บทที่ 580 โห้หลีเฉิน คุณยังสบายดีอยู่ใช่ไหม
จากนั้น วินาทีต่อมา เสียงหัวเราะของเขากลับหยุดลงอย่างกะทันหัน
เขาสัมผัสได้ถึงแขนข้างนั้นที่ยังใช้การได้เพียงข้างเดียว มีความเจ็บปวดอย่างรุนแรงส่งออกมา
มีดปอกผลไม้ที่โห้หลีเฉินขว้างมา ไม่ได้ทิ่มแทงทะลุหัวใจของเขา แต่แทงทะลุ จากหลังมือของเขา ทำให้แผงควบคุมบนรถเข็นของเขาพังเสียหายทั้งหมด
ความเจ็บปวดที่ชัดเจนกระตุ้นโสตประสาทหยูซือห้าน
สายตาเขาเปล่งประกาย มองโห้หลีเฉินอย่างประหลาดใจ โห้หลีเฉินไม่ฆ่าเขา? ทำไมกัน?
ไม่นาน เขาก็รู้คำตอบ
เห็นเพียง กลุ่มคนที่ล้อมรอบอยู่ เตรียมจะเหนี่ยวไกปืน แต่นิ้วมือนั้น กลับยังไม่ได้ลดลง แต่ละคน ก็แข็งทื่อไปหมดแล้ว
บนหน้าผากของพวกเขา ในเวลาเดียวกัน ล้วนปรากฏรูเลือดขนาดเท่านิ้วมือหนึ่งรู
ทั้งหมดถูกยิงศีรษะแล้ว!
“ปัง……”
“ปัง……”
“ปัง……”
เสียงล้มตัวดังต่อเนื่องสองสามครั้ง ดังขึ้นมา
ศพที่นอนระเกะระกะบนพื้น ล้วนเป็นคนของเขา
หยูซือห้านตกตะลึง ภายในใจเย็นวาบ วินาทีนี้เขาตระหนักรู้อย่างแจ่มแจ้ง จบแล้ว
แผนการทั้งหมดของเขา เวลานี้ ล้วนจบสิ้นแล้ว
กำลังเสริมของโห้หลีเฉินมาแล้ว!
ส่วนเขา…..
หยูซือห้านมองมือที่ถูกแทงทะลุของตนเอง สายตาดุร้ายแดงฉานมองไปยังโห้หลีเฉิน พร้อมทั้งคำรามอย่างบ้าคลั่ง
“ทำไมแกไม่ฆ่าฉันซะเลย!”
แขนของโห้หลีเฉินพาดอยู่บนไหล่เย้นหว่าน ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา
“แกรู้ไหมว่าทำไมฉันต้องทำให้มือแกเสียด้วย?”
มุมปากเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นเยือก แต่ละคำ อาฆาตอย่างดูถูกดูแคลน “เพราะว่า แกไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะฆ่าตัวตาย”
หยูซือห้านเบิกตาโพลงทันที ตัวสั่นเทิ้มสีหน้าดุร้าย
จากนั้น เขาก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง ร่างที่อยู่บนรถเข็น ดิ้นทุรนทุรายขึ้นมาอย่างรุนแรง
เขาถลึงตามองโห้หลีเฉิน พร้อมทั้งตวาดใส่อย่างกราดเกรี้ยว “แกอยากทรมานฉันเหรอ! โห้หลีเฉิน แกอยากทรมานฉันใช่ไหม”
“เปล่าเลย”
โห้หลีเฉินส่ายหน้า รอยยิ้มที่มุมปาก เย้ยหยันอย่างยิ่ง “ฉันดูถูกเหยียดหยามแก”
ดูถูกเหยียดหยาม แม้แต่ศักดิ์ศรีที่จะตายก็ไม่ให้เขา
การให้เกียรติตนเองที่หยูซือห้านภาคภูมิใจที่สุด ตอนนี้เวลานี้ ราวกับถูกโห้หลีเฉินโยนไว้บนพื้น พยายามถูไถอย่างสุดชีวิต
ตรงหน้าเขามืดมิดไปหมด เกือบจะโกรธจนตาย
แผนการทั้งหมดล้มเหลวไม่เป็นท่า ไม่ใช่การโจมตีที่หนักหน่วงที่สุด การโจมตีที่หนักหน่วงที่สุดคือ ตกอยู่ในเงื้อมมือของโห้หลีเฉิน แม้แต่การขอตายก็ยังเป็นสิ่งที่หรูหราเกินไป
“โห้หลีเฉิน ฉันจะฆ่าแก”
หยูซือห้านดิ้นรนอย่างทุรนทุราย ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกาย เหมือนกับปลาที่ขาดน้ำตัวหนึ่ง กำลังดิ้นอย่างสุดชีวิต
ออกแรงมากเกินไป เพื่อที่จะพยุงตัวเขาให้ลุกขึ้นมา ไม่นานก็ล้มลงบริเวณใต้รถเข็น
สองขาของเขาคุกเข่าลงบนพื้น ขาข้างที่พิการนั่น มีความเจ็บแทบขาดใจพุ่งขึ้นมา เขาเจ็บจนเหงื่อเย็นๆ ไหลไม่หยุด ทั้งๆ ที่ อีกมือหนึ่ง ก็ยังถูกมีดแทงติดแหง็กอยู่กับที่พักแขนบนรถเข็น จนขยับเขยื้อนไม่ได้
ตอนนี้เขาคุกเข่าอยู่ที่พื้น มือก็ยังติดอยู่ท่านั้น ทรมานอย่างที่สุด
ด้านหน้า มีเสียงหัวเราะเยาะของโห้หลีเฉินดังมา “หยูซือห้าน ตอนนี้แกรู้จักคุกเข่าขอร้องฉันแล้วเหรอ”
หยูซือห้านโกรธจนเลือดขึ้นหน้า จนด้านหน้าหน้ามืดวิงเวียน
เขาคุกเข่าขอร้องโห้หลีเฉินที่ไหนกัน เขาก็แค่ ก็แค่….
หยูซือห้านมองท่าทางตนเองในตอนนี้ โกรธจนแทบจะทนไม่ไหว เอามีดมาแทงตัวเองให้ตายเดี๋ยวนี้เลย
ใต้เข่าของลูกผู้ชายมีทองคำไม่มีทางจะคุกเข่าให้ใครง่ายๆ ชีวิตนี้ เขายังไม่เคยคุกเข่าให้ใครมาก่อน
เย้นหว่านมองท่าทางน่าเวทนาของหยูซือห้าน ก้อนหินก้อนใหญ่ที่กดทับอยู่บนหัวใจในที่สุดก็ร่วงหล่นลงมาในที่สุด
นี่หมายความว่า เธอและโห้หลีเฉิน พ้นจากอันตรายแล้ว!
ในที่สุดพวกเขา ก็ปลอดภัยแล้ว!
เย้นหว่านดีใจอย่างที่สุด มองหยูซือห้านอีกครั้ง ความสบายใจไร้กังวลเกิดขึ้นภายในใจเป็นระลอกๆ
ความชั่วช้าเลวทรามที่เขาทำไว้มากมาย ตอนนี้ ก็ควรได้รับกรรมแล้ว
เย้นหว่านหันมามองโห้หลีเฉิน ถามว่า “คุณคิดจะจัดการกับเขายังไง”
สายตาโห้หลีเฉินมองไปยังเย้นหว่านอย่างเบลอๆ เสียงอ่อนโยนแผ่วเบา
เขาพูดอย่างช้าๆ ว่า “ยกให้คุณดีไหม”
ยกให้เธอเหรอ
เขาต้องการให้เธอตัดสินใจด้วยตนเอง เพื่อแก้แค้นช่วงเวลาที่ได้รับความทุกข์ยากลำบากนี้เหรอ
เย้นหว่านคิดเช่นนี้ แต่มองดูสายตาลึกล้ำของโห้หลีเฉิน ใบหน้าที่ยิ่งซีดเผือดขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นหัวใจกลับเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
ไม่ถูกต้อง
ไม่ใช่สาเหตุนี้
ดวงตาเธอเป็นประกาย มองเขาอย่างวิตกกังวล พูดว่า “โห้หลีเฉิน คุณยังสบายดีอยู่ใช่ไหม?”
“ง่วงนอนนิดหน่อย”
โห้หลีเฉินฉีกยิ้มมุมปาก พูดก็ธรรมดาเหมือนกับตอนปกติ
แต่ประโยคนี้ กลับทำให้เส้นประสาทของเย้นหว่านเกร็งขึ้นทันที
ตอนแรกโห้หลีเฉินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างกายอ่อนแออย่างยิ่ง ตกอยู่ในสภาพไม่ได้สติตลอดเวลา เมื่อครู่จู่ๆ ก็ฟื้นขึ้นมา ก็รีบลงมือจัดการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายทางจิตใจ หรือว่าร่างกายของเขาก็ตาม ล้วนเป็นการแบกรับภาระที่หนักอึ้งมากเกินไป
หรือว่าร่างกายของเขา…
เย้นหว่านมองไปยังร่างของโห้หลีเฉินอย่างตื่นตระหนก พอมองอย่างนี้ ก็สูดอากาศเย็นๆ เข้าไปฟอดหนึ่งทันที
บนสูทที่โห้หลีเฉินสวมใส่อยู่นั้น มองเห็นรอยเปียกชุ่มขนาดใหญ่ มืออีกข้างที่ห้อยลงของเขา มีเลือดสดๆ ไหลลงมาเป็นทางตามนิ้วมือที่เห็นข้อต่ออย่างชัดเจน คดเคี้ยวลงมา
บาดแผลของเขา ปริแยกออกอย่างรุนแรง!
เสียงของเย้นหว่านสั่นเครือ”โห้หลีเฉิน คุณ คุณอย่า…
เพียงชั่วพริบตาน้ำตาของเธอเอ่อนองขอบตา กลอกไปมาไม่หยุด เสียงสะอึกสะอื้น แม้แต่จะพูดให้เป็นประโยคที่สมบูรณ์ยังพูดไม่ออก
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย อยากจะลูบเส้นผมเย้นหว่าน แต่พอยกมือขึ้น สังเกตเห็นรอยเลือดที่เต็มมือของตนเอง เลยเอาวางมือกลับลงที่เดิม
สายตาของเขามองเธออย่างสงสัย มุมปากที่ขาวซีด ฝืนยิ้มอ่อน
“สบายใจเถอะ ฉันไม่เป็นไรเดี๋ยวป่ายฉีจะรักษาฉันให้หายเป็นปกติได้”
เสียงของเขาแหบพร่า ยิ่งพูดยิ่งเบาลงเรื่อยๆ
ฟังออกอย่างชัดเจนว่าอ่อนแอ กำลังฝืนทนอยู่ สามารถล้มลงไปได้ทุกเมื่อ
เย้นหว่านสงสารจับใจจนแทบตาย ได้แต่กัดฟันกรอด ถึงจะฝืนทนเอาน้ำตาที่เอ่อล้นในขอบตากลับเข้าไปได้
เธอรู้ เขามองเห็นจะทนไม่ไหว
เธอพยักหน้าอย่างแรง พูดว่า “โห้หลีเฉิน คุณรับปากฉัน จะต้องอดทนไว้ให้ได้! ฉันจะรีบไปตามป่ายฉีมารักษาคุณเดี๋ยวนี้ คุณต้องอดทนไว้ให้ได้นะ รับปากฉัน! ”
เธอกำชับอย่างร้อนรน
กระวนกระวายร้อนใจอย่างมาก สภาพร่างกายของโห้หลีเฉินย่ำแย่มากเหลือเกิน ตอนนี้อ่อนแอมากเกินไป ไม่แน่ก็จะ…
เธอไม่อาจให้เกิดเรื่องอะไรกับเขาได้อีกแล้ว ตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะปลอดภัยแล้ว เธอไม่อาจทนรับผลลัพธ์อย่างนั้นได้
แม้แต่หยูซือห้านเธอก็ไม่สนใจแล้ว อยากจะพาเขาไป รีบกลับไปหาป่ายฉีที่บ้านตระกูลเย้นทันที
“คุณทนไว้นะ ฉันจะพาคุณไป ฉันจะพาคุณไปเดี๋ยวนี้”
โห้หลีเฉินกลับส่ายหน้า ร่างกายที่อ่อนแอพิงเข้ากับร่างของเย้นหว่าน
เขาก้มหน้าสบตามองเธอ พลันพูดเบาๆ ออกมา “ไม่ต้องกลัว พวกเขามาแล้ว”
ใครมาแล้ว
เย้นหว่านสงสัยเพราะว่าไม่เข้าใจ จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าสม่ำเสมอดังมาจากที่ไม่ไกลนัก
คนกลุ่มหนึ่งแหวกพงหญ้าที่รายล้อมอยู่รอบๆ พร้อมทั้งรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว
และคนแรกที่นำมาอยู่นั้น ก็คือเย้นโม่หลิน
เขามาแล้ว!
เย้นหว่านตกใจ ตอนนี้จึงตั้งสติหลับมาได้ มิน่าเล่าเมื่อครู่ลูกน้องของหยูซือห้านล้วนถูกยิงศีรษะตายหมด ที่แท้ก็คือเย้นโม่หลิน รีบมาได้ทันเวลาพอดี
ในที่สุดก็หาคนในครอบครัวเจอ เย้นหว่านแสบจมูก พูดออกมาอย่างซาบซึ้งว่า
“พี่ชาย รีบมาช่วยเร็ว!”
โห้หลีเฉินใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว