บทที่ 697 สาเหตุ
โห้หลีเฉินลูบผมเธอ ทันใดนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็เข้ามาใกล้เธอ พ่นลมหายใจร้อนผ่าวข้างหูเธอ
“ผมชอบดูท่าทางคุณหึง”
เสียงหัวเราะที่มีความสุข ดังขึ้นข้างหูของเธอ
ก็เหมือนกับไฟช็อต ที่ช็อตภายในใจของเธอตรงๆ
จู่ๆหัวใจของเย้นหว่านก็เต้นเร็วแรงขึ้นมาหลายครั้ง แก้มแดงเรื่อร้อนผ่าวอย่างไม่อาจควบคุมได้
เธอผลักเขาออกอย่างไม่ชอบใจ “ใครพูดเรื่องนี้กับคุณ คุณไม่ต้องมาเบี่ยงเบนประเด็นอื่นเลย!”
คิดจะโปรยเสน่ห์หนุ่มหล่อ เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องนี้ไปเหรอ
ไม่มีทาง เชอะ
โห้หลีเฉินถูกบีบจนต้องถอยหลังไปบ้าง แต่กลับไม่เดือดร้อน สายตามองเย้นหว่านอย่างอ่อนโยน อธิบายด้วยความอดทนอย่างยิ่งว่า
“เมล็ดแมกโนเลียอยู่ที่ประเทศเบียนหนาน ก็เป็นของล้ำค่าที่สำคัญมาก อยากจะครอบครองก็ต้องหาวิธี ผมเป็นคนนอก ไม่อาจเข้าถึงเรื่องสำคัญระดับสูงได้ เวนเดลล์แนะนำผมให้ ตอนนี้ผมกำลังยื่นขอตำแหน่งนักการทูต แต่ระหว่างนั้น ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นนิดหน่อย”
“เรื่องไม่คาดฝันอะไร” เย้นหว่านรีบถาม
พูดมาถึงตรงนี้ โห้หลีเฉินขมวดคิ้ว สีหน้าหมองคล้ำลงเล็กน้อย
หลังจากหลายวินาทีผ่านไป เขาจึงเค้นคำพูดออกมาสองสามคำด้วยเสียงเคร่งขรึม “เจ้าหญิงชอบผมเข้าแล้ว”
มุมปากเย้นหว่านกระตุก
ที่แท้ ใบหน้าของชายผู้นี้ก็ดึงดูความสนใจของเพศตรงข้ามจนเกิดความรักใคร่เสน่หาแล้ว!
เธอรู้สึกกังวลในใจ ตอนนี้โห้หลีเฉินต้องทำธุระอยู่ในวัง ยื่นขอนักการทูต เจ้าหญิงเป็นบุคคลที่มีสถานะสูงส่งในวัง เขาเกรงว่าจะถูกบีบเอาไว้ ก่อนที่จะทำงานสำเร็จ ก็ไม่มีทางจะผิดใจกับเจ้าหญิงง่ายๆ
อีกทั้งเจ้าหญิงผู้นี้ยังดูเหมือนว่าจะนิสัยไม่ดี ไม่ใช่ว่าจะใช้อำนาจทำมิดีมิร้าย…กับโห้หลีเฉินนะ
“คุณอย่ามองผมแบบนี้ ระหว่างผมกับเธอ รับรองว่าจะไม่เกิดเรื่องเกินเลยใดๆขึ้น”
ขมับของโห้หลีเฉินกระตุก น้ำเสียงจริงจังหนักแน่น
เรื่องราวดูรับมือยากเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่มีทางทำเรื่องทรยศหักหลังเย้นหว่านเด็ดขาด
แน่นอนว่าเย้นหว่านเชื่อมั่นในตัวโห้หลีเฉิน แต่ว่าสถานการณ์แบบนี้ กลับทำให้ภายในใจเธอหนักอึ้ง ไม่สบายใจเล็กน้อย
คนเราเมื่ออยู่ใต้ชายคาของคนอื่น ก็ย่อมต้องก้มหัวให้เหตุผลข้อนี้ เธอรู้ดี
แม้ว่าโห้หลีเฉินไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ในเมื่อองค์หญิงชอบโห้หลีเฉินเข้าแล้ว ก็ต้องเป็นฝ่ายเข้าหา เรียกร้องแต่ละอย่าง โห้หลีเฉินก็ต้องยอมอ่อนข้อและฝืนตัวเอง เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีให้คงอยู่
ตัวอย่างเช่นแม้เขาจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ต้องไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับเจ้าหญิง
อย่างเช่น เธอกับโห้หลีเฉินมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ก็กลายเป็นพี่ชายน้องสาวไปดื้อๆ……
ตอนที่เธอไม่รู้ โห้หลีเฉินเสียสละไปมากแค่ไหน ทำไปเท่าไหร่แล้ว
“คุณเย้น คุณอย่าเข้าใจผิดเด็ดขาด คุณโห้และเจ้าหญิงบริสุทธิ์ใจจริงๆ”
มู่ลี่ถูกคนเปิดออกจากด้านนอก เวนเดลล์เดินพรวดพราดเข้ามา
เขารู้ว่าเย้นหว่านและโห้หลีเฉินจะต้องพูดคุยเรื่องส่วนตัวกัน จึงได้พาคนอื่นไป รวมทั้งป้องกันไม่ให้คนอื่นได้ยิน ดังนั้นเขาจึงเฝ้าหน้าประตูเอาไว้
จากนั้น ก็ฟังคำพูดของเย้นหว่านและโห้หลีเฉิน ได้ยินทั้งหมดพอสมควรแล้ว
กังวลว่าเย้นหว่านจะเข้าใจโห้หลีเฉินผิด เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังตัดสินใจเข้ามาช่วยพูดให้กระจ่าง
“แม้ว่าผมจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ แต่ว่าอำนาจของข้าราชการก็ไม่มากเท่าเจ้าหญิง วันนั้น เจ้าหญิงรักคุณโห้ตั้งแต่แรกเห็นจึงอยากให้คุณโห้เป็นราชบุตรเขย คุณโห้ตอบปฏิเสธไปทันที
แต่เจ้าหญิงก็ยังไม่ยอมตายใจ บอกว่าจะตามตื๊อคุณโห้ ตอนแรกเรื่องนี้ ก็ควรจะบอกเจ้าหญิงว่า คุณโห้มีคุณอยู่แล้ว
แต่นิสัยดื้อรั้นของเจ้าหญิง ผมกลับรู้ดีว่า ถ้าหากคุณโห้ปฏิเสธเช่นนี้อีก เธอก็ต้องบีบบังคับคุณโห้ รุนแรงน้อยที่สุด ก็คือให้คุณโห้ไม่สามารถยื่นขอนักการทูตได้ รุนแรงมาก ก็อาจจะจับตัวคุณโห้ไปเลย บังคับให้พวกคุณออกไปจากที่นี่
ดังนั้นผมจึงเป็นคนเสนอความคิดเห็น บอกว่าพวกคุณเป็นแค่พี่น้องกัน ให้คุณโห้มีสถานะเป็นคนโสด เวลาอยู่ต่อหน้าคนนอก”
เย้นหว่านเข้าใจได้โดยฉับพลัน ที่แท้เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
ดังนั้นเธอเพิ่งตื่นขึ้นมา ก็กลายเป็นมีสถานะเป็นน้องสาวของโห้หลีเฉินอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
และเจ้าหญิงผู้นั้นในเมื่อยังไม่ยอมตายใจยังคิดจะตามตื๊อโห้หลีเฉิน ก็จะมีสารพัดวิธีการมาหลอกล่อ เชิญไปร่วมรับประทานอาหารก็เป็นหนึ่งในกลเม็ดที่เตรียมไว้
เย้นหว่านปวดหัวเล็กน้อย
เวนเดลล์เกรงว่าเย้นหว่านจะโกรธแล้ว จึงพูดต่ออีกว่า
“คุณเย้นคุณสบายใจได้ แม้ว่าเจ้าหญิงอยากจะตามจีบคุณโห้ แต่ตอนที่ออกจากวังก็จะมีผมอยู่กับคุณโห้ตลอด มีก้างขวางคอชิ้นใหญ่อย่างผมอยู่ด้วย เจ้าหญิงไม่มีโอกาสได้อยู่ตามลำพังสองต่อสอง ดังนั้นสิ่งที่เธอจะทำได้ก็มีไม่มาก
บวกกับความเย็นชาของคุณโห้ ความจริงแล้วแทบจะไม่เคยคุยกับเจ้าหญิงเกินสองประโยคเลย”
ตอนนี้เย้นหว่านเข้าใจหมดแล้ว
ในสถานการณ์แบบนี้ก็คือเจ้าหญิงชื่นชมโห้หลีเฉินจากหัวใจ อยู่ในวังก็จะหาโอกาสต่างๆเพื่อใกล้ชิดกับโห้หลีเฉิน แต่เพราะมีก้างขวางคอ บวกกับนิสัยที่ไม่ยอมให้ใครเข้ามาใกล้ชิดได้ตลอดมาของโห้หลีเฉิน ความจริงแล้วความหลงใหลของเจ้าหญิง แทบจะไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่น
อย่างมาก ก็เหมือนกับผู้หญิงทั่วไป จ้องมองโห้หลีเฉินอย่างคลั่งไคล้
สีหน้าโห้หลีเฉินไม่ค่อยสู้ดีนัก บอกคนนอกว่าเขาโสดเพื่อปลอบใจเจ้าหญิงเรื่องนี้ ตอนแรกก็ทำให้เขารู้สึกไม่เห็นด้วย
เขาพูดเสียงขรึมว่า “ข่าวดีที่เจ้ากรมเพ่ยพูด น่าจะหมายถึงผมถูกเลือกเข้าไปในกระทรวงการต่างประเทศ เจ้าหญิงอาจจะบีบคนส่งข่าวสาร ให้ผมไป อยากจะบอกผมด้วยตัวเอง”
“ผมไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ ก็แค่เข้าไปที่กระทรวงการต่างประเทศ ผมก็สามารถหาวิธีเข้าไปที่กระทรวงการต่างประเทศ ตามหาตำแหน่งที่แน่ชัดของเมล็ดแมกโนเลีย”
“จากนั้น พวกเราก็จะไปจากที่นี่”
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่โห้หลีเฉินจะร่ายยาวเป็นฉาก อธิบายให้เย้นหว่านอย่างละเอียด ก็คือการรับประกัน
เรื่องเจ้าหญิงนี้ตอนแรกเขาก็ไม่คิดจะบอกเย้นหว่าน เดิมก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งด่วน แต่กลับทำให้คนเกิดความไม่สบายใจ เขาจัดการด้วยตัวเองแล้ว ได้เมล็ดแมกโนเลียมาอยู่ในมือก็จะพาเย้นหว่านจากไป
ตอนนี้เย้นหว่านรู้แล้ว ก็ได้แต่จะเพิ่มความกังวลให้เธอเท่านั้น
เย้นหว่านเห็นท่าทางจริงจังของโห้หลีเฉิน จะมีท่าทีหึงหวงและไม่พอใจอยู่ได้อย่างไร แต่กลับกลายเป็นว่ามีแต่ความสงสารเห็นใจ
ตนเองรู้จักเชื่อใจ และรู้ดีถึงท่าทีที่โห้หลีเฉินมีต่อผู้หญิงคนอื่น ตอนนี้การตามตื๊อของเจ้าหญิงคนนั้นทำให้โห้หลีเฉินต้องใช้ความอดทนอย่างมาก
พูดกับเจ้าหญิงสองสามคำ เกรงว่าจะเป็นการทรมานเขา
ที่ต้องเย็นชาใส่อยู่ตลอด
เขาต่างทำงานด้วยความอดทน เธอจะไปคิดหึงหวงฟุ้งซ่านได้อย่างไร ทำให้เขาไม่สบายใจ
เย้นหว่านดึงมือของโห้หลีเฉิน แกล้งทำหน้าโมโห พูดอย่างดุๆว่า
“ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์อะไร คุณห้ามอยู่กับเจ้าหญิงคนนั้นตามลำพัง ยิ่งห้ามแตะเนื้อต้องตัวกันแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นฉันก็จะโกรธแล้ว”
ท่าทางที่แกล้งโกรธนั้น เหมือนกับน้ำในฤดูใบไม้ผลิหยดหนึ่งที่ซึมเข้าไปในหัวใจของโห้หลีเฉิน
เขารู้ เธอจงใจพูดแบบนี้ เพื่อจะผ่อนคลายบรรยากาศ
ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เขาลูบผมเธออย่างอ่อนโยน แต่กลับพยักหน้าอย่างจริงจัง “ผมรับปากคุณ”
เวนเดลล์มองเห็นทั้งสองคนท่าทางพูดจากันเข้าใจดีแล้ว ก้อนหินที่กดทับอยู่ในใจ ก็ปล่อยวางลงมาได้
ตอนแรกโห้หลีเฉินจะปฏิเสธการตามจีบของเจ้าหญิง คือเขาที่แย่งคำพูดของโห้หลีเฉิน บอกว่าตอนนี้เขาโสด
นี่เป็นเรื่องที่เขาต้องตัดสินใจเอง ใช้เวลานานขนาดนั้นแล้ว จึงเกลี้ยกล่อมให้โห้หลีเฉินอดทนไว้อีกหน่อย
โชคยังดี เย้นหว่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิด และก็ไม่ได้ถือสาหาความ