บทที่ 583 ฆ่า!
ป่ายฉีสูดปาก กลอกตาใส่เย้นโม่หลินอย่างทนไม่ไหว
เมื่อครู่เขาแค่ล้อเย้นหว่านเล่นนิดหน่อย เย้นโม่หลินไม่สนเลยว่าเขาเป็นฮีโร่ช่วยชีวิต รีบไล่เขาไปทันที
ที่เย้นหว่านเกือบตายในครั้งนี้ทำให้เย้นโม่หลินรู้สึกกลัวมาก
ระดับของการอยากปกป้องดูแลน้องสาวนี้ ขึ้นไปถึงระดับบ้าคลั่งไร้ซึ่งเหตุผล
ป่ายฉีดวงตาหลุกหลิก ความสนุกสนานผุดขึ้นในใจ
เขาจงใจโน้มตัวเข้าหาเย้นโม่หลิน แล้วพูดกับเย้นโม่หลินว่า
“เมื่อครู่ตอนที่ผมรักษาโห้หลีเฉินได้พบว่าอาการบาดเจ็บเขาร้ายแรงมาก ถ้าเป็นคนทั่วไป ไม่ทันรอให้ผมมาถึง เขาก็ตายไปเป็นสิบรอบแล้ว”
เย้นโม่หลินเม้มริมฝีปากบางไม่ได้พูดอะไร
เมื่อครู่ตอนที่เขารักษาฉุกเฉินให้โห้หลีเฉิน ก็พบแล้วว่าอาการบาดเจ็บของโห้หลีเฉินมันร้ายแรงกว่าที่เห็นภายนอกมากนัก
สาเหตุที่เขายังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งป่ายฉีมา นอกจากลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่ธรรมดาของเขาแล้ว ยังมีความมุ่งมั่นที่น่าประหลาดใจด้วย
โห้หลีเฉินกลัวว่ามันจะไม่เรียบง่ายอย่างที่เมืองหนานเลี้ยงดูลูกคนรวยจนโต
“ผมรู้สึกว่าเขาก็คงจะเป็นคนมีคุณธรรม ซึ่งเหมาะกับตระกูลเย้น”
ป่ายฉีพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
คำพูดนี้ มันไม่ใช่แค่เหมาะกับเย้นหว่าน แต่เหมาะกับตระกูลเย้นด้วย
อำนาจของตระกูลเย้นนั้นเป็นอำนาจแก่นแท้ ถ้าโห้หลีเฉินแต่งงานกันเย้นหว่านจริง จะไม่ใช่แค่เขยไม้ประดับ แต่ยังสามารถมีส่วนร่วมในกิจการของครอบครัวด้วย…
ชิ!
เขายังไม่ได้ตกลงให้โห้หลีเฉินเป็นเขยของตระกูลเย้นเลย!
เขาปลอมตัวเป็นกู้ซึง โกหกหลอกลวงอยู่ในตระกูลซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยังไม่ทันได้คิดบัญชีเลย
“ไร้สาระจริงๆ!”
