงตะโกนนั้นดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินไปมาในทันที
และรูปลักษณ์ที่ไหม้เกรียมและน่าสยองของเขาก็ยิ่งเรียกสายตาของผู้คน ทำให้ตกใจและหวาดกลัว และยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
แค่เพียงเวลาสามวินาที เย้นหว่านและหยูซือห้านก็กลายเป็ยจุดสนใจของฝูงชน
เย้นหว่านเสียวสันหลัง เริ่มใจไม่ดี
มิน่าหยูซือห้านถึงให้ความร่วมมือมาตลอดทางขนาดนั้น น่ากลัวว่าจะวางแผนในใจไว้นานแล้ว เขาจงใจมาที่ถนนที่มีคนพลุกพล่านนี้พร้อมกับเธอ แล้วใช้ประโยชน์จากรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดของเขาเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คน