สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน – บทที่ 592 พี่ไม่เลือกกิน ก็บ้าแล้ว

บทที่ 592 พี่ไม่เลือกกิน ก็บ้าแล้ว

บทที่​592 พี่ไม่เลือกกิน ก็บ้าแล้ว

เหมือนตอนเดินออกไป เย้นโม่หลินกลับมา​บ้านพักตากอากาศ​อย่างครึกครื้น​

พอเดินเข้าประตู​ เขาก็เดินไปที่ห้องพักของโห้หลีเฉินอย่างคุ้นเคยกับทางเดิน แต่ในเวลานี้ กลับได้ยิน​เสียง​เย้นหว่านดังออกมาจากห้องครัว

“พี่คะ พวกเราอยู่ในนี้ค่ะ”

เย้นโม่หลินหยุดเดิน จึงเห็นว่าเย้นหว่านกำลังโบกมือ​ให้​เขาอยู่พอดี

เขาเพิ่งจะตั้งตัวได้ ก็โห้หลีเฉินฟื้นแล้ว เย้นหว่านไม่จำเป็นต้องคอยดูแลเขาโดยติดตัวกันอยู่​ตลอด​เวลา แน่นอน​ว่า​ต้อง​ออกมากินข้าว​ข้างนอกได้แล้ว

เย้นโม่หลินมองไปทางเย้นหว่าน แววตาของเขาอ่อนโยน​ขึ้นเล็กน้อย​ก่อนจะเดินเข้าห้องครัวอย่างรวดเร็ว

เย้นหว่านกำลังยืนอยู่ข้างโต๊ะ​อาหาร และกำลังจัดเตรียมตะเกียบ​กับชามให้เขาด้วยรอยยิ้ม

“พี่คะ หนู​ไม่รู้​ว่า​พี่จะกลับมา ก็เลยไม่ได้เตรียมกับข้าวไว้เยอะ พี่กินข้าว​กับ​พวกเราแก้ขัดไปก่อนนะคะ”

“ ไม่เป็นไร​ พี่ไม่เลือกกิน”

เย้นโม่หลินเอ่ยปาก​พูด​อย่างไม่มีความลังเลก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้

อาหารการกินของบ้านเขาล้วนอยู่ในระดับสูง ​รสชาติ​ดี ปริมาณมากพอ ​ถึงแม้​คนเดียวจะกินกับข้าว​แค่ไม่กี่อย่าง แล้วมีคนเข้ามาเพิ่มอีกสามคน ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์​กับข้าว​ไม่พอกินแน่นอน​

ดังนั้นเย้นโม่หลินจึงนั่งลงโดยไม่มีความรู้สึกหนักใจอะไร​

แต่ว่า ตอนที่​เขาเห็นอาหารที่วางเรียงอยู่บน​โต๊ะ ​ใบหน้าหล่อเหลาก็เปลี่ยนไปทันที

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะถามด้วยความแปลกใจ“ มีแค่พวกนี้เหรอ”

มีอาหารหลายอย่างก็จริง บนโต๊ะมีอาหารที่ไม่ซ้ำชนิดหลายสิบรายการวางอยู่

แต่ว่า……

ป่ายฉีที่นั่งอยู่ข้างๆหัวเราะอย่างชอบใจและพูดด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม​ “คุณ​พี่ใหญ่ คุณ​เพิ่งพูดเองว่าคุณ​ไม่เลือกกินนะครับ”

มุมปากของเย้นโม่หลินกระตุกเล็กน้อย

นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าจะเลือกกินหรือไม่เลือกกิน แต่เป็นปัญหา​ว่าจะกินได้หรือไม่ได้ต่างหาก

เขาเป็นคนชอบกินเผ็ด อาหารบนโต๊ะ ส่วนใหญ่​จะ​มีรสชาติ​เผ็ดและไม่เผ็ดผสมกัน คุณ​ค่าทางโภชนาการ​อาหารเองก็ต้องสมดุลด้วย

แต่จานตรงหน้านี้ทั้งหมด​ ล้วนเป็นอาหารรสจืด​ทั้งนั้น

เหมือนเอาผักมาต้มสุก​ แบ่งเป็นการต้มผักแต่ละชนิดไม่ซ้ำกัน

เขาอดที่จะยกย่องเชฟของบ้านตัวเองไม่ได้ ว่าทำได้ดีมากจริงๆ​

เ​ขาเพิ่งจะนึก​ขึ้นได้ ว่าทำไมเย้นหว่านถึงพูดเน้นย้ำคำพูด​ว่า ไม่ได้เตรียมอาหารเยอะ ดังนั้นขอให้​เขากินแก้ขัดไปกับพวกเธอ

รู้สึกว่านี่จะเป็นเพราะโห้หลีเฉิน ถึงได้ต้องกินแต่อาหารรสชาติ​จืดชืด​พวกนี้

ป่ายฉีที่นั่งมองไปที่เย้นโม่หลินและรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ยิ่งกว้างมากขึ้น

เขายิ้มและพูดว่า “เป็นเรื่องยากที่จะเห็นพี่ใหญ่ของเราจะทำหน้ากินอะไรไม่ลงแบบนี้ จู่ๆผมก็รู้สึกหิวขึ้นมา​ซะแล้ว​สิ”

ป่ายฉีมาที่นี่เพื่อมาดูอาการบาดเจ็บของโห้หลีเฉิน และมาทันเวลาอาหารพอดี ดังนั้นเขาจึงตั้งใจจะกินข้าวที่นี่ด้วยเลย

แต่พอเห็นอาหารบนโต๊ะนี้ ปฏิกิริยาของเขาก็เหมือนกับของเย้นโม่หลินไม่ผิดเพี้ยน​

ถึงจะไม่มีอาหารรสชาติ​เผ็ด แต่มีอาหารรสชาติ​จืดชืด​แบบนี้​มันหมายความว่ายังไง

ป่ายฉีรู้สึกหดหู่ใจและกำลังจะหาเหตุผลที่จะกลับไป แต่คิดไม่ถึงว่า เย้นโม่หลินจะกลับมาพอดี

ทำให้จู่ๆเขาก็มีความอยากอาหารขึ้นมาแล้ว

ใบหน้าของเย้นโม่หลินบึ้งตึง​ขึ้นมาอีก ต้องมาเผชิญหน้ากับอาหารที่กลืนไม่ลงที่อยู่​บนโต๊ะ แล้วยังมีไอ้หน้าจืดที่นั่งหัวเราะเขาอีก

อยากตายหรือไง

เย้นหว่านยืนอยู่ข้างๆด้วยสีหน้ารู้สึก​ผิด

ตอนที่​เธอสั่งให้ทางห้องครัว​เตรียมอาหาร เธอคิดถึงแต่อาการบาดเจ็บของโห้หลีเฉิน แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าจะมีอีกสองคนมาเพิ่ม

ดวงตาของเธอเป็นประกายและเธอพูดว่า “เดี๋ยว​ฉันจะให้พ่อครัวทำอาหารเพิ่มอีกสองสามอย่างดีกว่าค่ะ รอเดี๋ยว​นะ​คะ​”

“ไม่จำเป็น.”

เย้นโม่หลินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม ก่อนจะมองไปทางโห้หลีเฉินที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยแววตาเคร่งเครียด​

น้ำเสียงของเขาเป็นปรปักษ์อย่างไม่ปกปิด“ น้องสาวของผมที่เป็นคนชอบกินอาหารรสเผ็ดมาก ๆ กลับต้องยอมกินอาหารรสชาติ​จืดชืด​เป็นเพื่อนคุณ​ชายโห้ ผมจะกินด้วยสักมื้อสองมื้อ ก็คงไม่เป็นไร​ จริง​ไหมครับ”

ความหมายของแฝงในคำพูดนั้นค่อนข้างชัดเจน

ความหมายก็คือ โห้หลีเฉินอาศัยว่าเขาเป็นผู้ป่วยและได้รับบาดเจ็บ โดยไม่คำนึงถึงรสนิยมและความชอบของเย้นหว่าน ที่จะต้องมากินอาหารรสชาติ​จืดชืด​ที่ยากต่อการกลืนเหล่านี้กับเขา

นั่นก็หมายความว่า เขาเห็นแก่ตัว

โห้หลีเฉินนั่งตัวตรง ใบหน้าหล่อเหลาของเขา ยังคง​ไม่เปลี่ยนแปลง

เย้นหว่านฟังความในแฝงออก แต่เธอคิดไม่ถึง​ว่าเย้นโม่หลินจะ​เข้าใจผิดโห้หลีเฉิน จึงรีบอธิบาย

“พี่คะ อาการบาดเจ็บของหนูเองก็ยังไม่หายดีค่ะ โห้หลีเฉินก็เลยไม่ให้หนูกินของที่ไม่ดีต่อการฟื้นตัวค่ะ”

เย้นโม่หลินผงะไปเล็กน้อย​

เย้นหว่านเองก็ได้รับบาดเจ็บ​จริงๆ โห้หลีเฉินทำแบบนี้ หมายความ​ว่า​เขา​ได้คำนึงถึงสุขภาพร่างกายของเย้นหว่านแล้ว

ดูเหมือนเขาจะเข้าใจผิดโห้หลีเฉินแล้วจริงๆ

เย้นโม่หลินมองไปที่โห้หลีเฉินด้วยแววตาสับสน​ แล้วก็ยังรู้สึก​ไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายเหมือนเดิม ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมา

แล้วเอ่ยพูด​ “อย่ายืนอยู่เฉยๆสิ กินข้าวกันได้แล้ว”

เมื่อเห็นเย้นโม่หลินขยับตะเกียบ เย้นหว่านก็ไม่กล้า​ที่จะพูดอะไรอีก เธอจึงนั่งลงข้างๆ โห้หลีเฉินอย่างเรียบร้อย​

ทันทีที่เธอนั่งลง แทนที่จะหยิบชามและตะเกียบของตัวเอง เธอกลับหยิบชามซุปของโห้หลีเฉินขึ้นมาและตักซุปให้เขา

