บทที่ 649 บุกเข้ามา
เธอรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันที จากนั้นก็จัดการโทรศัพท์หาโห้หลีเฉินทันที ทว่าโทรศัพท์กลายเป็นเสียงจากระบบให้ติดต่อเข้ามาใหม่
นี่เป็นเบอร์ส่วนตัวของโห้หลีเฉิน เป็นสัญญาณที่ดีที่สุดใน 24 ชั่วโมง แล้วทำไมถึงโทรไม่ติดล่ะ?
เย้นหว่านยิ่งคิด ยิ่งรู้สึกหัวใจหวาดหวั่น
มิอาจจะเสียเวลาอีกแล้ว รีบใส่เสื้อผ้าทันที จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
เธอวิ่งมาที่ด้านหน้าห้องของกู้จื่อเฟย พลันเคาะประตูทันที “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
“ใครกัน?”
กู้จื่อเฟยที่กำลังงัวเงียจากอาการนอนหลับลึก
เย้นหว่านรีบพูดทันควัน “จื่อเฟย ก่อนนอนแกเห็นโห้หลีเฉินบ้างไหม?”
“ไม่เห็น”
ในห้องพลันมีเสียงงัวเงียดังตอบออกมา จากนั้น กู้จื่อเฟยก็ใส่ชุดนอนแล้วเปิดประตูห้อง
เมื่อเปิดประตูห้องแล้ว ก็เห็นท่าทางกระวนกระวายใจของเย้นหว่าน จึงรีบถามกลับทันที “เสี่ยวหว่าน เป็นอะไรไป? โห้หลีเฉินหายตัวไปเหรอ?”
เย้นหว่านพยักหน้าทันที “ฉันกลับมาพร้อมกับเขา แต่พอตื่นนอนแล้วก็ไม่เห็นเขาอีก ฉันเริ่มกังวลแล้วสิ”
“นี่แกอย่าเพิ่งร้อนใจไป ฉันจะไปหาเป็นเพื่อนแก บางทีเขาอาจจะจะมีเรื่องยุ่งอยู่ก็ได้”
กู้จื่อเฟยดึงชุดนอนเข้าหากัน จากนั้นก็เดินออกจากห้องนอน
เย้นหว่านเริ่มกระสับกระส่าย พลันรีบเดินทันควัน
เวลานั้นเอง พลันมีเสียงผู้ชายดังมาไม่ไกลนัก “ผมไปกับพวกคุณด้วย”
เมื่อมองไปตามเสียงแล้ว ก็เห็นว่ากู้ซึงเดินออกมาจากห้อง
เขาใส่ชุดนอนไซซ์ใหญ่ สีหน้าดูหนักแน่น เดินเหินอย่างเชื่องช้ามาก
เย้นหว่านตกตะลึงทันที พร้อมทั้งรีบปฏิเสธกลับ “ไม่ต้องหรอก ร่างกายของคุณยังไม่ค่อยดี นอนพักอยู่บนเตียงก็พอแล้ว”
กู้ซึงก็ยังคงเดินก้าวเท้ามุ่งหน้ามาหาเย้นหว่านไม่หยุดอยู่เช่นเดิม
“บาดแผลของฉันไม่เป็นไรแล้วแหละ มีคนเพิ่มก็จะมีสายตาสอดส่องเพิ่มอีกคู่ ยิ่งหาได้อย่างรอบคอบมากขึ้นกว่าเดิม อย่ามัวแต่พูดเลย ไปกันเถอะ”
ยังไม่ได้ให้โอกาสเย้นหว่านปฏิเสธเลย กู้ซึงก็หันตัว แล้วเดินออกไปยังด้านนอกแล้ว
การก้าวเท่านั้นไม่เร็วมาก แต่ว่าด้วยรูปร่างอันใหญ่โต จนทำให้มองจากภายนอกช่างหนักแน่นมาก
เย้นหว่านเริ่มเป็นห่วงร่างกายของเขาเล็กน้อย
ทว่าคนตัวโตเฉกเช่นเขา เธอก็มิอาจจะไปขัดขวางเอาไว้ได้ ในเวลานั้นเอง เริ่มไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
กู้จื่อเฟยจ้องมองกู้ซึงด้วยแววตาสับสน พร้อมทั้งเข้าใจสภาพจิตใจของเขาเป็นอย่างดี
ไม่มีวิธีอื่นแล้วก็เพราะว่ารักเย้นหว่าน พอเธอเกิดเรื่องขึ้น เขาก็ต้องอยากอยู่ข้างกายเธอ แค่ได้ช่วยสักนิดก็ยังดี
แม้ว่า ต้องฝืนทนความเจ็บปวดทั่วร่างกายเอาไว้ก็ตาม
กู้จื่อเฟยเข้าใจความรู้สึกของกู้ซึงดี พลางเม้มปากเอาไว้ จากนั้นก็คว้าแขนเย้นหว่านแล้วเอ่ยขึ้น
“เสี่ยวหว่าน อาการบาดเจ็บของพี่ชายก็ไม่ได้หนักหนาอะไรแล้ว เขาเดินได้แล้วเนี่ย แถมช่วยได้ แกก็ให้เขาไปกับพวกเราเถอะ”
ช่วงบ่ายกู้จื่อเฟยอยู่กับกู้ซึง น่าจะเข้าใจถึงอาการบาดเจ็บของกู้ซึง
เย้นหว่านเห็นกู้จื่อเฟยอยู่ในสภาพนี้แล้ว ถึงได้เชื่อว่ามันเป็นความจริง จากนั้นก็พยักหน้าให้ เพื่อเป็นการยินยอมแล้ว
กู้ซึงเดินอยู่ด้านหน้า ดีใจมาก
เขาทำเหมือนกับว่ามีแรงมากขึ้น ฝีเท้าที่ก้าวเดินออกไปด้านนอกยิ่งเร็วขึ้นเล็กน้อย
บริเวณลานสนามด้านนอกบ้านนั้นมีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าอยู่ กู้ซึงเดินออกไปก่อน พลันเอ่ยถามบอดี้การ์ดที่เฝ้าประตูอยู่
“คืนนี้เห็นโห้หลีเฉินออกไปหรือเปล่า?”
