บทที่618 เรื่องครอบครัวของตระกูลหยู
เฮลิคอปเตอร์ลงจอดแล้ว
เย้นโม่หลินลงจากเครื่องคนแรก
ทุกคนในตระกูลหยูต่างยิ้มต้อนรับ แต่สายตากลับมองไปที่ด้านหลังเขาอย่างลุกเป็นไฟ
ตามข่าวบอกมาว่า โห้หลีเฉินก็มาด้วย
ก่อนหน้านี้ ตระกูลหยูสั่งคนไปจับโห้หลีเฉินที่ตระกูลเย้นกลับมา ก็ถูกเย้นโม่หลินหักหลังเสียก่อน ทำร้ายบอดี้การ์ดตระกูลหยูจนยับเยิน และนำตัวโห้หลีเฉินไปเอง
แม้ไม่รู้ว่าเย้นโม่หลินคิดจะทำอะไร แต่ดูท่าเย้นโม่หลินกับโห้หลีเฉินจะเป็นพวกเดียวกัน จะจัดการโห้หลีเฉิน คงเป็นเรื่องที่ยากแล้วล่ะ
เป็นตามว่า ภายใต้สายตาที่เฉียบคมของทุกคน ก็เห็นโห้หลีเฉินเดินลงจากเฮลิคอปเตอร์ตามหลังลงมา
เป็นเขาจริง สายตาหยูฉู่สองเย็นชาและมืดมนลงทันที
พวกบอดี้การ์ดก็เคลื่อนย้ายมือไปจับอาวุธทันที เตรียมตัวจับคนอยู่ทุกเมื่อ
บรรยากาศกดดันขึ้นมาในทันที อันตรายรอบด้าน
โห้หลีเฉินกลับมีสีหน้าเรียบเฉย เหมือนไม่ได้สังเกตศัตรูรอบด้านเลย เดินลงจากเครื่องก็หันไปอย่างสง่า ยื่นมือไปทางเครื่องบิน
ภายใต้สายตาของทุกคน มีมือเล็กๆวางลงบนฝ่ามือของเขา
ก็เห็นเย้นหว่านจับมือโห้หลีเฉินลงมา เดินลงจากบันไดทีละขั้นจากการพยุงของเขา
ทุกคนมองไปที่เย้นหว่าน ก็ต่างตกใจกันหมด
เย้นหว่าน?
เธอมาที่นี่ทำไมกัน?
เธอแต่งงานกับหยูซือห้านแล้วฮันนีมูนกันอยู่ด้านนอกนี้
แต่ตอนนี้ดูเธอกับโห้หลีเฉินแล้ว สายตาที่มองกันนั้น ดูหวานซึ้งมาก ดูแล้วก็เหมือนคู่รักกันไม่มีผิด
งั้น หยูซือห้านล่ะ?
สีหน้าหยูฉู่สองบึ้งตึงขึ้นไปอีก เขาไม่พูดดีกับเย้นโม่หลินอีก สายตาที่แหลมคมเหมือนดั่งมีดที่ฟันไปที่ตัวโห้หลีเฉิน
เขาพูดเสียงเข้มและดุดันว่า
“โห้หลีเฉิน นายยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ? หยูซือห้านล่ะ นายทำอะไรกับเขาหรือเปล่า?”
หลังจากงานแต่ง หยูซือห้านควรพาเย้นหว่านมาตระกูลหยูสิ จัดการกับเรื่องรับตำแหน่งให้เสร็จก่อน
หลังจากวันนั้น หยูซือห้านมีธุระเลยยืดระยะเวลาในการกลับออกไป บอกว่าจะพาเย้นหว่านไปฮันนีมูน
พวกเขาก็อนุญาต แต่หลายวันก่อน พวกเขาก็ขาดการติดต่อจากหยูซือห้านไป
คนตระกูลหยูมีเรื่องตัวเองต้องทำอยู่แล้ว ก็คงไม่อยู่ในสายตลอด แต่ก็มีโทรศัพท์สายใน ถ้ามีการตามหาเร่งด่วน จะต้องติดต่อได้แน่นอน
แต่หยูฉู่สองใช้โทรศัพท์เร่งด่วนแล้ว ก็ติดต่อหยูซือห้านไม่ได้
เขากำลังกังวลอยู่ หยูซือห้านจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า ในตอนนั้นเอง โห้หลีเฉินกลับมาที่นี่ และยังพาเย้นหว่านมาอย่างเปิดเผยอีก!
งั้นหยูซือห้าน เป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแล้ว
“โห้หลีเฉิน ท่านอาวุโสตระกูลหยูประชุมตัดสินใจกันแล้วว่า จะตัดสิทธิ์การรับตำแหน่งทายาทของนาย มีหยูซือห้านเข้ารับแทน ถึงแม้นายจะไม่พอใจยังไง ก็เป็นเรื่องที่เราตัดสินแล้ว ถ้ามีการทำร้ายทายาทละก็ ชีวิตของนาย จะเป็นอันตรายเอาได้นะ”
เสียงของหยูฉู่สองเข้มงวด มีการตักเตือนและข่มขู่รวมๆกัน
ในใจเขา หรือคนทั้งตระกูลหยูนั้น ต่างเห็นด้วยกับตัวตนของหยูซือห้านกันหมดแล้ว
และโห้หลีเฉินสำหรับพวกเขาแล้ว กลายเป็นคนไม่สำคัญอีกต่อไป นอกจากจะต้องจับมาฆ่าแล้ว ก็ไม่มีความสำคัญอะไรมากอีก
โห้หลีเฉินจับมือเล็กของเย้นหว่านไว้ สายตามองดูหยูฉู่สองที่ยืนอยู่ไกลอย่างเย็นชา
คนผู้นี้ ทั้งที่เป็นคุณปู่แท้ๆของเขา แต่กลับใจร้ายซะจนเหมือนไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ในสายตาเขา มีแต่ตระกูล และผลพลอยได้เท่านั้น
ทั้งตระกูลหยู ยิ่งเป็นตระกูลเลือดเย็นที่หวังแต่ผลประโยชน์
ทำให้รู้สึกผิดหวังมาก
โห้หลีเฉินปล่อยมือเย้นหว่านลงเบาๆ ก้าวเดินไปตรงหน้าหยูฉู่สองไป
เย้นหว่านยืนมองแผ่นหลังโห้หลีเฉินนิ่งๆ หัวใจหดเกร็งไปทันที รู้สึกกังวลใจอย่างมาก
คนตระกูลหยูเห็นได้ชัดว่าคิดไม่ซื่ออยู่ และยังลงมือทำร้ายโห้หลีเฉินได้ทุกเมื่ออีกด้วย
แต่บาดแผลบนตัวเขายังไม่หายดีเลย เขาเดินไปคนเดียวแบบนี้ จะเป็นอันตรายหรือเปล่านะ?
เย้นหว่านรู้สึกไม่สบายใจเลยจริงๆ เธออยากจะเดินไปหาโห้หลีเฉิน ยืนอยู่เคียงข้างเขา
เย้นโม่หลินกลับคว้ามือเธอไว้
เขาพูดเสียงเข้มว่า “นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวตระกูลหยู ให้เขาจัดการเอง”
เย้นหว่านจึงต้องจำใจหยุดลง มองโห้หลีเฉินอย่างเป็นห่วงไกลๆ
ภายใต้สายตาที่เฉียบแหลมของทุกคน โห้หลีเฉินไม่สะทกสะท้านอะไรเลย และยังเดินไปอย่างใจเย็น ไปตรงหน้าหยูฉู่สองทีละก้าว
เขามองอย่างเย็นชา กวาดสายตามองท่านอาวุโสตระกูลหยูอย่างเรียบเฉย
ต่อมาก็เปิดปากเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า
“คุณปู่”
มีเพียงเขาที่มีสิทธิ์เรียกแบบนี้
สองคำนี้ ทำเอาสีหน้าหยูฉู่สองเปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาที่เข้มงวดก็ลดลงเล็กน้อย
ขนาดเขายังเกือบลืมไปแล้วว่า เด็กที่อยู่ตรงหน้าของเขา เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา และยังเป็นหลานชายคนเดียวของเขา
มีสายเลือดเชื่อมโยงกันจริงๆ