เย้นโม่หลินถลึงตาใส่ป่ายฉีอย่างไม่พอใจ ไม่อยากคุยกับเขาอีก จึงเดินออกไป
จัดการสั่งลูกน้องว่า “ไปขับรถเข้ามา เตรียมตัวออกจากที่นี่”
ลูกน้องเร่งรีบทำตามทันที
เย้นหว่านอยู่ข้างเปล อดไม่ได้ที่จะหันเหสายตาไปมองโห้หลีเฉิน
เธอพูดอย่างกังวล “สภาพร่างกายโห้หลีเฉินในตอนนี้ ไม่เหมาะกับการเดินทางไกล บ้านตระกูลเย้นอยู่ไกลจากที่นี่”
นี่เป็นการคำนึงถึงความรู้สึกส่วนตัว ตอนนี้พ่อแม่ยังไม่ยอมรับโห้หลีเฉิน เธอกลัวว่าหากโห้หลีเฉินเข้าไปด้วยสภาพร่างกายตอนนี้ เธอต้องไม่ได้รับอนุญาตให้ดูแลโห้หลีเฉินแน่ๆ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คราวนี้เธอจะต้องอยู่เฝ้าข้างๆ โห้หลีเฉินเป็นสิบยี่สิบชั่วโมงแน่นอน
เย้นโม่หลินมองเย้นหว่านด้วยสายตาซับซ้อน คิ้วกระตุกเล็กน้อย
มีความค่อนข้างลังเล
ป่ายฉีดวงตาหลุกหลิก รีบตอบรับทันที
“เป็นความจริง สภาพร่างกายในตอนนี้ของโห้หลีเฉินไม่เหมาะกับการเคลื่อนไหวมากเกินไป ยังไงควรหาที่พักใกล้ๆ แล้วรอให้ฟื้นก่อนดีกว่า”
ป่ายฉีเป็นหมอ สถานการณ์ของผู้ป่วยเขามีสิทธิ์พูดมากที่สุด
ต่อให้เย้นโม่หลินยังลังเล ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อีก
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่เพื่อคนนอกอย่างโห้หลีเฉิน แต่ดูเย้นหว่าน…
คนนอกคนนี้ มีความสำคัญที่ออกจะมีน้ำหนักมากไปหน่อยนะ
เขาพูดเสียงต่ำ “เอาเฮลิคอปเตอร์ออกไปที่เมืองถัดไป”
เมืองนี้เป็นอาณาเขตของหยูซือห้าน แม้ว่าตอนนี้หยูซือห้านจะอยู่ในมือของเขาแล้ว แต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีอำนาจแอบแฝงบางอย่างอยู่
ไปเมืองถัดไป อย่างน้อยก็น่าจะสงบกว่า
หลังจากจัดการเรื่องของเย้นหว่านเรียบร้อยแล้ว เย้นโม่หลินก็หันกลับมาอีกครั้ง ทำการกำจัดคนเหล่านี้จนหมดสิ้น
เมื่อได้ฟังการตัดสินใจของเย้นโม่หลิน เย้นหว่านก็แอบถอนหายใจเงียบๆ
ไม่นาน เฮลิคอปเตอร์ก็บินเข้ามา เตรียมพร้อมในโหมดสแตนด์บาย
อยู่ในพื้นที่กว้าง
เย้นหว่านอยู่ข้างเปล จับมือของโห้หลีเฉิน ก้าวเดินตามไปอย่างใกล้ชิด
สายตาของเธอไม่เคยละทิ้งจากโห้หลีเฉินตั้งแต่ต้นจนจบ
สายตาของเย้นโม่หลินล้ำลึก ทั้งซับซ้อนและขมขื่น
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาสามารถมีประกาศิตออกไปตรงๆ ได้เลยว่าไม่ให้เย้นหว่านอยู่กับโห้หลีเฉิน แต่ตอนนี้ หลังจากผ่านเหตุการณ์ความเป็นความตาย เย้นหว่านละทิ้งตำแหน่งอำนาจในตระกูลหยูเพื่อโห้หลีเฉิน หลายต่อหลายครั้งจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ทุ่มเทมากขนาดนี้ ต่อให้ยังมีความข้องใจ เขาก็ไม่ได้ยืนกรานหนักแน่นไปลงมือต่อต้าน
แต่ถ้าเห็นด้วย เขาก็ยังมีความข้องใจอยู่
เย้นโม่หลินเก็บกดมาก เป็นครั้งแรกกับเรื่องบางอย่างที่เขาลังเลและไม่แน่ใจ
ป่ายฉีมองเย้นโม่หลินอย่างสนุกสนาน รู้ว่าเขากำลังต่อสู้ระหว่างสวรรค์กับมนุษย์
พี่ชายของเขาที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ มันขมขื่นเกินไปสำหรับเขา