บอดี้การ์ดพยักหน้าให้ พร้อมตอบกลับมา “หลังจากส่งคุณหนูกลับมาแล้ว เขาก็ออกไปเลย” มาถึงก็ออกไปเลยเหรอ?
ระยะเวลาถึงตอนนี้ ก็ประมาณ 2-3ชั่วโมงแล้ว
เย้นหว่านที่ใจยังร้อนรนอยู่ รีบถามกลับอย่างเร่งรีบทันที “เห็นว่าเขาไปไหนไหม?”
บอดี้การ์ดตอบทันที “ประมาณว่าไปทิศนั้น ส่วนรายละเอียดว่าไปไหนนั้นผมก็ไม่ทราบได้”
เย้นหว่านมองตามมือของบอดี้การ์ด ชี้ไปทางบ้านที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นบ้านของพ่อแม่ของเธออยู่ทางนั้น
หรือว่า โห้หลีเฉินไปคุยกับกงจืออวี?
เป็นไปได้มาก
เย้นหว่านพูดไปก็เดินไป “เดินไปดูสักหน่อย”
กู้จื่อเฟยกับกู้ซึงก็เดินตามทันที
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ที่พักของกงจืออวี ความรู้สึกของเย้นหว่านก็พบว่ามีอะไรบางอย่างไม่เหมือนเดิม
บ้านหลังนี้เป็นตำแหน่งศูนย์กลางที่สุดของตระกูลเย้น ด้านนอกมีการคุ้มกันที่ค่อนข้างเข้มงวดมาก บริเวณตรงนี้ไม่มีค่อยมีคนเดินเข้ามาได้ตามอัธยาศัย ดังนั้นโดยปกติแล้วก็จะมีบอดี้การ์ด 3-4 คนมาคอยเฝ้าเอาไว้
ทว่าวันนี้ แค่รอบนอก ก็สามารถเห็นบอดี้การ์ด 8-9 คนยืนอยู่
เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมต้องเพิ่มบอดี้การ์ดมากมายถึงเพียงนี้ด้วย?
ในใจของเย้นหว่านนั้นไม่สบายใจเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งเดินเข้าไปอย่างรีบเร่ง
เมื่อเดินถึงประตู พลันมีบอดี้การ์ดสองคนเข้ามากั้นเธอเอาไว้
ทางบอดี้การ์ดใช้น้ำเสียงอย่างมีมารยาทมาก แต่การยืนนั้นไม่มีอะไรที่สามารถเล็ดลอดเข้าไปได้
“คุณหนู ดึกขนาดนี้แล้ว ไม่ทราบว่าที่คุณมามีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เย้นหว่านค่อยๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็พูดทันที “ฉันมาหาแม่ฉันมีเรื่องนิดหน่อย พวกนายมาขวางฉันไว้ทำไมกัน?”
สีหน้าของบอดี้การ์ดทอประกายแสดงอาการไม่เป็นตัวของตัวเองออกมา พร้อมทั้งยิ้มตอบ
“คุณนายหลับแล้วครับ คุณหนู พรุ่งนี้คุณหนูค่อยมาใหม่แล้วกัน”
นอนแล้ว ก็เลยไม่ให้เธอเข้าไปอีกเหรอ?
