“ถ้าหากคุณมีผู้หญิงที่ชอบจริงๆ ฉันไม่สนจะด้วยวิธีอะไรก็ตาม ต้องช่วยคุณจีบให้ได้เป็นไงล่ะ?”
เย้นหว่านกดอารมณ์ในใจ มองดูกู้ซึงเช่นกัน “รอคุณแต่งงานแล้ว ฉันจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับคุณเอง บริการอย่างครบวงจรและส่งเข้าไปในเรือนหอเลย ดีมั้ย?”
กู้ซึงมองดูเย้นหว่านด้วยแววตาที่ลึกๆ
ที่เขาชอบ?เกรงว่าเธอคงไม่สามารถช่วยเขาจีบด้วยตัวเองหรอกนะ
มุมปากยังคงยกรอยยิ้มที่ดีใจออกมา กู้ซึงพูดว่า “ดีเลยครับ ตกลงตามนี้ ภรรยาของผมให้คุณรับผิดชอบแล้วนะ!”
มองดูหน้าตาที่คาดหวังของกู้ซึง อารมณ์ที่หนักหน่วงของเย้นหว่าน ในที่สุดก็สบายใจขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว
ยังไงก็ดี เธอสามารถทำอะไรเพื่อชดเชยให้กับเขาบ้างแล้ว
เรื่องที่หาภรรยาให้กับเขา เธอเริ่มคิดแล้วว่าผู้หญิงบ้านไหนไม่เลว
กู้จื่อเฟยมองดูกู้ซึงด้วยสายตาที่สลับซับซ้อน ตามที่เธอเข้าใจสำหรับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องคนนี้ เขาไม่ได้อยากแต่งงานจริงๆหรอก……
แต่ว่าทำไมเขาต้องพูดกับเย้นหว่านเช่นนี้?วันนี้นับตั้งแต่พวกเขาเดินเข้ามาในห้อง การกระทำและกิริยาท่าทางของกู้ซึงก็ผิดไปจากปกติมากเลยทีเดียว
กู้จื่อเฟยกำลังคิดอย่างสงสัย ผู้ชายสองคนที่รูปร่างสูงใหญ่ก็ได้ปรากฏตัวที่หน้าประตูเรียบร้อยแล้ว
ลมหายใจที่แข็งแกร่งดังเข้ามา เหมือนกับว่าความกดอากาศในห้องก็ต่ำลงไปด้วย
โห้หลีเฉินเดินตรงไปข้างกายเย้นหว่านโดยตรง ยื่นมือโอบกอดไหล่ของเธอ และกอดเธอไว้ในอ้อมอก
เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เย้นหว่าน พ่อแม่คุณรอคุณอยู่นะ”
กู้ซึงมองเห็นท่าทางของโห้หลีเฉิน แววตามืดมนอย่างควบคุมไม่ได้
ถึงแม้บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มที่ไม่มีช่องโหว่ เพียงแต่ว่ายังไงซะลมหายใจก็ต่ำลงไปมากเลยทีเดียว
กู้จื่อเฟยหรี่ตามองกู้ซึง
เย้นหว่านถูกโห้หลีเฉินกอดไว้ในอ้อมอก คิดถึงเรื่องใหญ่ที่เธอกับโห้หลีเฉินต้องเผชิญเมื่อเร็วๆนี้ ขอร้องพวกเขาอนุญาตให้เธอคบกับโห้หลีเฉิน
เรื่องนี้ สามารถพูดได้เลยว่ายากมากเลยทีเดียว
ไม่สบายใจเล็กน้อย ความสนใจของเย้นหว่านถูกกระชากไปหมดในพริบตาเดียว เธอมองดูโห้หลีเฉินด้วยแววตาที่กะพริบ
“คุณมั่นใจแค่ไหน?”
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบางๆ “ไม่เท่าไหร่”
แววตาของเย้นหว่านกะพริบอย่างดุร้าย จับมือของโห้หลีเฉินอย่างแน่นๆจากจิตใต้สำนึก
เขาพูดแล้วว่าไม่ค่อยมั่นใจ ถ้าอย่างนั้นพ่อแม่ของเขาจะอนุญาตพวกเขาหรอ?
ไม่อนุญาตหล่ะทำยังไงดี?