ป่ายฉียิ้มและพูดว่า “พี่ใหญ่ คนนี้จะจัดการยังไงเหรอ”
เย้นโม่หลินมองตามนิ้วที่ชี้ของป่ายฉี ถึงได้เห็นหยูซือห้านนอนหมดสภาพอยู่บนพื้น
ทั่วตัวเขาได้รับบาดเจ็บมีแต่เลือด หมดสภาพเหมือนสุนัขหลงทางที่ไร้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
ไอ้ขยะคนนี้
เย้นโม่หลินมองเขาอย่างเย็นชา พูดอย่างรังเกียจว่า
“ฆ่าซะ”
สองคำเย็นชา เย็นเฉียบราวน้ำแข็ง
โดยไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย
ในความเห็นของเขา ป่ายฉีทำเรื่องเลวร้ายมาก กล้าจะทำร้ายเย้นหว่าน สมควรตายเป็นพันครั้งหมื่นครั้ง
หยูซือห้านเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว สีหน้าตื่นตระหนกหนัก
เขาคิดไม่ถึงว่าเมื่อเย้นโม่หลินมา ไม่น่าเชื่อว่าจะเอาชีวิตเขาอย่างเด็ดขาดเช่นนี้
เขากัดฟันพูดว่า “คุณชายเย้น ผมเป็นคุณชายตระกูลหยู ผู้อาวุโสทุกคนในตระกูลต่างสนับสนุนผม คุณจะลงมือฆ่าผม ได้พิจารณาความเห็นของตระกูลหยูหรือยัง”
การตกอยู่ในมือของโห้หลีเฉิน ด้วยพลังอันบ้าคลั่งของโห้หลีเฉิน จะต้องไม่คำนึงถึงตระกูลหยู เอาชีวิตเขาให้ได้แน่นอน
แต่เย้นโม่หลินนั้นแตกต่าง
เย้นโม่หลินเป็นคุณชายตระกูลเย้น ยิ่งต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์ระหว่างตระกูลเย้นกับตระกูลหยู เขาก็ยังสามารถรอดชีวิตได้
เย้นโม่หลินสายตาเยือกเย็น ทุกคำพูดโหดร้ายเย็นชา
“ผมจะทำเอง จะส่งศพของคุณกลับไปตระกูลหยู”
หยูซือห้านตื่นตระหนก
ส่งศพเขากลับไปตระกูลหยู! ไม่อยากเชื่อว่าเย้นโม่หลินจะมีหัวใจเป็นเหล็กต้องการฆ่าเขา!
และอีกอย่าง ยังจะนำศพของเขาไปหาตระกูลหยูเพื่อแสดงความรับผิดชอบ โดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีแต่เดิมกับตระกูลหยูอีกต่อไป
เย้นโม่หลินเป็นบ้าพอๆ กับโห้หลีเฉินเลย
“พวกบ้า บ้ากันทั้งหมด”
หยูซือห้านโวยวายออกมาเสียงดัง ราวกับเหยียบอยู่บนขอบแห่งความล่มสลาย
เย้นโม่หลินสายตาเย็นชา ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
ยกมือขึ้น “ฆ่า!”
คำเดียว สะอาดหมดจด
บอดี้การ์ดเดินมาทันที ชักปืนออกมา บรรจุกระสุน ปากกระบอกปืนสีดำจ่อไปที่หยู่ซือห้าน เตรียมจะยิง
ลมหายใจแห่งความตายกระทบใบหน้า หยูซือห้านรูม่านตาล็อกเข้าหากัน
ไม่เต็มใจจะตายตอนนี้เลยจริงๆ!
ไม่เต็มใจ!
เขามองไปยังเย้นหว่านที่อยู่ไกลๆ ด้วยสายตาดุร้าย ขึ้นเสียงตะโกนว่า
“เย้นหว่าน คุณไม่สนใจความเป็นตายของกู้ซึงเหรอ”
คำพูดประโยคเดียว ทำให้การก้าวเดินของเย้นหว่านหยุดลง
เธอสีหน้าซีดขาวฉับพลัน ท่าทางสับสน
เมื่อครู่มัวแต่กังวลเรื่องความปลอดภัยของโห้หลีเฉิน ตอนนี้คลายความกังวลแล้ว ด้วยอยากจะรีบพาโห้หลีเฉินออกไปจากที่ตรงนี้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดี
แต่กลับลืมไปว่ากู้ซึงอยู่ในมือของหยูซือห้าน ไม่รู้อยู่หรือตาย
“คุณเอากู้ซึงไปซ่อนไว้ที่ไหน”
เย้นหว่านหันกลับมาแล้วรีบพุ่งเข้าไปหาหยูซือห้าน