บทที่ 576 ถูกล้อมไว้หมดแล้ว
โรเจสชี้ไปทางถนนเส้นเล็กๆ ที่มีหญ้ารกทึบบริเวณด้านหน้า “เดินออกไปจากตรงนี้ ก็จะห่างจากเมืองนี้แล้ว ฉันจะพาคุณไปปักหลักอีกที่หนึ่งก่อน ในระยะสั้นๆ พวกเขาไม่สามารถหาเจอได้”
ขนาดที่ปักหลักอีกแห่งหนึ่ง ก็ได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
ก่อนหน้าที่กู้ซึงจะไป ก็ได้คิดไว้อย่างรอบคอบได้ขนาดนี้
เย้นหว่านขมวดคิ้วเข้าหากัน พลันคิดว่า ตอนที่กู้ซึงไปนั้น ก็รู้ตนเองว่ามีความเป็นไปได้มากที่จะกลับมาไม่ได้ ดังนั้นเลยได้จัดเตรียมทางหนีทีไล่ให้กับเธอไว้ตั้งมากมาย
เธอติดหนี้บุญคุณกู้ซึงไว้มากมายเหลือเกิน
เย้นหว่านเก็บงำความรู้สึกผิดอันหนักหน่วงอยู่ในใจ พร้อมทั้งพูดกับโรเจสอย่างจริงใจ “รบกวนคุณแล้วแหละ”
“ไม่เป็นไร อีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้ทำฟรีๆ กู้ซึงให้เงินฉันไว้ก็ไม่น้อย เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตฉันไปชั่วชีวิต”
โรเจสยิ้มอย่างจริงใจ ไม่ได้มีการปกปิดอะไรเอาไว้สักนิด
นี่คือการช่วยเหลือ ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นข้อตกลง
สรุปก็คือเย้นหว่านก็ยังซาบซึ้งใจอยู่ดี เธอสงสัยอยู่ชั่วครู่ พลันถามทันที “”
“คุณรู้ไหมตอนนี้กู้ซึงเป็นอย่างไรบ้าง?”
นัยน์ตาโรเจสทอประกายความหนักใจ พลันเอ่ยความเคร่งขรึม “ไม่แน่ชัด เขาแค่บอกว่ากับฉันว่า ถ้าเขาไม่ได้กลับมา ต้องพาพวกคุณออกไปให้ได้ พร้อมทั้งดูแลพวกคุณด้วย”
เย้นหว่านเริ่มแสดงอาการหมดหวังขึ้นมาเล็กน้อย
โรเจสเองก็ไม่รู้สภาพของกู้ซึงในเวลานี้เช่นกัน ขนาดจะไปสอบถามคนยังไม่มีใครให้ถามเลย
เธอสงสัยอยู่ชั่วครู่ ถึงได้อ้าปากถามอย่างประหม่า
“รอให้พวกเราออกไปจากที่นี่ ได้อย่างปลอดภัยแล้ว คุณสามารถช่วยฉันไปถามบรรดาเพื่อนๆ ของคุณหน่อยได้ไหมว่า ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับกู้ซึง? แค่รู้ข่าวสักนิดก็ดีมากแล้ว”
โรเจสกำลังจะตอบคำถาม เวลานั้นเอง พลันมีเสียงประหลาดของผู้ชายและเย็นชาเป็นอย่างมากดังมาแต่ไกล
“ไม่ต้องไปสอบถามแล้ว ฉันจะบอกทุกอย่างกับแกเอง ว่ากู้ซึง ตกลง! แล้ว! มันเป็นยังไง!”
คำสามคำสุดท้าย ราวกับมันพ่นออกมาจากช่องไรฟัน ทุกตัวอักษรมันถูกเค้นออกมา
เป็นคำพูดที่แสดงความเป็นศัตรูอย่างเต็มเปี่ยม จนทำให้ร่างกายของเย้นหว่านแข็งทื่อทันที
เธอหันศีรษะกลับไปมองอย่างตื่นตกใจ พลันเห็นว่าด้านหน้าของถนนเส้นที่มีหญ้ารก มีผู้ชายที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็นอยู่หนึ่งคน!
บนใบหน้าของเขาพันผ้าก๊อซพันแผลเอาไว้อย่างหนามาก เห็นแค่ดวงกับปากที่โผล่ออกมา บนลำคอ พร้อมทั้งมีเครื่องช่วยพูดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มาก หลังจากที่เขาพูดแล้ว มันก็ขยับตามเล็กน้อย จนทำให้เสียงเหมือนเครื่องจักร
เขาถูกพันอยู่เช่นนี้ จนไม่สามารถมองเห็นหน้าตารูปพรรณสัณฐานเลย แม้ว่าเขาจะแหลกสลายเป็นผุยผงก็ตาม เย้นหว่านก็จำได้ว่าเขาคือใคร
หยูซือห้าน!
