บทที่651 ภาพเหตุการณ์นี้ คงจะลืมไม่ได้ไปตลอดชีวิต
“ฉันเองค่ะ เย้นหว่าน”
เย้นหว่านพูดเสียงดังเข้าไปในประตู “ฉันจะเข้าไป คุณรีบเปิดประตูเดี๋ยวนี้”
ไม่ว่าคนที่อยู่ข้างในจะเป็นใคร แต่เธอก็แทบจะมั่นใจได้ว่าโห้หลีเฉินเองก็อยู่ข้างในเช่นกัน
และสถานการณ์ก็น่าจะเลวร้ายมากด้วย
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเย้นหว่านเย้นโน่ก็ชะงักไปทันที และสีหน้าที่ไม่ค่อยดีในตอนแรก ก็ซีดเซียวเหมือนแผ่นกระดาษอย่างรวดเร็ว
เย้นหว่านมาแล้ว
ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร และสภาพของโห้หลีเฉินในตอนนี้ อีกฝ่ายคงจะโกรธและอยากจะฆ่าเธอให้ตายอย่างแน่นอน
แต่เธอยังไม่มีอะไรกับโห้หลีเฉินสำเร็จ และหากไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงของโห้หลีเฉิน ถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครปกป้องเธอได้
ตายแน่ ต้องตายแน่ๆ
เย้นโน่รู้สึกหวาดกลัวมาก ดวงตาของเธอกลอกไปมาอย่างร้อนใจ และในที่สุดดวงตาของเธอก็มองไปที่ล็อคประตู
ตอนนี้ มีแค่ต้องมีอะไรกันให้ได้เท่านั้น เธอถึงจะมีโอกาสรอด
ด้านนอกประตูมีบอดี้การ์ดเฝ้าไว้ กุญแจก็เปิดยาก กว่าจะเข้ามาได้เย้นหว่านคงต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ประตูห้องน้ำไม่เหมือนกันถ้าเธอพังมันแรง ๆ จะง่ายกว่ามาก
โห้หลีเฉินฤทธิ์ยากำลังออกฤทธิ์อีกครั้ง อาจจะไม่มีแรงมากนัก เธอจึงคิดจะถือโอกาสนี้ทำข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุก
เย้นโน่เป็นคนใจกล้า คิดที่จะทำอะไร เธอก็จะทำทันที
เธอเห็นก้อนหินที่ประดับตกแต่งในห้อง ที่มีขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไป เธอหยิบมันขึ้นมา แล้วกระแทกไปที่ล็อคประตูห้องน้ำ
“ปัง”
เสียงมันดังมาก
เย้นหว่านได้ยินชัดเจน จึงขมวดคิ้ว และตะโกนเสียงแหลม “คุณกำลังทำอะไรอยู่กันแน่”
“ปังปัง!”
เสียงที่ตอบกลับมา กลับเป็นเสียงบางอย่างกำลังกระแทกอย่างแรง
เธออยู่ด้านนอกจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น แต่เสียงนี้ สถานการณ์แบบนี้ กลับยิ่งทำให้รู้สึกไม่สบายใจเข้าไปใหญ่
เห็นได้ชัดว่าคนข้างในไม่ได้มีความคิดจะเปิดประตูให้เธอ
เธอคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว
เย้นหว่านหงุดหงิดมาก และยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจมากขึ้น ร้อนใจดั่งมีไฟสุมอก
ถ้าผู้หญิงที่อยู่ข้างในถูกบีบจนร้อนรน เธอจะทำสิ่งที่ไม่เป็นผลดีต่อโห้หลีเฉินหรือเปล่า
ยิ่งคิดเรื่องนี้เธอก็ยิ่งลุกลี้ลุกลน
“รีบเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้”
เย้นหว่านเริ่มหงุดหงิดและตะโกนสั่งบอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าหน้าประตูทั้งสองคน
หน้าตาของบอดี้การ์ดทั้งสองนั้นน่ากลัวมาก และตอนนี้สถานการณ์กำลังไปในทิศทางที่เลวร้ายอย่างหนัก
พวกเขาไม่กล้าทำอะไรเลย จึงได้แต่ยืนตัวแข็ง ทำเหมือนคนหูหนวกไม่ได้ยิน
พยายามยืดเยื้อเวลาไปเรื่อยๆ
หวังว่า เย้นโน่จะทำสำเร็จได้…
“เอากุญแจมาให้ฉันเดี๋ยวนี้”
เย้นหว่านไม่ทนรออีกต่อไป เธอยื่นมือออกไปทางบอดี้การ์ด ตั้งท่าจะแย่งกุญแจซะเลย
บอดี้การ์ดตอบกลับอย่างรวดเร็ว และถอยตัวออกห่าง เพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยกับเย้นหว่าน
“คุณหนูครับ พวกเราไม่มีกุญแจจริงๆครับ”
ไม่มีกุญแจ แล้วจะหลบทำไม
เย้นหว่านขมวดคิ้ว เสียงที่ดังออกมาจากในห้องยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดร้อนใจมากยิ่งขึ้น
เหมือนกำลังเดินอยู่ขอบหน้าผา ที่สามารถพลัดตกลงไปได้ทุกเมื่อ
เธอจะยืดเยื้อต่อไปไม่ได้แล้ว
เธอมองไปที่บอดี้การ์ดทั้งสองอย่างคาดคั้น“ จะให้หรือไม่ให้”
บอดี้การ์ดถูกเย้นหว่านจ้องมองจนเริ่มทำตัวไม่ถูก แต่ก็ยังส่ายหัวอย่างหนักแน่นเหมือนเดิม“ พวกเราไม่มีจริงๆนะครับ … อะ คุณหนูจะทำอะไรครับ อย่าใจร้อนนะครับ”
บอดี้การ์ดทั้งสองตะโกนร้องด้วยความตกใจ ฉากตรงหน้าทำให้พวกเขาตกใจจนลูกตาแทบจะถลนออกมา
เมื่อเห็นว่าเย้นหว่านหยิบมีดเล่มเล็กไว้ในมือ และมีดคมวางอยู่บนข้อมือของเธอ โดยมีรอยกรีดบาง ๆ ที่เลือดเริ่มไหลออกมาแล้ว
เย้นหว่านกัดฟันทนต่อความเจ็บ“ เอากุญแจมาให้ฉัน ไม่งั้นฉันจะกรีดข้อมือตัวเองเดี๋ยวนี้เลย”
ใบมีดถูกกดแน่นกับผิวหนังของเธอ ขอแค่เธอออกแรงเพียงเล็กน้อย บาดแผลก็จะลึกขึ้นทันที
สำหรับบอดี้การ์ดทั้งสองคนบาดแผลเล็ก ๆ แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่บาดแผลที่ปรากฏบนร่างกายของเย้นหว่าน ทำให้พวกเขาตกใจแทบตาย
นี่มันเย้นหว่าน คนที่เจ้านายของพวกเขาและภรรยาประคบประหงมไว้อย่างดี แค่ไม่สบายก็พากันกระวนกระวายร้อนใจ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องได้รับเจ็บปวดหรือเลือดออกเลย
คงจะเป็นห่วงกันน่าดู
จากนั้นก็คงหั่นร่างพวกเขาออกเป็นสองส่วน
บอดี้การ์ดทั้งสองคนขนลุกซู่ พวกเขาไม่กล้าที่จะชักช้าอีก รีบหยิบกุญแจในมือออกมาและถือไว้
“ นี่ครับกุญแจ คุณหนูรีบวางมีดลงก่อนครับ อย่าคิดทำร้ายตัวเองเลย”
เย้นหว่านถึงกับชะงักงัน เธอคิดไม่ถึงว่าแผนทำร้ายตัวเองของเธอจะได้ผลดีขนาดนี้
ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ เธอใช้ไปนานแล้ว
เธอเอื้อมมือไปหยิบกุญแจทันที ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตู
บอดี้การ์ดทั้งสองมองไปที่บาดแผลบาง ๆ บนข้อมือของเธอ แล้วพูดอย่างอ่อนแรง “คุณหนูพันผ้าพันแผลก่อนดีไหมครับ”
“ไม่ต้อง”
เย้นหว่านตอบปฏิเสธอย่างหนักแน่น และในเวลาเดียวกัน ประตูก็เปิดออกมาได้
ทันทีที่เธอเปิดประตู เธอก็ได้ยินเสียง “ปึง” ดังออกมา ดูเหมือนว่ามีบางอย่างตกแตก
เธอเดินตามแหล่งที่มาของเสียงไป จึงเห็นหญิงสาวแปลกหน้าถือรูปปั้นหิน และกำลังใช้มันทุบไปที่ประตูห้องน้ำ จนที่จับประตูหลุดออก
แล้ว ประตูก็ค่อยๆเปิดออก
เห็นได้ชัดว่าเย้นโน่ไม่คาดคิดว่า เย้นหว่านจะเข้ามาในเร็วแบบนี้ เธอมองไปที่เย้นหว่านด้วยความตกใจ ใบหน้าของเธอซีดเผือดไม่มีสีเลือด
เย้นหว่านเดินเข้าไปหาเธอทันที “คุณกำลังทำอะไร”
เธอเดินอย่างรวดเร็ว เธอมองไปทั่วท้อง แต่กลับไม่เห็นโห้หลีเฉินอยู่ในห้อง
และที่ผู้หญิงคนนี้กำลังทุบประตูห้องน้ำอยู่ นั่นก็หมายความว่าโห้หลีเฉิน…
เมื่อนึกถึงแบบนี้ ฝีเท้าของเย้นหว่านก็ก้าวเร็วมากขึ้น
“ฉัน ฉัน … ประตูเสียค่ะ ฉันตั้งใจจะเข้าไปอาบน้ำ”
เย้นโน่รีบยื่นมือออกไปเพื่อดึงประตูปิดเล็กน้อย และยืนบังประตู
พยายามที่จะขัดขวางเย้นหว่านไว้
ตั้งแต่เย้นหว่านมาที่นี่ ดูเหมือนทุกคนต่างก็พยายามขัดขวางเธอ
เย้นหว่านเม้มริมฝีปากของเธอ และไม่สนใจเย้นโน่อีก เธอยื่นมือออกไปเพื่อผลักเธอออกไป
ก่อนจะเดินเข้าไปห้องน้ำทันที
ใบหน้าของเย้นโน่เปลี่ยนไปทันที เธอก็ร้องออกมาอย่างตกใจ“คุณเข้าไปไม่ได้นะ”
มือของเย้นหว่านหยุดนิ่ง จากนั้นเธอก็เลื่อนเปิดประตูห้องน้ำที่พังออก แล้วเดินเข้าไป
ทันทีที่เธอเดินเข้าไปก็มีความรู้สึกเยือกเย็นแผ่ออกมา
เธอขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ จึงรีบเดินเข้าไป พอมองเข้าไปในห้องน้ำ จึงเห็นร่างในอ่างอาบน้ำที่กั้นด้วยกระจกฝ้า
หัวใจของเย้นหว่านก็หวาดหวั่นขึ้นมาทันที
เธอแทบไม่กล้าคิดอะไรมากไปกว่านี้ เธอรีบเดินไปเปิดประตูกระจกออก
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ดวงตาของเธอก็เบิกโต ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะกลายเป็นสีแดงก่ำทันที
นี่คือภาพเหตุการณ์ที่เธอจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
เห็นแค่ว่าในอ่างอาบน้ำเต็มไปด้วยน้ำ และน้ำจากก๊อกน้ำก็ล้นออกมาไม่หยุด จนมันก็ไหลออกมานอกอ่างน้ำ แต่ไม่ว่าน้ำจะไหลออกมามากเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ชะล้างเลือดในน้ำออกไปได้
ในน้ำนั้นเปื้อนไปด้วยสีแดงจาง ๆ ที่กระจายจนทั่ว
ใต้น้ำมีร่างสูงนอนสลบอยู่ เสื้อผ้าของเขายุ่งเหยิงมีรูพรุนหลายที่ กำลังลอยอยู่บนน้ำ
ส่วนใบหน้าของเขาก็จมอยู่ใต้น้ำ ดวงตาของเขาปิดสนิท ใบหน้าซีดเผือด ไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว
ในขณะนั้นการเต้นของหัวใจเย้นหว่านแทบจะหยุดลง
เธอจ้องมองชายที่นอนอยู่ใต้น้ำด้วยความตะลึง ก่อนที่น้ำตาจะร่วงหล่นลงมาโดยไม่รู้ตัว