บทที่ 695 คำเชื้อเชิญ
ดวงตาของฉู่ฉู่มองไปยังโห้หลีเฉินอยู่อย่างนั้น โดยที่ไม่กะพริบตามาสักพักหนึ่งแล้ว
เมื่อก่อนรู้สึกว่าโห้หลีเฉินเป็นคนหล่อมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ปรากฏว่า จริง ๆ แล้วเขาหล่อจนแทบจะทำให้เธอเป็นบ้า
ข้อวิจารณ์ต่าง ๆ ที่เธอก็ไม่เคยกล้าแม้แต่จะคิดพวกนั้น ได้ถูกชายผู้นี้เอ่ยออกมาด้วยความดุดัน ใจของเธอเต้นระรัว ทำให้รู้สึกได้ว่า อันที่จริงผู้หญิงก็สามารถถูกรักและทะนุถนอมเป็นอย่างดีได้เช่นกัน
เย้นหว่านเงยหน้ามองโห้หลีเฉิน ในใจแผ่ซ่านไปด้วยไออุ่นและความสุข
ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบใด อยู่ในสภาวะแบบไหน เขาก็พร้อมจะปกป้องเธอ และรักษาเธอไว้
หลังจากความโกลาหลชั่วขณะผ่านไป เวนเดลล์ก็มีท่าทีตอบโต้ต่อเหตุการณ์นี้อย่างรวดเร็ว เขาเก็บสีหน้าและอารมณ์ในเวลาไม่กี่อึดใจ ก่อนจะยิ้มแฃ้วพูดกับโห้หลีเฉินว่า
” คุณโห้พูดถูก ภรรยาของผมหล่อนไม่ค่อยจะรู้เรื่องนักหรอก คุณอย่าเห็นเป็นเรื่องแปลกไปเลย ผมจะสั่งสอนเธอให้ดีกว่านี้ ”
พูดไป เวนเดลล์ก็เงยหน้ามองคุณป้าอย่างคาดโทษ รอยยิ้มบนใบหน้าแปลเปลี่ยนเป็นความโกรธอันดุดันในพริบตา
ไม่นานต่อจากนั้นหล่อนคงต้องโดนลงโทษเข้าอย่างจัง
” ได้ยินแล้วหรือยัง คุณเย้นเธอไม่ใช่คนที่นี่ มาที่นี่หนแรกแล้วรู้สึกไม่คุ้นเคยก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่จำเป็นต้องทำตามธรรมเนียมอย่างพวกคุณหรอก ”
“จากนี้ไป คุณก็ปฏิบัติต่อเย้นหว่านเหมือนกับที่ปฏิบัติต่อแขนที่สูงศักดิ์ก็แล้วกัน ถ้าผมยังเห็นว่าคุณยังพูดจาไม่ดีหรือทำร้ายเธออีก ถึงคุณโห้ไม่เอาผิด ก็จะเป็นผมคนแรกที่จัดการคุณ ”
คุณป้ามองไปที่เวนเดลล์ดูร่างอันสั่นเทา
คุณคิดไม่ถึงเลยว่าสามีของตนเอง ชายที่เป็นใหญ่ในบ้านหลังนี้ สุดท้ายเขาจะพูดเพื่อปกป้องเย้นหว่าน
เห็นได้ชัดว่าเย้นหว่านก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น แต่มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับความเคารพและปรนนิบัติอย่างดีจากผู้ชาย
ในใจของหล่อนลึก ๆ จึงเกิดความไม่พอใจขึ้น แต่เมื่อถูกผู้ชายตำหนิ หล่อนกลับก้มหัวลงอย่างเคยตัว เพียงคำพูดสักคำยังไม่กล้าหลุดออกมาจากปาก ฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ชาย เป็นเรื่องที่หล่อนฝังลงไปในกระดูกดำว่าเธอจะไม่มีวันฝ่าฝืนเป็นอันขาด
เมื่อเห็นว่าคุณป้าพูดง่าย อารมณ์โกรธในใจของเวนเดลล์ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ
ถึงแม้ตอนนี้โห้หลีเฉินจะเป็นแขกของบ้านเขาเอง แต่ตัวเขาก็เคยออกไปเจอโลกข้างนอกมาบ้างแล้ว รู้เห็นโลกอันกว้างใหญ่ คนที่จะหาประเทศเล็ก ๆ อย่างเบียนหนานเจอ ภูมิหลังคงจะต้องเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งอย่างไม่มีใครเทียบได้
แม่แต่คำเล่าที่บอกต่อกันมาว่าตระกูลของเย้นหว่าน ถ้าอยากจะทำอะไรบางอย่างแล้วล่ะก็ แม้แต่ประเทศเล็ก ๆ อย่าง เบียนหนาน ก็สามารถทำลายล้างได้ง่าย ๆ
เวนเดลล์ไม่อยากทำให้โห้หลีเฉินรู้สึกไม่พอใจ จึงจะช่วยเขาหลังจากตื่นมาอย่างสุดความสามารถ