ที่แท้เขายังไม่ตาย!
อีกอย่าง เธอคิดว่าสามารถหนีรอดแล้วเชียว แต่หยูซือห้านดันมาดักล้อมที่นี่แล้ว!
มาดักปิดทางหนีทีไล่ของเธอ ต่อหน้าต่อตา!
ขนาดฝ่าเท้าเย้นหว่านยังรู้สึกหนาวขึ้น ร่างกายแข็งทื่อจนหนักหน่วง ความรู้ผิดหมดหนทางมันเริ่มพุ่งกระโจนออกมาเป็นระลอก ราวกับต้องการบดขยี้เธอ
โรเจสรีบกางแขนออกทั้งสองข้างเพื่อขวางตัวของโห้หลีเฉินไว้ทางด้านหน้า พร้อมทั้งพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม
“ฉันขวางเขาไว้เอาเอง คุณรีบหนีไป”
เย้นหว่านจ้องมองผู้ชายที่อยู่ด้านหน้าอย่างแปลกใจ แม้ว่าจะเจอหน้ากันแค่ครั้งเดียว แต่เขาก็รับคำสั่งฝากฝังมาจากกู้ซึงให้เข้ามาช่วยเหลือ แต่ในเวลาสำคัญขณะนี้ ยังทุ่มเทได้มากขนาดนี้
เย้นหว่านซาบซึ้งใจมาก สิ่งที่มากกว่านั้น มันคือการทำอะไรไม่ถูก
หยูซือห้านได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ตัวเขาเองคงเดินเหินไม่สะดวก เขาคงไม่ปรากฏตัวที่นี่คนเดียวแน่นอน
ลูกน้องของเขา บรรดาสาวรับใช้อันโหดเหี้ยมหลายคนนั้น ก็ต้องอยู่ในละแวกนี้ด้วย
ไม่แน่พวกเขาถูกล้อมไว้หมดแล้ว
และยังจะหนีไปทางไหนได้อีกเล่า?
เย้นหว่านตบบ่าของโรเจส และพูดว่า “หนีไม่รอดแล้วแหละ คุณหนีไปก่อนเถอะ ไม่ต้องสนใจพวกเราหรอก”
เกรงว่า เขาต้องมาเหน็ดเหนื่อยไปด้วย
โรเจสส่ายหน้าปฏิเสธ แถมยังยืนอยู่ท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
เขาพูดว่า “ฉันเป็นผู้ชายแท้ แล้วจะมาวิ่งหนีแล้วทิ้งพวกคุณเอาไว้เหรอ? ให้ฉันจัดการเอง ฉันเคยเรียนเทควันโด ฉันสามารถปกป้องพวกคุณได้”
“ชิ หรือว่าฉันมันอ่อนโยนเกินไป ถึงทำให้พวกแกกล้ามาไม่เชื่อฟังฉันอีกเหรอ?”
หยูซือห้านยิ้มเย็นชาถากถางให้ เครื่องช่วยพูดที่อยู่ด้านข้างลำคอของเขาขยับตามทันที พลันมีเสียงแปลกประหลาดแหลมแก้วหูดังออกมา
ฟังแล้ว รู้สึกแสบแก้วหูชะมัด
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยกมือขึ้น พร้อมทั้งออกคำสั่งทันที “ฆ่ามันซะ”
ฆ่ามันซะ?!
เย้นหว่านเบิกตาโตอย่างตกใจทันที ความหมายของหยูซือห้านมันคืออะไรกัน
เธอยังไม่ทันเข้าใจเลย พลันเห็นว่าด้านข้างมีผู้หญิงสองคนโผล่ไม่รู้โผล่ออกมาจากไหม พร้อมทั้งมุ่งหน้าเดินมายังด้านหน้าของโรเจส
จากนั้นก็จัดการลงมือทันที เธอจับเอาไว้โรเจส
โรเจสเคยเรียนเทควันโดมาจริงๆ พลันรีบโต้ตอบทันที ทว่าจากนั้น พลันมีเสียงกระดูกแตกหักดัง “กรอบแกรบ” ดังออกมาจากแขนของเขา
หญิงสาวบีบข้อมือของเขาเอาไว้ จากนั้นก็หักลง จากนั้นก็เอากระดูกที่แตกหักออกมาเป็นเสี่ยงๆ แล้ว กระชากออกมาจากข้อศอกของเขา
กระดูกขาวที่มีเลือดแดงสดไหลเปรอะเปื้อน มันทำให้ดูน่ากลัวมาก
“อ๊าก——!”
โรเจสเจ็บปวดจนแผดร้องอย่างคร่ำครวญ ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงพลันคุกเข่าลงบนพื้นทันที ตัวสั่นเท่า
เย้นหว่านสายตาโกรธจัด จนเส้นเลือดก็ไหลตีกลับ
การลงมือของพวกเขา ช่างโหดร้ายเกินไปไหม!
“พวกแกหยุดมือเดี๋ยวนี้!”
เย้นหว่านตวาดใส่เสียงดังลั่น และอยากจะเดินหน้าเพิ่มหยุด แต่สบสายตาความไม่ประสงค์ดีของสาวใช้ผู้หญิงแทน
ในดวงตาของเธอมีรอยยิ้ม พร้อมพูดขึ้น “คนที่ช่วยแก สมควรตาย”
เมื่อสิ้นเสียง พลันมีเสียงดัง “กรอบแกรบ” ดังขึ้น โดยการที่สาวใช้สาวกดแขนของโรเจสเอาไว้ จากนั้นก็เอากระดูกที่แหลม ทิ่มไปที่แผงอกของเขาทันที
“อึก”
โรเจสกระอักเลือดสดๆ ออกมาจากปาก ดวงตาเบิกโต วินาทีนั้น ก็ไม่มีลมหายใจอีกแล้ว
เย้นหว่านเบิกตาโตค้างเติ่ง ร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรง
หนาว
มันหนาวเหน็บเหลือเกิน
ความโกรธแค้นมันแน่นจุกอก ดั่งไฟแผดเผาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เธอกรีดร้อง “พวกแก! พวกแกฆ่าเขา!”
แค่คำพูดประโยคเดียว ก็สามารถปลิดชีพชีวิตของคนเราอย่างโรเจสไปอย่างง่ายดาย
ก่อนหน้าไม่กี่นาที โรเจสยังพูดบรรยายวาดฝันความหวังอันเต็มเปี่ยมที่อนาคตของเขาจะเปลี่ยนแปลงไป ทว่าไม่คิดว่า วินาทีต่อมาก็จบชีวิตลง
คนพวกนี้ ลงมือช่างโหดร้ายทารุณมาก
ไม่ถึงพริบตาเดียวก็สามารถฆ่าคนได้!
“หยูซือห้าน แกมันเป็นปีศาจ แกสมควรตายไปซะ! แกฆ่าคน แกต้องชดใช้ด้วยชีวิตของแก!”
นิ้วมือของหยูซือห้านที่พันผ้าก๊อซอยู่ ค่อยๆ กดปุ่มที่อยู่บนที่วางมือ เก้าอี้รถเข็นก็ค่อยๆ เลื่อนตัวพร้อมทั้งพุ่งมาทางเย้นหว่าน
ความเร็วของเขานั้นไม่ได้ช้าหรือเร่งรีบแต่อย่างใด ทว่าก็เหมือนกลุ่มเมฆดำทะมึนลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า จนทำให้ท้องฟ้าและส่องสว่างตรงนี้ถูกกลืนกิน และถูกบดบังเอาไว้ทั้งหมด
ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อย ทุกคำ มันเล็ดลอดออกมาตากริมฝีปาก
“เย้นหว่าน ฉันไม่ได้แค่จะฆ่าไอ้คนจรจัดคนนี้หรอก ฉันยังต้องการที่จะฆ่าคนที่แกสนใจที่สุดด้วย——”
ตอนพูดออกมา สายตาอันโหดเหี้ยม จับจ้องมองมาที่บนตัวของโห้หลีเฉิน “โห้หลีเฉิน”
ร่างกายของเย้นหว่านสั่นเทาอย่างรุนแรง หัวใจทั้งดวง ราวกับถูกเอาไปแช่แข็งอยู่ในน้ำแข็ง พลันแข็งตัวทันที
ลำแขนที่สั่นเท่ากอดโห้หลีเฉินเอาไว้ จากนั้นก็เริ่มขยับถอยหลังไปเล็กน้อย
เธอตะคอกพร้อมทั้งพูด “แกกล้าเหรอ! ถ้าแกกล้าแตะต้องโห้หลีเฉินแม้แต่ปลายก้อย ฉันจะให้แกตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพ”
“เชอะ สภาพฉันในตอนนี้ ยังจะกลัวคำว่าตายอีกเหรอ?”
หยูซือห้านยิ้มอย่างเปิดเผย ไม่มีท่าทีหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย
เหมือนว่าเขาเป็นคนที่เพิ่งจะปีนขึ้นมาจากขุมนรก หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง แต่ก็ไม่มีความกังวลอีกแล้ว หลงเหลือเพียงความคิดทางจิตใจที่ประสาทอยู่ ที่ต้องการลากคนที่เขาจงเกลียดจงชังอยู่ ฉุดดึงลงนรกไปพร้อมกัน
“ฉันต้องการที่จะเห็นแกกับตา ฉันจะลงมือถลกหนังของมันทีละชั้น ด้วยมือของฉันเอง แล้วก็ทิ่มลงบนตัวเขามันเรื่อยๆ ให้มันทรมาน จนถึงวินาทีสุดท้ายที่หมดลมหายใจ”