บทที่665 หยุดอย่างไม่ค่อยเหมาะ
เสียงทุ้มของโห้หลีเฉินดังเข้ามาจากข้างนอก อย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“เย้นหว่าน ฉันไม่ทำอะไรเธอแล้ว เธอจะไม่ให้ฉันช่วยจริงเหรอ?”
ทำไม่ทำ มันก็ไม่แน่หรอก
เรื่องแบบนี้ ยิ่งเป็นผู้ชายที่ได้กินเนื้อแล้ว ไม่รู้ว่าสิ่งที่ปากพูดกับที่ใจคิดแล้วยังที่จะทำต่อไปจะเป็นเรื่องเดียวกันรึเปล่า
เย้นหว่านท่าทีเด็ดเดี่ยว “ไม่ต้อง!”
พูดจบ เธอเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำแล้วเริ่มเปิดน้ำ
เสียงน้ำกระเซ็นดังขึ้น กลายเป็นเสียงหลักในทันที
โห้หลีเฉินยืนอยู่ที่ประตู ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้แล้วหันตัวเดินไป
เย้นหว่านนั่งที่ข้างอ่างอาบน้ำ แล้วจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความเศร้าอันสับสน
ตอนที่โห้หลีเฉินกำลังยุ่ง เธอรออย่างใจจดใจจ่อให้เขากลับมา แต่พอเขากลับมา เธอกลับหลบหน้าเขาเหมือนหนูเสียอย่างนั้น
เขาจะได้รังแกเธอไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?
เย้นหว่านหดหู่
แม้ในใจจะพร่ำเพ้อ แต่เย้นหว่านก็อาบน้ำเสร็จอย่างรวดเร็วด้วยความจริงจัง แล้วจึงเดินออกมาจากห้องน้ำ
เธอยังอยากจะอยู่กับโห้หลีเฉิน
เมื่อเดินออกจากห้องน้ำ เย้นหว่านก็มองเห็นโห้หลีเฉินกำลังนั่งอยู่ที่โซฟา ในมือถือแท็บเล็ตเครื่องหนึ่ง นิ้วมือสไลด์ไปด้านบนนั้น ราวกับกำลังดูอะไรบางอย่าง
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เขาหันไปมองเย้นหว่านทันที
มุมปากยกยิ้ม “มานี่สิ”
ในขณะที่พูด เขาก็ปิดแท็บเล็ต แล้ววางไว้ข้างๆ
เย้นหว่านเดินไปหาเขาอย่างว่าง่าย มองไปที่แท็บเล็ตแล้วพูด “ไม่เป็นไร นายทำงานก่อนก็ได้”
“มีเธออยู่ ฉันก็ไม่อยากทำเรื่องอื่นหรอก”
โห้หลีเฉินเอื้อมไปดึงเย้นหว่านเข้ามาในอ้อมแขน นั่งลงบนต้นขาของเขาพอดี
ลมหายใจของชายหนุ่มรดเข้าใกล้ อ้อมกอดที่คุ้นเคย หัวใจของเย้นหว่านเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้
เธอมองเขาด้วยแววตาวูบไหว มุมปากแย้มยิ้ม ไม่อาจซ่อนอะไรได้อีก
คนบางคนก็เป็นแบบนี้ ขอแค่อยู่กับเขา ก็อดดีใจมีความสุขขึ้นมาไม่ได้
โห้หลีเฉินกอดเธอเอาไว้ มองสำรวจเธอขึ้นลงๆ แล้วจึงเอ่ยถาม
“หายแล้วจริงๆ เหรอ? ยังมีที่ไหนไม่สบายอีกมั้ย?”
เย้นหว่านส่ายหน้า “ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ”
พูดจบ ใบหน้าเล็กก็แดงเรื่อขึ้นมา
ถึงยังไงที่เธอไม่สบายวันนี้ก็เพราะทำเรื่องแบบนั้นกับเขามากเกินไป
“อืม”
โห้หลีเฉินตอบรับเสียงทุ้ม เสียงนั้น ฟังดูแล้วก็แฝงความหมายอยู่เล็กน้อย
เย้นหว่านมองเขาอย่างไม่เข้าใจ รู้สึกใจหวิวขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอกลืนน้ำลายแล้วพูด “นายกินข้าวรึยัง? วันนี้ยุ่งมากเลยเหรอ?”
“กินแล้ว”
โห้หลีเฉินตอบกลับแล้วชี้นิ้วไปที่โต๊ะตรงหน้า “อยากกินมั้ย?”
เย้นหว่านมองไปตามนิ้วของโห้หลีเฉิน แล้วจึงพบว่าบนโต๊ะมีสาคูถ้วยหนึ่งวางอยู่อย่างไม่คาดคิด
นี่เป็นหนึ่งในของหวานที่เธอชอบ
เธอไม่ได้เรียกให้เสี่ยวฮวนเอามาให้ เห็นได้ชัดว่าโห้หลีเฉินให้คนส่งมาให้เป็นพิเศษ
เธอพยักหน้าอย่างอ่อนหวาน “อื้ม”
“เธอกินก่อนนะ ฉันจะไปอาบน้ำ”
โห้หลีเฉินจูบหน้าผากของเย้นหวานเบาๆ แล้วจึงวางเธอลงบนโซฟา
เขาลุกขึ้น ก้มลงมองเย้นหว่าน แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “กินเยอะๆ ล่ะ ขนมสาคูมันหวาน กินแล้วปากจะได้หวาน”
เย้นหว่านมองไปที่โห้หลีเฉินด้วยความสงสัย ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ เขาถึงพูดแบบนั้น
ปากจะได้หวาน ทำไมล่ะ?
โห้หลีเฉินยกยิ้มกรุ้มกริ่ม แล้วหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ
ไม่นานเย้นหว่านก็ได้ยินเสียงน้ำดังขึ้นจากในห้องอาบน้ำ
เธอเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับคำที่โห้หลีเฉินพูดเมื่อครู่ แล้วยกสาคูขึ้นมาเริ่มกินอย่างดีใจ
ไม่นานนัก โห้หลีเฉินก็อาบเสร็จแล้วออกมา
เขาสวมเสื้อคลุมอาบน้ำตัวใหญ่ รอบเอวรัดเข็มขัดเส้นหนึ่งอย่างหลวมๆ คอเสื้อเปิดออก เผยให้เห็นผิวของแผงอกกว้าง
แน่นกระชับเย้ายวนมาก
เย้นหว่านมองเล็กน้อย เกือบจะมองค้างไปแล้ว
โห้หลีเฉินเดินไปข้างตัวเธออย่างสง่างาม เขานั่งลงบนพนักแขนของโซฟา ใช้นิ้วมือที่เห็นข้อนิ้วอย่างชัดเจนเช็ดมุมปากของเธอ
หัวเราะอย่างสนุกสนานและพูดว่า “น้ำลายไหลแล้ว”
เย้นหว่านอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนแก้มจะขึ้นสีแดงเรื่อทันที
เธอน้ำลายไหนที่ไหนกัน เลอะสาคูต่างหากเล่า
เธอวางสาคูลงบนโต๊ะอย่างเขินอาย แล้วแสดงออกอย่างไม่พอใจ
สายตาของโห้หลีเฉินเหลือบมองถ้วยสาคูรอบหนึ่งแล้วถามเบาๆ
“กินเสร็จแล้วเหรอ?”
เขาเอ่ยปากออกมาสบายๆ อย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับไม่มีอะไรผิดปกติ
และไร้ความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย
กระทั่งประโยคก่อนที่ล้อเลียนเธอ ก็ห่างไกลไปแล้ว
ล้อเธอแล้วมาคุยต่ออย่างสบายใจแบบนี้งั้นเหรอ? เย้นหว่านแห้งเหี่ยว
เธอพยักหน้าอย่างเซ็งๆ
แววตาของโห้หลีเฉินยิ่งลึกซึ้งขึ้น เขาโน้มลง สองมือยันกับโซฟา โอบเย้นหว่านไว้ในอ้อมแขนของเขา
ลมหายใจและใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม เข้ามาใกล้ทันที
เย้นหว่านตกใจจนตะลึงค้าง แนบติดกับโซฟาอย่างประหม่า แก้มขึ้นสีแดงแจ๋
“นาย ทำอะไรน่ะ?”
มุมปากโห้หลีเฉินยกยิ้มรุกไล่ เสียงทุ้มเย้าแหย่อย่างกรุ้มกริ่ม
“เธอกินเสร็จแล้ว ตาฉันกินบ้าง”
เขาจะกินอะไร?
เย้นหว่านยังไม่ทันได้สติ ริมฝีปากบางของชายหนุ่มก็ประทับลงมา
จูบอันเร่าร้อน พลันจุดชนวนขึ้นมา
ริมฝีปากและลิ้นของเขารุกล้ำอย่างรุนแรง ราวกับโจรที่ปล้นความหวานในปากของเธอจนหมดอย่างนั้น
เย้นหว่านนั่งงุนงง ในสมองว่างเปล่าขาวโพลน ทั้งร่างขึงตึง
จากนั้นเธอถึงได้เพิ่งจะเข้าใจขึ้นมาภายหลัง ว่าที่โห้หลีเฉินบอกว่าจะกินคืออะไร
ก็คือเธอนั่นเอง!
“หวานจริง ๆ ”
โห้หลีเฉินกระซิบแผ่วเบา ก่อนจะยิ่งจูบลึกเข้าไปอีก
ร่างใหญ่ค่อยๆ กดร่างเล็กน่ารักของเธอไว้ใต้ร่าง
เย้นหว่านตัวเกร็งและร้าวเผ่า ราวกับร่างกายแทบจะไม่ใช่ของตัวเองอีกแล้ว
ในสมอง คำพูดที่ไม่เข้าใจเมื่อครู่ ในตอนนี้ก็พลันเข้าใจขึ้นมาแล้ว
กินสาคูเยอะๆ ปากจะได้หวาน …จากนั้นจะได้ให้เขามากินต่องั้นเหรอ!
ช่างเป็นผู้ชายร้ายกาจจริงๆ
แต่กลับปฏิเสธไม่ได้เลยแม้แต่น้อย….
สมองของเย้นหว่านขุ่นมัว ร่างกายอ่อนระทวยเหมือนน้ำอยู่ในอ้อมแขนของโห้หลีเฉิน
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองโดนอุ้มมาไว้บนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่
ร่างเล็กบอบบางของเธอจมลงไปกับเตียง
ชุดนอนที่สวมอยู่เองก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว
ชายหนุ่มร่างสูงที่อยู่ตรงหน้า กดเธอไว้ในเงาของเขา
ทั้งหมด ได้เดินอยู่บนริมผาแล้ว
เย้นหว่านรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองร้อนผ่าวกระทั่งรูขุมขน ราวกับจะถูกเผาไหม้
สติสัมปชัญญะนั้น ไม่มีอีกต่อไป
ลมหายใจของโห้หลีเฉินหนักหน่วง เปลวเพลิงในดวงตานั้นลุกโชน
เขาจูบเธอ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“เย้นหว่าน ให้ฉันนะ?”
สติของเย้นหว่านแทบจะไม่เหลืออีกแล้ว
เธอไม่อาจปฏิเสธเขาได้เลย ในเวลานี้ เขาจะว่ายังไงก็ว่าอย่างนั้น
เธอกัดฟันด้วยแก้มที่แดงระเรื่อ แววตาวูบไหว ไม่ได้เอ่ยอะไร
การนิ่งเงียบนั้นคือการอนุญาตโดยปริยาย
โห้หลีเฉินพรมจูบริมฝีปากของเธอ นิ้วมือเลื่อนต่ำลงไปข้างล่าง
“ซี๊ด…”
เสียงร้องเบาๆ ด้วยความเจ็บออกมาจากปากของเย้นหว่าน
การเคลื่อนไหวของโห้หลีเฉินหยุดลงทันที