หนึ่งก็เพื่อมิตรภาพของป่ายฉี สองเป็นเพราะความยำเกรง
“คุณเย้น คนในครอบครัวของผมไม่ค่อยเข้าใจจึงทำเรื่องไม่ดีใส่คุณ ขอให้คุณเห็นแก่ผมด้วยเถิด อย่าเก็บเรื่องพวกนี้ไปคิดเลย ”
เวนเดลล์ยิ้มให้เย้นหว่านอย่างอบอุ่น แสดงถึงความรู้สึกผิดที่มีต่อเธออย่างใจจริง
เมื่อคุณป้าเห็นเวนเดลล์ผู้สูงส่งกำลังขอโทษเย้นหว่าน ทำให้หล่อนรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่าไปชั่วขณะ สีหน้าดูขาวซีด
ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว เหตุใดถึงได้รับอภิสิทธิ์เช่นนี้
เย้นหว่านโบกมือเป็นพัลวัน ” ไม่เป็นไรเลยค่ะ ไม่เป็นไรเลย ถ้าแก้ไขเรื่องที่เข้าใจผิดกันได้แล้วก็แล้วกันไปค่ะ ”
ถึงแม้จะเกลียดคุณป้า แต่ก็ควรนึกถึงความช่วยเหลือที่เป็นมิตรของเวนเดลล์ อีกอย่างเย้นหว่านก็ไม่ต้องการที่จะต่อความยาวสาวความยืดกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่
รอยยิ้มของเวนเดลล์บนใบหน้าดูเบิกบานมากกว่าเดิม ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาเตรียมชนกับเย้นหว่าน
” คุณเย้น ไหน ๆ คุณก็เป็นคนสบาย ๆ ใจกว้างและจิตใจดีคนหนึ่ง เหล้าแก้วนี้ผมขอเป็นเกียรติให้กับคุณ ”
การดื่มเหล้าเพื่อแสดงความเคารพ ก็ยังหมายถึง การดื่ม เพื่อลืมเรื่องราวไม่ดีที่ต่างคนต่างทำไว้ให้กัน
เย้นหว่านไม่มีท่าทีปฏิเสธ ก่อนจะหยิบแก้วบนโต๊ะขึ้นมาเตรียมที่จะชนกับแก้วของเวนเดลล์ แต่แก้วในมือของเธอที่พึ่งหยิบขึ้นมา ได้ถูกโห้หลีเฉินคว้าเอาไว้
โห้หลีเฉินทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วนำแก้วที่พึ่งคว้ามาชนเข้ากับแก้วของเวนเดลล์อย่างสง่างาม
” พอดีเธอไม่ดื่มเหล้าน่ะ ผมขอดื่มแทนเธอเอง ”
พูดจบ โห้หลีเฉินก็เริ่มกระดกเหล้าทั้งหมดเข้าปากภายในอึกเดียว
เวนเดลล์ชะงักเล็กน้อย ก่อนใบหน้านั้นจะปรากฏรอยยิ้มออกมา แล้วดื่มเหล้าในมือตาม
ฉากสำคัญเหล่านี้ ได้ผ่านไปแล้ว
ในที่สุดเย้นหว่านก็ได้นั่งบนโต๊ะอาหาร กินข้าวอย่างปกติสุขเสียที
อาจจะเป็นเพราะเธอรู้สึกหิวมานาน เมื่อได้อาหารเข้าปาก มันทำให้เธอรู้สึกราวกับได้กินอาหารที่เลิศรสที่สุดในโลกใบนี้
โห้หลีเฉินที่เห็นเย้นหว่านกินอาหารอย่างตะกละตะกลาม ก็ยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู
เขาตักน้ำซุปขึ้นมาหนึ่งชาม ก่อนจะเป่าให้เย็นลงสักหน่อย แล้ววางลงตรงหน้าเย้นหว่าน
” เดี๋ยวก็สำลักหรอก ซดน้ำซุปสักหน่อยสิ ”
เย้นหว่านที่พึ่งกินเนื้อเข้าไปคำโต ก็สำลักอาหารออกมาเล็กน้อย
เธอขำตามโห้หลีเฉิน แล้วค่อย ๆ ยกน้ำซุปตรงหน้าขึ้นมาซด
คุณป้าที่กำลังเก็บกวาดพรมอยู่ก็เห็นฉากนี้เข้าพอดี ใบหน้าของเธอถมึงทึง
” เชอะ ”
เสียงนั้นแสดงถึงความเหยียดหยามของหล่อน
ผู้หญิงที่ต้องคอยให้ผู้ชายดูแลอยู่แบบนี้ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรืออย่างไร
เวนเดลล์ถลึงตาใส่คุณป้า ก่อนจะตำหนิเสียงดัง
” รีบ ๆ เก็บกวาดให้เรียบร้อย แล้วออกไป ”
อย่ามาหาเรื่องแถวนี้
คุณป้ารีบก้มหัวหลบด้วยความกลัว ก่อนจะพยักหน้าหลาย ๆ ครั้ง แม้แต่การทำความสะอาด ก็เร่งมือไม่หยุด
เวลานั้นม่านตรงประตูถูกเปิดออกจากด้านนอก ชายอายุราว ๆ สามสิบกว่า ๆ สามคนเดินเข้ามา
คนที่นำหน้ามาคนแรกเป็นชายใส่สูท ดูเป็นระเบียบ ปกเสื้อถูกปักด้วยไหมลายดอกสีทอง
” เวนเดลล์ คุณโห้อยู่ที่นี่หรือเปล่า ”
ระหว่างที่ปากพูด สายตาของเขาก็กวาดไปทั้งห้องอาหาร ก่อนจะมาหยุดอยู่บนตัวของเย้นหว่าน
เมื่อเห็นว่าเย้นหว่านนั่งกินข้าวบนโต๊ะ เขาก็มีท่าทีตกตะลึง เหมือนกับว่าตนเองกำลังเข้าบ้านผิดหลังอย่างไรอย่างนั้น
แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนที่ดูมีการศึกษา มีภูมิฐาน และมีความเป็นมืออาชีพสูง จึงทำให้เขาแสดงสีหน้าตกใจเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาที ก็กลับมาปกติ
เวนเดลล์เมื่อเห็นว่ามีผู้มาเยือนก็รีบลุกขึ้น แล้วยิ้มต้อนรับ
” เจ้ากรมเพ่ย คุณมาได้ยังไง คุณโห้กำลังทานอาหารอยู่ตรงนี้พอดี ”
” แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องดี ”
เจ้ากรมเพ่ยยิ้มอย่างเป็นนัย ก่อนจะตรงมายังโห้หลีเฉิน แล้วโค้งตัวลงเบา ๆ ให้เขาอย่างเคารพ
” คุณโห้ กรุณาเตรียมตัว องค์หญิงท่านต้องการเชิญคุณไป
เย้นหว่านตะลึงเล็กน้อย องค์หญิงงั้นเหรอ
คำว่าเข้าหญิงเพียงไม่กี่คำ ทำให้เกิดความกังวลขึ้นในใจของเธอเล็กน้อย
โห้หลีเฉินสีหน้าดูเคร่งขรึม ปากบางนั้นเม้มลง แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เวนเดลล์พูดหยั่งเชิงเบา ๆ ว่า
” เจ้ากรมเพ่ย บอกได้หรือไม่ว่า องค์หญิงต้องการพบคุณโห้ เพราะเรื่องอะไร ”
” จะเป็นเรื่องอะไรเสียอีก ก็คงเป็นเรื่องที่พวกคุณคิด ๆ กันอยู่นั่นแหละ ”
เจ้ากรมเพ่ยตอบไปประโยคหนึ่ง ก็หันไปเร่งเร้าโห้หลีเฉิน ” คุณโห้ องค์หญิงกำลังรอคุณอยู่ ได้โปรดไปกับผมด้วยเถอะ ”
เวนเดลล์ได้ยินเจ้ากรมเพ่ยพูดแบบนั้น ก็แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา
ก่อนจะพูดว่า ” คุณโห้ คุณไปเถอะ ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูปกติ แต่เย้นหว่านกลับรู้สึกเหมือนกำลังรับรู้ได้ถึงสัญญาณเตือนบางอย่าง
ก่อนจะมองไปที่โห้หลีเฉิน บนใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่ได้บ่งบอกถึงอารมณ์ใด ๆ การไปพบองค์หญิงสำหรับเขาคงไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอะไร
เย้นหว่านค่อย ๆ เลิกคิ้ว ครุ่นคิดเล็กน้อย
ในความเงียบนั้น ในที่สุดโห้หลีเฉินก็พยักหน้า ” ถ้าอย่างงั้นรอสักครู่ เดี๋ยวผมตามออกไป ”
เจ้ากรมเพ่ยคิดว่าโห้หลีเฉินอยากทานอาหารต่ออีกหน่อยจึงยิ้มแล้วพูดว่า
” คุณโห้ไม่จำเป็นต้องทานอาหารที่นี่แล้วล่ะ เพราะองค์หญิงคงเตรียมอาหารทะเลเลิศรสไว้รอคุณโห้ไปรับประทานอยู่แล้ว ”
เย้นหว่านมองอย่างตกตะลึง ในใจเหมือนมีเสียงเตือนที่ดังขึ้นอีกรอบ
ถ้ามีเรื่องให้ต้องเรียกตัวไปก็พอจะเข้าใจได้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่า แม้กระทั่งอาหารดี ๆ ก็ถูกตระเตรียมไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว การกระทำที่เอาใจใส่ขนาดนี้ ไม่มีเรื่องอื่นแอบแฝงเลยจริง ๆ น่ะเหรอ
“พอกลับไปมองใบหน้าอันหล่อเหลา ที่ไม่ว่าใครได้เห็น ก็อดที่จะห้ามใจไว้ได้ของโห้หลีเฉิน ในใจของเย้นหว่าน ก็มีความไม่สบายใจผุดขึ้นมา