เย้นหว่านขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมทั้งรู้สึกยิ่งเหมือนแอบปิดบังอะไรอยู่เลย
ก่อนหน้านี้เธอมาตรงบริเวณนี้ ก็ไม่เคยมีใครมาขวางเธอเอาไว้
เย้นหว่านพูดทันที “ไม่เป็นไร ฉันมีเรื่องด่วน ฉันจะไปปลุกแม่เอง”
สีหน้าของบอดี้การ์ดคนหนึ่งพลางทุกข์ใจทันที “คุณหนู มันดูไม่ค่อยดีไหม? ระยะนี้คุณนายนอนไม่พอ พร้อมทั้งกำชับอีกว่าช่วงตอนกลางคืนไม่อนุญาตให้ใครคนใดเข้ามารบกวน แถมตอนนี้มันดึกดื่นมากแล้ว พรุ่งนี้เช้าคุณมาก็ยังไม่สาย”
พรุ่งนี้ค่อยมา?
ไม่น่าว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
เย้นหว่านยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจมาก จากนั้นก็ตีหน้ายักษ์ใส่ พร้อมทั้งท่าคุณหนูผู้สูงศักดิ์ พร้อมทั้งตะคอกใส่ทันที
“แล้วถ้าฉันจะเข้าไปล่ะ?!”
บอดี้การ์ดยืนกันอย่างแข็งขัน พร้อมทั้งพูดเกลี้ยกล่อม “คุณหนู คุณอย่าทำให้พวกเราลำบากเลย”
“รีบหลีกไปซะ! ไม่งั้นฉันจะจัดการไล่พวกแกออกไปซะ!”
เย้นหว่านเริ่มใช้เสียงสูงตวาดใส่ พร้อมทั้งจงใจตะคอกใส่อย่างร้ายกาจ
สีหน้าของพวกบอดี้การ์ดทั้งหมดเริ่มเปลี่ยนไปทันที
คำพูดของเย้นหว่าน สามารถไล่พวกเขาออกได้ การที่ไล่พวกเขาออกไปจากตระกูลเย้น เช่นนั้นจุดจบของพวกเขาช่างน่าเวทนานัก
แต่ถ้าให้เย้นหว่านเข้าไปในตอนนี้ ก็มิอาจปกปิดเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นกับโห้หลีเฉิน พวกเขาก็ต้องตายอยู่ดี
บอดี้การ์ดหลายคนทำหน้าลำบากใจมาก สีหน้าแต่ละคนเหมือนไปถูกับเขม่าตูดหม้อมาเช่นนั้น
ทว่าร่างกาย ก็ยังคงยื่นแข็งทื่ออยู่กับที่เดิม ไม่หลบหลีกให้
พวกเขาก็เหมือนกำแพงเช่นนั้น ให้เย้นหว่านจะโหดร้ายดุดันสักเพียงใด ก็มิอาจเข้าไปสักครึ่งก้าว
เหตุการณ์ยิ่งเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เธอยิ่งกังวลหนักกว่าเก่า
ตกลงว่าด้านในเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หรือว่ากงจืออวีกำลังทำอะไรโห้หลีเฉินอยู่?
ในใจของเธอนั้นสับสนอลหม่านมาก พร้อมทั้งใช้มือผลักบอดี้การ์ดของร้อนรน
“พวกนานหลีกฉันเดี๋ยวนี้ ฉันเป็นคุณหนูนะ ทำไมพวกนายไม่ฟังคำพูดฉันละ?! บอกให้หลีก ให้หลีกยังไง!”
ยังไงเสีย เธอก็ใช้แรงเท่ากับเด็กน้อย บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหน้าทั้งสองคนนั้นก็ยังคงยืนไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด
ราวกับหุ่นแกะสลักมาอยู่เช่นนั้น
เย้นหว่านผมยุ่งเหยิง พร้อมทั้งหงุดหงิดมากที่สุด
เธออึดอัดเพราะว่าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี หัวไหล่ของเธอถูกคนคว้าเอาไว้ จากนั้นก็ดึงตัวเธอให้ถอยหลังไปสองก้าว
กู้ซึงยืนอยู่ตรงบริเวณด้านหน้าของเธอ พร้อมทั้งพูดกระซิบ
“ฉันเอง อีกเดี๋ยว เธอก็อาศัยช่วงจังหวะเวลานั้นวิ่งเข้าไปด้านใน”
เย้นหว่านประหลาดใจ เขาจะทำอะไรกันแน่?
เธอไม่ทันคิดให้เข้าใจ ก็เห็นว่ากู้ซึงวิ่งชนร่างกายของพวกบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหน้าอย่างแรง
บอดี้การ์ดที่รูปร่างสูงใหญ่ขยับเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
กู้ซึงไม่ยอมแพ้ง่าย เขาใช้หัวไหล่กระแทกไปที่ลำตัวของบอดี้การ์ด ในเวลาเดียวกัน พลันมีเสียงกรีดร้องดั่งผีเข้าอย่างลั่นฟ้ามัวดิน
“โอ๊ย ——แขนของฉัน!”