จากนั้น เธอก็หยิบตะเกียบกลาง คีบอาหารให้เขา และพูดไปด้วยว่า อาหารจานนี้บำรุง อาหารนั้นบำรุง

ในช่วงเวลาสั้น ๆ ชามของโห้หลีเฉินก็เต็มไปด้วยอาหาร

โห้หลีเฉินมองไปที่เธออย่างทำอะไรไม่ถูกและพูดเบา ๆ “พอแล้ว​ครับ​ คุณก็กินด้วย”

ด้วยคำพูดนั้น โห้หลีเฉินจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาและหยิบเนื้อใส่จานเย้นหว่าน

เย้นหว่านมองไปที่ชิ้นเนื้อในชามของเธอ พร้อมกับยิ้มหวานที่ริมฝีปากของเธอ เธอรู้สึก​มีความสุขมาก

เธอหันหน้าไปมองเขา“ แขนของคุณก็เจ็บเหมือนกัน ถือตะเกียบแล้วรู้สึก​เจ็บไหมคะ คุณต้องการให้ฉันป้อนคุณไหม!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา เย้นโม่หลินที่กำลังดื่มซุปก็แทบจะสำลัก

เขาก็มองไปที่เย้นหว่านประหลาดใจ และทำสีหน้า​โมโหต่อความซื่อบื้อ​ของ​น้องสาวตัวเอง

โห้หลีเฉินฟื้นแล้ว และเขาสามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว ไม่จำเป็น​ต้อง​มีคนมาป้อนอาหารเขา

น้องรัก เป็นห่วงมากเกินไปหรือเปล่า​

โห้หลีเฉินมองไปที่ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของเย้นหว่าน มุมปากของเขาค่อยๆยกขึ้น​อย่างมีความสุขและสายตาของเขาก็ดูรอคอย​เอามากๆ

เขาอยากจะเสพสุขกับการบริการดูแลของเธอจริงๆ ให้อาหารเขาทีละคำ

แต่ว่า……

“เมื่อกี้​พี่เห็นเขาถือตะเกียบได้สบายๆ พี่คิดว่าอาการบาดเจ็บก็คงจะใกล้หายดีแล้ว ”

เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว เขาไม่สามารถทนมองต่อไปได้แล้ว​ จึงพูดอย่างเย็นชา

สายตาคมจ้องตรงไปที่โห้หลีเฉิน

เต็มไปด้วยแววตาเฉียบคม​และดูถูก

เย้นหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอรู้สึกถึงบรรยากาศ​ความเป็นปรปักษ์ที่ลอยอยู่ในอากาศ

พี่ชายของเธอเป็นอะไรไป พอเขากลับมาก็อารมณ์​เสียแบบนี้ ทำตัว​เหมือนถูกปกคลุมไปด้วยหนามทั้งตัว​ และมันก็มุ่งเป้าไปที่โห้หลีเฉินคนเดียว

โห้หลีเฉินเพิ่งช่วยชีวิตเธอไว้ และยังบาดเจ็บอยู่ด้วย เขาจะสุภาพกับอีกฝ่ายบ้างไม่ได้หรือไงกัน

เย้นหว่านรู้สึกรำคาญและอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ใต้โต๊ะ ฝ่ามือกว้างของโห้หลีเฉิน ค่อยๆจับมือเล็ก ๆ ของเธอและส่ายหน้า​ไม่ให้เธอพูด

เธอมองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย

ใบหน้าของโห้หลีเฉินซีดเล็กน้อย แต่ท่าทางของเขาดูไม่แยแส ไม่มีร่องรอยของความตื่นตระหนกเลย

เขาตอบอย่างใจเย็นว่า “แม้ว่ามันจะยังไม่หายดีทั้งหมด แต่ก็ไม่มีปัญหาในการเดิน​ หรือทำสิ่งต่างๆ ถ้า คุณ​ชายเย้นรีบร้อน​อยากจะกลับไป ผมก็สามารถให้ความร่วมมือได้ครับ”

เย้นหว่านรู้สึกไม่มีพอใจ อาการบาดเจ็บของโห้หลีเฉิน เพิ่งหายเป็นปกติเพียงบางส่วน เขาจะออกไปได้ยังไง​กัน​

ยังไงก็ต้องพักรักษาตัว​อีกสักพัก

เย้นหว่านไม่พอใจ แต่โห้หลีเฉินกลับไม่ยอมให้เธอโต้เถียง​ เธอจึงมองไปที่เย้นโม่หลินด้วยสายตาไม่พอใจ

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

Status: Ongoing

“คุณผู้หญิง ผมจะไม่แต่งงานกับคุณ” นี้คือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ เธอรู้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นยังไง แกล้งทำเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างเชื่อฟัง แต่ในหนึ่งวัน เธอโดนเขาจับขึ้นเตียงและลูบไล้ เธอตกใจ “คุณโห้ คุณเคยบอกแล้วว่า เราเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางสัญญา” “ผมยกเลิกแล้ว” เขาได้รู้แล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เขาตามหามานาน เขาจะปล่อยมือไปได้ยังไง? “เพื่อเป็นการชดเชย ผมเป็นของคุณแล้ว”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท