บนเครื่องเงียบสงบในพริบตาเดียว นอกจากบอดี้การ์ดสองคนที่นั่งอย่างเฉยเมยเหมือนกับแบล็คกราวแล้ว ก็มีแต่เย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟย
เย้นโม่หลินเม้มริมฝีปากอันบางๆ และมองดูกู้จื่อเฟยด้วยแววตาที่สลับซับซ้อน
เขาขมวดคิ้วด้วยความเสียใจ และสับสนวุ่นวายใจมากเลยทีเดียว คำพูดของต้วนอานเมื่อสักครู่ เขาได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ตอนนี้เขาหงุดหงิด และดุดัน หรือเป็นเพราะว่าเขาง้อกู้จื่อเฟยไม่สำเร็จ?
เป็นเพราะเธอหรือ?
เย้นโม่หลินส่ายหน้า ไม่เชื่อหรอกน่ะ ไม่ใช่หรอกน่ะ เขาจะไม่กลายเป็นแบบนี้ เพราะผู้หญิงคนหนึ่งหรอก
ต้องเป็นต้วนอานแน่ๆที่ไม่พอใจ จึงพูดเหลวไหล
เย้นโม่หลินกัดฟัน และไม่คิดมากกับคำถามนี้จึงย้ายสายตาไปที่อื่นซะเลยดีกว่า
บนเครื่องบิน เงียบสงบไปอย่างสิ้นเชิง
กู้จื่อเฟยมองดูนอกหน้าต่าง เย้นโม่หลินมองดูไอแพดของเขา
ทั้งสองคนไม่มีการการเจรจา เหมือนกับว่าเป็นคนแปลกหน้าที่นั่งเครื่องลำเดียวกัน ลงจากเครื่อง ก็จากกันทางใครทางมัน ไม่มีการเจรจากันอีกเลย
กู้จื่อเฟยมองดูนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ เศร้าใจ และเงียบกริบ
ยิ่งรู้อย่างชัดเจนจากจิตใต้สำนึก ลงจากเครื่อง แล้วมองดูเย้นหว่าน ก็ถึงเวลาที่ต้องล่ำลากันแล้ว
ถึงแม้ในใจยังมีอารมณ์อีกมากมาย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น
เธอไร้เรี่ยวแรง ยิ่งรู้สึกว่าเป็นการสูญเปล่า
ส่วนเย้นโม่หลินเล่นไอแพดอยู่ กลับกำลังทำเรื่องราวเรื่องหนึ่งที่ทำให้ต้วนอานอ้าปากค้าง และงงเหมือนไก่ตาแตก
ยี่สิบนาทีผ่านไป
เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินมา ขับด้วยความเร็วสูงในระดับเดียวกันและเรียงเป็นแถวเดียวกัน
จากนั้น ทั้งสองฝ่ายเจรจากัน และเปิดประตูพร้อมเรียงกัน
ลมพัดเข้ามาข้างใน พัดเข้ามาในร่างกายของกู้จื่อเฟย ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมาด้วยความสงสัย
ก็ได้พบเห็นต้วนอานที่กำลังยืนอยู่หน้าประตู ในมือจับเชือกเส้นหนึ่งเอาไว้ และกำลังลากจูง
พวกเขากำลังทำอะไรเนี่ย?
กู้จื่อเฟยสงสัย มองออกไปข้างนอกผ่านหน้าต่าง
พบเห็นแค่ระหว่างเฮลิคอปเตอร์ มีเชือกสองเส้นเชื่อมโยงกัน บนเชือกเส้นหนึ่ง มีหม้อดินใบหนึ่งหมัดไว้อย่างตกตะลึง!
เชือกทั้งสองเส้นดึงกระชากกันไปมา หม้อดินก็ค่อยๆขยับมาทางเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขา
กู้จื่อเฟยอ้าปากค้าง ในหัวสมองมีการคาดเดาที่เชื่อถือไม่ได้อย่างยิ่ง
หรือว่านี่คือการใช้เครื่องบินส่งยาบำรุง?
นี่มันช่าง ช่าง………..ฟุ่มเฟือยไปแล้วมั้ง!
ใครกันนะช่างคิดได้ ถึงกับคิดวิธีแบบนี้ออกมาได้
หลังจากผ่านไปได้สักพัก หม้อดินมาถึงที่เครื่องบินอย่างปลอดภัย ประตูเครื่องได้ปิดสนิท
หลังจากผ่านไปอีกสักพัก ต้วนอานจึงยกถาดใบหนึ่ง และเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำซุปถ้วยหนึ่ง
เขาวางไว้ตรงหน้ากู้จื่อเฟยด้วยความระมัดระวัง แล้วพูดว่า
“คุณหนูกู้ครับ ดื่มน้ำซุปร้อนๆครับผม น้ำซุปถ้วยนี้ดีต่อร่างกายของคุณนะครับ”
มองเห็นน้ำซุปตรงหน้า การคาดเดาที่เหลวไหลของกู้จื่อเฟย ถึงกับได้รับการพิสูจน์แล้ว!
เป็นการใช้เครื่องเฮลิคอปเตอร์ส่งซุปบำรุงให้กับเธอจริงๆซะด้วย
สีหน้าของเธอสลับซับซ้อน ถือซุปบำรุงไว้ในมือซึ่งได้มาไม่ง่ายเลยอย่างเข้มงวด
เธอพูดด้วยความซาบซึ้งใจว่า “ต้วนอาน ขอบคุณนะ”
ต้วนอานรีบผายมือ และพูดอย่างยิ้มแย้มว่า
“ผมไม่ได้เป็นคนคิดวิธีนี้นะครับ เป็นคุณชายเราต่างหากที่สั่งการด้วยตัวเอง คุณหนูกู้ครับ คุณจะขอบคุณ ก็ขอบคุณคุณชายเถอะนะครับ”
พูดจบอย่างหัวเราะชอบใจ ต้วนอานมองดูเย้นโม่หลินอย่างมีความหมายลึกซื้ง แล้วก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
พยายามไม่ไปเป็นก้างขวางคอ
ทั้งดีใจและประหลาดใจยิ่งนัก ในที่สุดคุณชายก็คิดออกจนได้ ถึงกับคิดออกว่าใช้เครื่องบินส่งซุปบำรุง
ภาพเหตุการณ์ที่ตกตะลึงขนาดนี้ และความห่วงใยที่โรแมนติกขนาดนี้ คุณหนูกู้ต้องซาบซึ้งใจอย่างแน่นอน
ที่แท้คุณชายของเขาฉลาดแต่ไม่แสดงออก เวลาเป็นห่วงเป็นใยใครสักคนเนี่ย ทำเรื่องได้ตามความเป็นจริงมากเลยทีเดียว
ได้ยินคำพูดนี้ของต้วนอาน จู่ๆกู้จื่อเฟยรู้สึกว่าถ้วยซุปในมือร้อนเล็กน้อย ทำให้เธอถือไม่นิ่ง
นี่ทำให้เธอตกตะลึง ยิ่งกว่าที่เธอรู้ว่าส่งซุปบำรุงมาจากเครื่องบินเสียอีก
เรื่องนี้ เย้นโม่หลินถึงกับจัดการด้วยตัวเองเชียวหรือ
เขา…………..
แววตาของเธอเปล่งประกายไม่หยุดหย่อน มองดูเขาด้วยความไม่เข้าใจ
เย้นโม่หลินมองดูหน้าตาท่าทางกู้จื่อเฟยที่จ้องมองตัวเองแบบอยากพูดแต่ไม่พูด สีหน้าจึงไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองซะเท่าไร
พูดแบบแข็งทื่อว่า “เฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ใต้นามของผมมีตั้งเยอะแยะมากมาย ก็แค่จัดการแบบเรื่อยเปื่อยก็เท่านั้นเอง คุณรีบดื่มสิ ซุปใกล้เย็นแล้ว”
ต้วนอานที่เพิ่งเปิดประตูเครื่องฝั่งคนขับ “……”
คุณชายครับ คุณไม่พูดจาไม่มีใครหาว่าคุณเป็นใบ้หรอกนะครับ!
ที่สำคัญแบบนี้เค้าเรียกว่าจัดการแบบเรื่อยเปื่อยซะที่ไหนกันเล่า ไม่เคยเห็นเลยว่าคุณส่งซุปด้วยเครื่องบินให้กับคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นซุปที่แย่งมาจากHealth Clubระดับห้าดาวอีกต่างหาก
กู้จื่อเฟยได้ยินคำพูดนี้ แววตาที่เปล่งประกาย มืดมนในพริบตาเดียว
เธอยกมุมปากด้วยการประชดประชัน ใช่สินะ สำหรับเย้นโม่หลินแล้วเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องที่สั่งไปแบบเรื่อยเปื่อยก็เท่านั้นเอง เธอถึงกับรู้สึกว่านี่เป็นสิทธิพิเศษที่แตกต่างกัน?
ช่างน่าสมเพช คิดมากไปแล้วจริงๆ
เธอจับถ้วยน้ำซุปแน่นๆ และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ขอบคุณค่ะ”
เธอก้มหน้าก้มตา และดื่มซุปอย่างช้าๆ
ในปาก กลับไม่รู้รสชาติอะไรเลย มีแต่ความขมขื่น
ตอนที่ฟ้าใกล้มืด เครื่องเฮลิคอปเตอร์ก็มาถึงที่บ้านเดี่ยวเรียบร้อยแล้ว
กู้จื่อเฟยรู้ว่าเย้นหว่านอยู่ที่นี่ ลงจากเครื่อง ก็อดใจไม่ไหวที่จะไปพบเจอกับเย้นหว่าน
แต่ว่าตรงหน้ามีบ้านเดี่ยวตั้งหลายหลัง รอบๆก็มีบอดี้การ์ดยืนอยู่เต็มไปหมด ชัดเจนมากเลยทีเดียวล้วนเป็นถิ่นของเย้นโม่หลิน
เธอขมวดคิ้ว หันหน้าไปถามว่า “เสี่ยวหว่านพักอยู่ในบ้านเดี่ยวหลังไหน?”
“ผมพาคุณไปเอง”
เย้นโม่หว่านก้าวขาที่เรียวยาว และเดินตรงไปบ้านเดี่ยวที่เย้นหว่านพักอยู่
กู้จื่อเฟยมองดูข้างหลังของเขา หดหู่ใจ และทรมานเล็กน้อย
เธอเม้มปาก ไม่คิดมากอีกแล้ว โยนความเศร้าเหล่านั้นออกไปจากหัวสมองชั่วคราว
ถัดมา เดินไปข้างหน้ากับเย้นโม่หลินอย่างรวดเร็ว
เพิ่งเดินไปถึงหน้าประตูอีกหลังหนึ่ง ประตูบ้านเดี่ยวก็เปิดออกมาจากข้างใน
เย้นหว่านยืนอยู่ประตูข้างใน มองดูกู้จื่อเฟยด้วยความตื่นเต้น
เธอเรียกว่า “จื่อเฟย!”
กู้จื่อเฟยหยุดฝีเท้าทันที ลืมตาโตแล้วมองดูรูปร่างที่ตัวเล็กซึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตู
เป็นเย้นหว่านจริงๆซะด้วยสิ!
เป็นเธอจริงๆด้วย!
แววตากู้จื่อเฟยแดงก่ำในพริบตาเดียว น้ำตาตกลงมาอย่างอดกลั้นไม่ไหว
เธอพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น“เสี่ยวหว่าน เธอไม่เป็นไรจริงๆใช่มั้ย?”
เย้นหว่านก็มองดูกู้จื่อเฟยตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างรวดเร็ว เห็นว่าร่างกายของเธอไม่มีบาดแผล ถึงโล่งใจอย่างเงียบๆ
เธอรีบวิ่งออกมาจากประตูข้างใน และกระโจนเข้าไปกอดกู้จื่อเฟย
“ฉันไม่เป็นไร เธอต่างหากหล่ะ ฉันเป็นห่วงจะแย่!”
กู้จื่อเฟยอึ้งไปสักครู่ และยื่นมือไปกอดเย้นหว่านเช่นกัน
น้ำตาของเธอ ไหลออกมาอย่าง“พรั่งพรู”
เธอสะอึกสะอื้นอย่างสั่นกระตุก“เสี่ยวหว่าน เธอไม่เป็นอะไรเธอไม่เป็นอะไรช่างดีจริงๆ!ช่างเยี่ยมมากเลย!”
ฟ้ารู้ดี คิดว่าช่วงนี้เย้นหว่านเกิดเรื่อง เธออยู่อย่างโทษตัวเอง อยู่อย่างตายทั้งเป็น หากว่าเย้นหว่านตายจริงๆทั้งชีวิตนี้เธอก็จะอยู่ในเงามืด ไม่อาจลืมได้เลย
ส่วนตอนนี้เย้นหว่านยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งพลอยทำให้กู้จื่อเฟยที่เสียอกเสียใจ และหัวใจที่เศร้าหมอง ก็กลายเป็นสดใสขึ้นมาทันที
กู้จื่อเฟยกอดเย้นหว่านไว้อย่างแน่นๆ ทั้งร้องไห้และทั้งหัวเราะ
“เสี่ยวหว่าน ฉันดีใจมากเลยจริงๆ เธอไม่เป็นอะไร เธอไม่เป็นอะไร!ฉันเหมือนกับฝันชัดๆ ฉันคิดถึงเธอจะแย่อยู่แล้ว”
เย้นหว่านกอดกู้จื่อเฟยไว้ สามารถรับรู้ถึงร่างกายที่สั่นกระตุกของเธออย่างชัดเจน
เธอไม่เคยเห็นหน้าตาที่กลัวและโทรมของจื่อเฟยแบบนี้มาก่อน
เย้นหว่านตบหลังของเธอด้วยความเอ็นดู และพูดด้วยความเสียใจว่า “ขอโทษนะ ที่ทำให้เธอเป็นห่วง”
และทำให้เธอทุกข์ทรมาน