บทที่ 574 ตรวจมิเตอร์น้ำ
“ตกลง!”
กู้ซึงพยักหน้าอย่างหนักแน่น
จากนั้น เขาก็กำชับเรื่องบางอย่างต่ออีก แล้วถึงได้บอกลาเย้นหว่าน จากนั้นก็เดินออกไป
เย้นหว่านจ้องมองประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าที่ปิดอยู่ ในใจนั้น รู้สึกไม่น่าเชื่อจนอธิบายไม่ได้
รู้สึกว่าจะต้องเกินเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นแน่
“ไม่หรอก ไม่หรอก กู้ซึงเตรียมการได้อย่างรอบคอบขนาดนั้น คงไม่มีเรื่องเกิดขึ้นแน่นอน”
เย้นหว่านบ่นพึมพำเพื่อเป็นการปลอบใจให้ตนเอง
ตกลงว่าก่อนหน้านี้หลายวันกู้ซึงได้วางแผนให้คนจรจัดเข้ามาช่วยเหลือด้วย ตอนนี้ก็เหลือแค่ออกไปดำเนินการ คงไม่เกิดข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นหรอก
เธอก็แค่ ต้องรอคอยกู้ซึงกลับมาที่นี่เท่านั้นเอง
หรือว่า ออกไปผัดกับข้าวเครื่องเคียงสักหลายๆ อย่าง เพื่อจะได้เป็นการฉลองต้อนรับที่เขาสามารถทำภารกิจสำเร็จ
เย้นหว่านคิดได้เช่นนี้ ในใจพลันปล่อยวางได้เล็กน้อย เธอลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินกลับไปที่ห้อง
จากนั้นก็ดูแลให้โห้หลีเฉินกินข้าวให้เสร็จ
ยากนักที่โห้หลีเฉินจะนิ่งสงบได้ขนาดนี้ เขานอนอย่างเชื่อฟังขนาดนั้น พร้อมทั้งให้เย้นหว่านง้างปากของเขาออก จากนั้นก็เอาข้าวต้มหยอดลงปากไป
เย้นหว่านใช้เวลานานมากในการที่จะหยอดป้อนข้าวโห้หลีเฉินเสร็จ หลังจากจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอถึงได้มองออกไปนอกประตูอย่างอดใจไม่ไหว
กู้ซึงเพิ่งจะไปได้ไม่ถึงชั่วโมง คงยังไม่กลับมาเร็วขนาดนี้
ทว่าในใจเธอนั้นรู้สึกไม่สงบเลยสักนิด จนเริ่มมีอาการกระวนกระวายออกมาเล็กน้อย เลยต้องไปหาเรื่องอื่นขึ้นมาทำ เพื่อเป็นการช่วยย่นเวลา
กวาดปัดเช็ดถูห้องบ้าง
คอยบ่นพึมพำกับโห้หลีเฉินบ้าง
หรือไม่ก็นั่งอยู่นิ่งๆ บ้าง พร้อมทั้งจ้องมองโห้หลีเฉิน แล้วก็สเกตรูปใบหน้าของเขาบ้าง
เวลา ผ่านไปเร็วมาก
พริบตาเดียวก็เป็นช่วงตะวันบ่ายคล้อยแล้ว
เย้นหว่านมองท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างที่เริ่มดำมืดลง แม้ว่าจะหาเรื่องมาทำให้เยอะๆ เข้าไว้ แต่สุดท้ายแล้วก็มิอาจสงบนิ่งได้
กู้ซึงยังไม่กลับมาสักที
เขาพูดแล้ว ว่าจะไม่เกิดความผิดพลาดขึ้น ช้าที่สุดคือก่อนอาหารเย็นก็ต้องกลับมาแล้ว
ทว่าตอนนี้ มันเลยเวลากินข้าวเย็นแล้ว
แม้ว่าเย้นหว่านจะไม่เชื่อต่อไปอีกแล้ว แต่ก็อดคิดไม่ได้ ว่าคงมีเรื่องผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับกู้ซึง…
เย้นหว่านตัวสั่นเทา พร้อมทั้งเดินไปเดินมาอยู่ในห้องอย่างร้อนรน
เธออยากจะออกไปตามหาเขา ช่วยเขา ทว่าเธอนั้นย่อมรู้ดี ว่าตัวเธอในเวลานี้ไม่อาจจะออกไปจากห้องนี้ได้
หากว่าเธอออกไปแล้วถูกจับได้ โห้หลีเฉินที่เหมือนตายทั้งเป็นก็ไม่มีคนดูแลแล้ว
แค่เปลี่ยนยาไม่ทันเวลา เขาก็จะตาย
แต่ กู้ซึงล่ะจะทำอย่างไรดี?
เย้นหว่านร้อนรนจนใกล้จะบ้าอยู่แล้ว กู้ซึงไม่ยอมกลับมาสักที อาจจะถูกจับได้แล้ว แถมตอนนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นหรือตาย?
เย้นหวานเกลียดมากที่ตนเองไม่สามารถทำอะไรได้เลยในสถานการณ์นี้
เบ้าตาของเธอแดงแจ๋ น้ำตาก็หลั่งไหลพรั่งพรูอาบแก้ม
น้ำเสียงของเธอสะอึกสะอื้นเกินทน “โห้หลีเฉิน ถ้ากู้ซึงเกิดเรื่องขึ้นมาล่ะ ฉันจะไม่ให้อภัยตนเองไปชั่วชีวิต”
กู้ซึงทำเพื่อช่วยเหลือเธอ เพื่อให้เธอได้รอดชีวิต
ทุกอย่างเป็นเพราะว่าเธอ
เธอติดค้างกู้ซึงไว้เยอะมากจริงๆ
โห้หลีเฉินยังคงนอนหลับใหลอย่างนิ่งสงบ และยังไม่ตอบสนองต่อสิ่งใดกลับมา ก็เหมือนซินเดอเรลล่าที่นอนหลับสนิทอยู่เช่นนั้น ไม่มีการลืมตาขึ้นมาแต่อย่างใด
สายตาของเย้นหว่านพร่ามัว ความยากลำบากมันเหมือนจะตาย
ใครจะบอกกับเธอได้บ้าง ว่าตอนนี้เธอควรทำอย่างไรดี?
ได้แต่นั่งรอคอยอยู่ที่นี่อย่างเงียบงัน เพื่อรอให้เย้นโม่หลินมา ด้านนอกเกิดเรื่องขึ้นมา จะออกไปขอความช่วยเหลือดีไหม?
สวรรค์ย่อมรู้แจ้งแถลงไข ทุกวินาทีช่วงเวลาในเวลานี้ สำหรับเย้นหว่านแล้ว มันเริ่มรุ่มร้อน จนกลายเป็นทุกข์หนัก
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดครึ้มลง ราวกับผ้าม่านสีดำ กำลังปกคลุมลงมา
เพื่อควบคุมแสงสว่างของทุกคนเอาไว้ ให้มันค่อยๆ ดับลง
ร่างกายเย้นหว่านสั่นเทานั่งยองๆ อยู่ตรงมุมห้อง พร้อมทั้งกอดหัวเข่าทั้งสองข้างของตนเองเอาไว้ พร้อมทั้งสะอึกสะอื้นไม่หยุด
น้ำเสียงร้องไห้ฟูมฟาย เสียงมันดังกลบสะท้อน อยู่ในห้องอย่างเบาๆ
ความเจ็บปวดเศร้าโศก จิตใจเคว้งคว้าง
บนเตียง มีชายหนุ่มกำลังนอนหลับอย่างสงบอยู่ ราวกับถูกกลิ่นอายความเศร้าโศกเสียใจนั้นกัดกินไปด้วย หัวคิ้วอันน่ามองที่สุดของเขา เริ่มขยับเล็กน้อย
แพขนตาอันดกดำเริ่มสั่นเล็กน้อย ราวกับพยายามสุดกำลังเพื่อต้องการตื่นขึ้นมา
ผ่านไปหลายวินาทีจากนั้น เปลือกตาของเขาก็ยังคงไม่ยอมลืมตา แพขนตาเริ่มนิ่งตามเดิม การขยับเขยื้อนของเขาทั้งหมดราวกับไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน จนทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ทั้งสิ้น
……
หนึ่งวัน สองวัน สามวันผ่านไป
เวลาผ่านพ้นไปตามวันและเวลา กู้ซึงก็ยังไม่กลับมา ประตูเหล็กบานนั้น หลังจากที่เขาออกไปแล้ว ก็ไม่ได้มีการขยับเขยื้อนแต่อย่างใด
เย้นหว่านรอคอยอยู่ตลอด รอจนหมดความหวังแล้ว
กระทั่งเธอไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็จำใจรับ เกิดเรื่องขึ้นกับกู้ซึงแล้ว
ตอนนี้เธอกับโห้หลีเฉินถูกกักตัวอยู่ที่นี่ ทำได้แค่รอคอย ให้เย้นโม่หลินมาหาอย่างเร็ววัน
มาช่วยเหลือเธอ พร้อมทั้งช่วยโห้หลีเฉิน และออกไปช่วยกู้ซึงด้วย
เย้นหว่านหน้าซีดเผือด รอบดวงตามีถุงใต้ตาดำจนเห็นได้ชัดเป็นวงกลมรอบ แถมยังบวมเป่งเพราะว่าการร้องไห้อย่างหนักหน่วง
เธอหยิบเอายามาจากนั้นก็นั่งอยู่ขอบเตียงของโห้หลีเฉิน
“โห้หลีเฉิน ฉันจะเปลี่ยนยาให้คุณอีก คุณทนสักหน่อยนะ”
น้ำเสียงของเธอพูดอย่างอ่อนโยน ราวกับ เขาจะได้ยินเช่นนั้น
สองวันนี้ เธอก็ยังคงบ่นพึมพำพูดกับเขาไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้ปลุกเขาให้ตื่น ในเวลาเดียว นี่ก็เป็นฝ่ายตรงข้ามเพียงสิ่งเดียวที่เธอสามารถพูดคุยได้
การที่ถูกจองจำไปไหนก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ทั้งสามวัน ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีโห้หลีเฉินอยู่ด้วย เย้นหว่านคงรู้สึกว่าเธออาจจะเป็นบ้าไปแล้ว
เย้นหว่านจัดเตรียมของเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางหยิบกรรไกรแล้วก็ทำทุกขั้นตอนเหมือนคราวที่แล้ว เพื่อจะได้จัดการตัดผ้าพันแผลของโห้หลีเฉินออก
“ปึง ปึง ปึง!”
เวลานี้เอง ประตูเหล็กพลันมีเสียงเคาะประตูอย่างเรียกดังขึ้นมา
เย้นหว่านพลันหยุดการกระทำทันควัน อาการตัวสั่นพร้อมทั้งแข็งทื่อขึ้นมาทันที
ใครเป็นคนเคาะประตู?
เธออยู่ที่นี่ และก็ยังไม่ได้รู้จักคนอื่นเลย
“มาตรวจมิเตอร์น้ำ! รีบเปิดประตู!”
ตรวจมิเตอร์น้ำ?
เย้นหว่านตะลึงตกใจ ตอนนี้ยังมีคนมาตรวจมิเตอร์น้ำอีกเหรอ?
ตอนที่กู้ซึงออกไปก็ไม่เคยพูดว่ามีเรื่องพรรค์นี้ด้วย
เธอเริ่มสงสัยเล็กน้อย ฝีเท้าจงใจค่อยๆ เดินย่องไปยังประตูเป็นพิเศษ พร้อมทั้งแอบมองด้านนอกผ่านประตูตาแมว
ด้านนอกมีผู้ชายตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ยืนอยู่สองคน บนตัวแต่งการชุดทำงาน ดูเหมือนว่าเป็นคนมาตรวจมิเตอร์จริงๆ
ในเวลาเดียวกัน เธอก็ได้ยินว่า เสียงบ้านข้างๆ เปิดปิดประตู แล้วก็ยังมีคนพูดต่อ “มิเตอร์น้ำบ้านของพวกคุณไม่มีปัญหาอะไร”
มาตรวจมิเตอร์น้ำจริงๆ เหรอ?
แต่ว่า สถานการณ์ของเธอในยามนี้นั้นถือว่าพิเศษมาก เพราะว่าโห้หลีเฉินนอนอยู่ในห้อง หรือว่าไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาในห้องง่ายๆ ใช่ไหม? ไม่งั้นถ้าถูกเปิดเผยอะไรขึ้นมาก็ไม่ค่อยดีเลย
“ฉันรู้ว่าด้านในมีคนอยู่ รีบเปิดประตูเร็ว! อย่ามาถ่วงเวลาของพวกเราเลย!”
ความคิดของเย้นหว่านเพิ่งตกผลึกได้ บริเวณประตู ผู้ชายทั้งตะโกนโหวกเหวกเสียงดัง น้ำเสียงดุร้ายมากเป็นพิเศษ
เย้นหว่านจ้องมองออกไปผ่านประตูตาแมว อารมณ์ผู้ชายพวกนั้น ทั้งดุร้ายโหดเหี้ยม พร้อมทั้งน้ำเสียงหาเรื่องอย่างชัดเจน
โดยปกติพนักงานทั่วไป ถึงแม้ว่าอารมณ์ไม่ดีก็ตาม ก็คงไม่ทำท่าดุร้ายอยากฆ่าคนเช่นนี้หรอก?
ฆ่าคน?
ไม่ใช่สิ!
ในใจของเย้นหว่านนั้นหวาดหวั่นพรั่นพรึง คนเหล่านี้ ไม่ใช่คนมาตรวจมิเตอร์น้ำหรอก!
กลัวว่าพวกเขาจะแค่ใส่ชุดตรวจมิเตอร์น้ำ แต่ความเป็นจริงแล้ว คือการมาจับคน!
ยังมีความเป็นไปได้ว่ามาจับตัวเธอ!
แต่ว่าตอนนี้พวกเขาแค่ไม่มั่นใจ ว่าตกลงแล้วเธออยู่ที่ไหน ดังนั้นเลยมาตรวจตราทุกบ้าน
เย้นหว่านตัวสั่นแข็งทื่อทันที เหงื่อเย็นๆ ไหลแตกพลั่ก
ด้านนอก พลันมีเสียงสบถด่าอย่างหมดความอดทนอย่างเต็มเปี่ยมดังออกมา
“กูให้เวลามึงสามนาที รีบเปิดประตูให้กู! ไม่งั้น กูจะพังประตู!”
ไม่ต้องปิดบังอะไรแล้ว รีบข่มขู่ทำให้ตกใจหวาดกลัวทันที
พังประตู!
การที่ผู้ชายโหดเหี้ยมกระโจนเข้ามาพร้อมกันทีละหลายคน เย้นหว่านก็ไม่มีทางหนีทีไล่อีกแล้ว