เหตุการณ์ของโห้หฃีเฉินในตอนนี้ เสียเวลาต่อไปไม่ได้แล้วนะ
เย้นหว่านกังวลใจ พูดอย่างขมวดคิ้วว่า “ไปเถอะ เราไปกันเถอะ”
เป็นตายร้ายดี ก็ขอให้ได้เจอกงจืออวีพวกเขาก่อน
โห้หลีเฉินพยักหน้า โอบกอดเย้นหว่านและหันหลังไปทันที
วินาทีที่หันหลัง เย้นหว่านก็ไม่ได้ลืมกู้ซึง พูดกับเขาว่า
“กู้ซึง คุณพักฟื้นอาการบาดเจ็บก่อนนะ ฉันไปทำธุระหน่อย เดี๋ยวค่อยกลับมาเยี่ยมคุณ”
“ได้เลยครับ” กู้ซึงพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม ส่งเย้นหว่านจากไปด้วยแววตาที่อ่อนโยน
จนกว่าเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินจากไปโดยที่ไม่เห็นร่างเงาแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ซึง ถึงค่อยๆหายไปอย่างแข็งทื่อ
เขาขมวดคิ้ว มองดูสีหน้าแล้วมีความกลุ้มใจ
หน้าตาที่สดใสและดีใจซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ ราวกับคนละคน
กู้จื่อเฟยไม่ได้ไปกับพวกเขา มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของกู้ซึงด้วยตัวเอง การคาดเดาในใจได้รับการพิสูจน์แล้ว
กู้ซึงมีเรื่องในใจจริงๆด้วย
“พี่ชาย”
กู้จื่อเฟยเดินไปที่เตียงและนั่งลงไป ถามด้วยการทดลองว่า “พี่ชอบเสี่ยวหว่านเข้าแล้ว ใช่รึเปล่าคะ?”
กู้ซึงอึ้งทันที สีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อย น้ำเสียงปรับสูงขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
“เธอล้อเล่นอะไรอ่ะ?!พี่จะชอบหล่อนได้ไง”
ปฏิเสธเร็วเท่าไหร่ ก็ดูกินปูนร้อนท้องมากเท่านั้น
กู้จื่อเฟยขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว มองดูกู้ซึงด้วยสีหน้าที่สลับซับซ้อน
กู้ซึงถูกเธอมองจนกินปูนร้อนท้องมากยิ่งขึ้น ก็เหมือนกับถูกคนกระชากหน้ากาก มองความลับที่ซ่อนไว้ในวิญญาณอย่างทะลุปรุโปร่ง
“เฮ้ย”
ผ่านไปสักพัก กู้ซึงถอนหายใจอย่างจนหนทาง“ทำไมสายตาเธอต้องแหลมคมขนาดนี้ด้วน?ยังไงก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”
ตัวเขาเองยังไม่อยากยอมรับเลยด้วยซ้ำ
เพียงแต่ว่าอิสระชัดๆ ตอนที่อยู่บนทะเล เย้นหว่านใช้มีดจี้คอตัวเอง เขาก็รักเธอเข้าแล้วอย่างควบคุมไม่ได้
ต่อให้ ความรักครั้งนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไร้ความหวังตั้งแต่แรกก็ตาม
กู้จื่อเฟยมองดูหน้าตาที่ท้อแท้ของกู้ซึง เอ็นดูเขาเหลือเกิน
ผ่านเรื่องร้ายๆ กลับรักคนที่ไม่สามารถครอบครองได้
กู้จื่อเฟยเสียงแหบแห้ง “พี่ชายคะ พี่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะคะ”
กู้ซึงในเมื่อก่อน เป็นลูกคนรวย ชอบสาวคนไหนต่อให้ฝ่ายตรงข้ามมีสามีแล้วก็ตาม ก็ต้องตามจีบให้ได้
ตอนนี้ กลับพยายามควบคุมความรักของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นไม่อยากให้เย้นหว่านรู้ เพื่อไม่เป็นการสร้างความทุกข์ให้กับเธอ
มิเช่นนั้น ตามบุญคุณที่กู้ซึงช่วยเหลือชีวิต ไม่แน่อาจจะเพิ่มความวุ่นวายให้กับเย้นหว่านและโห้หลีเฉิน
กู้ซึงเงยหน้าขึ้นมามองกู้จื่อเฟย เชอะเสียงหนึ่งครั้ง
“เธอคิดว่าพี่เต็มใจให้พวกเขาสมหวังกันงั้นหรอ?ถ้าไม่ใช่พี่สู้โห้หลีเฉินไม่ได้ พี่เข้าไปแย่งชิงตั้งนานแล้ว!”
กู้จื่อเฟย “……”
เธอมองกู้ซึงผิดไปอีกแล้ว
เย้นหว่านและโห้หลีเฉินไปที่บ้านพักพร้อมกัน
ในห้องรับรอง เย้นเจิ้นจื๋อและกงจืออวีนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเรียบร้อย สีหน้าเข้มขรึม แสดงความมีอำนาจออกมา ทำให้มองดูเข้มงวดกวดขันเป็นพิเศษ
วินาทีที่เย้นหว่านเดินเข้าไปในห้องรับรอง ถึงกับเหมือนกับเดินเข้าไปในศาลตัดสินคดีสมัยก่อน
เธอไม่สบายใจและตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้
โห้หลีเฉินสังเกตเห็นอารมณ์ของเย้นหว่าน ฝ่ามือใหญ่โอบกอดเธอไว้แน่น
พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ข้างหูเธอว่า “ไม่ต้องกลัวนะ มีผมอยู่ทั้งคน”
ทุกอย่างมีเขาอยู่ เธอต้องการแค่ความสบายใจ
เย้นหว่านมองดูโห้หลีเฉินด้วยแววตาระยิบระยับ จู่ๆก็มีความกล้าหาญขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้ไม่เคยเจอพ่อแม่ที่เข้มงวดขนาดนี้มาก่อน แต่ขอแค่มีโห้หลีเฉินอยู่ข้างกาย เธอก็ไม่กลัวอะไรแล้ว
เย้นหว่านให้กำลังใจตัวเอง เดินเข้าไปข้างหน้าด้วยความแน่วแน่
กงจืออวีนั่งตัวตรง มองดูเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินที่จับมือกันอย่างแน่น ความกดอากาศรอบตัวยิ่งต่ำลง
เธอเอ่ยปากด้วยเสียงเย็นชา “เรื่องระหว่างพวกเธอตั้งแต่ต้นจนจบฉันรู้เรื่องหมดแล้ว ฉันขอบใจคุณมากนะโห้หลีเฉิน ที่คุณได้ช่วยเหลือเสียวหว่าน เสี่ยวหว่านสามารถให้ความสะดวกสบายและเงื่อนไขทุกอย่างแก่คุณ แต่ว่ามีแต่เงื่อนไขนี้ที่คุณคบกับเสี่ยวหว่าน เราอนุญาตไม่ได้”
กิริยาท่าทางแน่วแน่ ทุกถ้อยทุกคำไม่อาจเปลี่ยนแปลง
เย้นหว่านประหลาดใจ ก่อนมาได้คิดคำพูดที่ยาวเหยียดอยู่ในหัวสมอง เพื่อให้พ่อแม่อนุญาต กลับคิดไม่ถึงแม้แต่คำพูดเธอยังไม่ได้พูดเลยด้วยซ้ำ กงจืออวีก็ปฏิเสธพวกเขาอย่างแน่ชัดแล้ว!
เธอรู้เรื่องทุกอย่างที่เธอกับโห้หลีเฉินได้ผ่านเรื่องราวมาด้วยกัน แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนการตัดสินใจ?
เย้นหว่านตื่นตระหนก รู้สึกว่าขมขื่นเหลือเกิน
โห้หลีเฉินจับมือที่เย็นเฉียบของเย้นหว่านอย่างแน่นหนามองดูกงจืออวีกับเย้นเจิ้นจื๋อด้วยสายตาที่ร้อนแรง
ทุกถ้อยทุกคำ เสียงต่ำแต่หนักแน่น “ผมช่วยเย้นหว่านไม่ต้องการความซาบซึ้งใดๆ เธอเป็นผู้หญิงของผม ผมก็ต้องรับผิดชอบด้วยชีวิต และปกป้องเธอให้ปลอดภัยชั่วชีวิตครับ”
“ที่ผมมาในวันนี้ คืออยากให้พวกท่านอนุญาตให้ผมคบกับเธอ ผมอยากแต่งงานกับเธอ อยู่ด้วยกันไปจนชั่วนิรันดร์”
“คุณลุงเย้นครับ คุณป้าเย้นครับ รบกวนพวกท่านอนุญาตด้วย ให้ผมได้รับผิดชอบ ครึ่งชีวิตหลังของเย้นหว่านด้วยเถอะนะครับ”