ตอนแรกที่เขากลับมาตระกูลหยู เขาเป็นคนที่มีสิทธิ์ในตำแหน่งทายาทของตระกูลหยูมากที่สุด แต่เขากับไม่เชื่อฟัง ควบคุมไม่ได้
เขาให้โอกาสโห้หลีเฉินหลายครั้งแล้ว ให้เขาเรียนรู้การเชื่อฟัง แต่โห้หลีเฉินกลับขัดคำสั่งเขา
“โห้หลีเฉิน ในเมื่อนายยังยอมรับฉันว่าเป็นปู่ ก็ฟังคำสั่งของฉัน! เรื่องที่จะเปลี่ยนตัวทายาท กลายเป็นเรื่องที่ตัดสินใจแล้ว นายจะรับได้ไหม ก็ต้องยอมรับตามนั้นให้ได้
นายวางใจได้ หลังจากการลงโทษการยกเลิกสิทธิ์ทายาทแล้ว ฉันจะไว้ชีวิตนาย และยังจะส่งนายไปเมืองหนาน ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างปลอดภัย”
ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างปลอดภัยงั้นเหรอ? อัมพาตครึ่งท่อน เดินเองไม่ได้ เป็นคนหรือวิญญาณ ชีวิตภายหลังนี้ก็พังทลายไปหมดแล้ว
ไว้ชีวิตไว้ เพื่อใช้ชีวิตไปวันๆงั้นเหรอ?
เป็นความรักของคุณปู่ที่แท้จริงเลย เฮอะ!
โห้หลีเฉินพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าฉันไม่ล่ะ?”
สีหน้าของหยูฉู่สองเย็นชาลงทันที สายตาเฉียบคมเหมือนดั่งมีด อันตรายอยู่รอบด้าน
ด้านหลังของเขา มีท่านอาวุโสผมสีขาวเงินชักสีหน้าเคร่งขมวดอยู่ด้านหลัง พูดด่าว่า
“โห้หลีเฉิน นายคิดว่า นายมีสิทธิ์พูดไม่งั้นเหรอ?!”
พอพูดจบ บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่รอบๆ ก็รีบชักปืนออกมาทันที ปลายกระบอกปืนสีดำ เล็งไปที่โห้หลีเฉินอย่างแม่นยำ
พอเห็นภาพนี้ เย้นหว่านก็สูดหายใจเข้าทันที หัวใจเต้นเร็วและแรง
เธอตื่นเต้นจนอยากเข้าไปขัดขวาง
เย้นโม่หลินยังคงดึงเธอไว้ พูดด้วยสีหน้าเคร่งครึ้มว่า “นี่เป็นเรื่องครอบครัวตระกูลหยู”
เธอไม่ควรเข้าไปแทรก
เย้นหว่านรู้สึกเย็นวาบที่หลัง หัวใจปะทุไปด้วยไฟที่โกรธแค้น
โห้หลีเฉินเคยกันกระสุนให้เธอ และอันตรายทุกอย่าง ตอนนี้เขาเจอกับคนชั่วร้ายที่มาบีบบังคับและข่มขู่ เธอจะเป็นคนดูอย่างใจเย็นแบบนี้ได้ยังไง?
“เรื่องครอบครัวของเขา ก็เป็นเรื่องของฉันด้วย!”
เย้นหว่านพูดอย่างแน่วแน่ ก็สะบัดมือเย้นโม่หลินออก วิ่งไปข้างๆโห้หลีเฉินทันที
เย้นโม่หลินมองดูแผ่นหลังของเย้นหว่านด้วยสายตาครึ้มๆ และขมวดคิ้วเป็นปม
ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่แน่นอน เย้นหว่านไม่ควรสนิทกับโห้หลีเฉินแบบนี้
เผชิญหน้ากับกระบอกปืนนับสิบในที่อันตรายแบบนี้ โห้หลีเฉินกลับไม่ขมวดคิ้วเลยด้วยซ้ำ เขายังคงใจเย็นเหมือนเดิม
แต่พอเห็นเย้นหว่านมาข้างตัวเอง ดวงตาเขาก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง