ผู้คนช็อกกับการตัดสินใจของเซอร์ยุนซีจนไม่รู้ยังจะพูดอะไรได้อีกแล้ว
เกรงว่าท่านดยุกคนนี้คงจะเป็นโรคจิตบ้าไปอย่างสิ้นเชิงแล้วมั้ง
เย้นหว่านยิ่งรู้สึกปวดหัวเข้าไปใหญ่
ถ้าเป็นแบบนี้ อีกสามวันเธอยังจะต้องเจอหน้าเซอร์ยุนซีอีกครั้งงั้นเหรอ?
ไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้เธอรู้สึกแย่และต่อต้านกว่านี้แล้วจริงๆ
แต่โห้หลีเฉินยิ่งไม่อยากเจอหน้าเซอร์ยุนซีกว่า แต่ทำไมเขาถึงยังนัดหมายอีกสามวันเจอกันด้วย?
นอกจากยื้อเวลาแล้ว เขาจะต้องมีจุดประสงค์อย่างอื่นแน่นอน
โห้หลีเฉินกำลังวางแผนอะไรอยู่นะ?
งานเลี้ยงราชวงศ์ สุดท้ายแยกย้ายกันไปในความตกตะลึงที่ท่านดยุกนำพามาให้ ที่อยู่ลึกสุดในใจผู้คนก็คือการเสียสละของท่านดยุก และหลังจากจากไป ยิ่งจดจำเรื่องนี้อยู่ในใจเสมอ ดังนั้น ข่าวนี้ก็เลยแพร่กระจายจนรู้กันทั้งประเทศในทันที
แทบจะทุกคนที่ช็อกกับข่าวนี้มาก ต่างก็รู้สึกว่าท่านดยุกบ้าไปแล้วและเหลือเชื่อจริงๆ
และเย้นหว่านที่เป็นคู่กรณีอีกคนในเรื่องนี้ หลังจากถูกนำตัวกลับบ้าน สถานการณ์ของเธอก็ดูเหมือนไม่ค่อยจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ห้องที่ไม่ค่อยกว้างเท่าไหร่ เย้นหว่านถอยหลังทีละก้าวด้วยความตื่นเต้น พร้อมพูดอย่างร้อนตัวและลนลานว่า “โห้หลีเฉิน คุณ คุณใจเย็นหน่อยนะ”
รูปร่างสูงใหญ่ของโห้หลีเฉิน ราวกับทำให้ห้องที่เดิมทีก็เล็กอยู่แล้ว ยิ่งดูคับแคบแออัดเข้าไปใหญ่ แถมยังมีความอันตรายที่ทำให้คนหวาดกลัว
เขาก้าวเท้าเดินมาหาเย้นหว่านทีละก้าว สายตาเย็นเฉียบเหมือนสายลมเย็น เหมือนจะกลืนเย้นหว่านเป็นๆเลย
เขายังโกรธอยู่
ถึงแม้เคยอธิบายในงานเลี้ยงแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่านี่ไม่สามารถทำให้ผู้ชายหายโกรธเลย
เย้นหว่านว้าวุ่นสับสน “คุณต้องรู้เหตุผลหน่อยสิคะ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของฉันจริงๆ ฉันบริสุทธิ์ใจนะคะ”
“บริสุทธิ์ใจ?”
โห้หลีเฉินขยับริมฝีปาก เสียงทุ้มต่ำจนอันตรายมาก
“คนที่อยู่กับเขามาหลายชั่วโมง ไม่ใช่คุณ?”
ใช่เธอจริงๆ
แต่เย้นหว่านรีบชี้แจงว่า “แต่ฉันถูกบังคับนะคะ”
รูปร่างสูงใหญ่ของโห้หลีเฉินก้าวมาข้างหน้า แล้วเข้าใกล้อีกก้าว เสียงยิ่งอยู่ยิ่งต่ำลง “คนที่ควงแขนเข้าไปในงานกับเขา ไม่ใช่คุณ?”
นี่ก็เป็นเธอเหมือนกัน
แต่เย้นหว่านแน่วแน่ที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง “นั่นมันเพราะว่าฉันไม่มีฐานะ ต้องเป็นแฟนถึงจะสามารถเข้าไปได้ ที่จริงฉันก็ไม่อยากเลย”
“ไม่อยากเลย?”
โห้หลีเฉินหยุดฝีเท้าลง รูปร่างสูงใหญ่เหมือนเฉกเช่นภูเขาลูกหนึ่ง ยืนอยู่ที่ตรงหน้าของเย้นหว่านอย่างตัวตรง
“ตอนนี้ทำเอาลือสะพัดไปทั่วบ้านทั่วเมือง ตอนนี้ใครๆก็รู้ว่าคุณกำลังจะเป็นท่านดัชเชส ไม่อยากคำเดียวก็จบแล้วเหรอ?”
ร่างกายของเขาบังแสงเอาไว้ เงามืดเงาใหญ่ปกคลุมลงมา ปกคลุมเย้นหว่านไว้ทั้งคน
อันตรายจริงๆ
เย้นหว่านหัวใจลนลาน และมองเขาด้วยแววตาลุกลี้ลุกลน ในใจเต้นแรงเหมือนกวางน้อยที่สะดุ้งตกใจ
แบบนี้ต่อไปไม่ไหวนะ
ถ้าไฟในใจของโห้หลีเฉินไฟลุกโชนไม่ยอมดับ คนที่ทนทุกข์ทรมานจะต้องเป็นเธอแน่นอน
อีกอย่าง เธอเป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมาเองจริงๆ ตอนนี้ข่าวลือวิพากษ์วิจารณ์ของทั่วทั้งเมืองก็คือความสัมพันธ์ของเธอกับเซอร์ยุนซี โห้หลีเฉินต้องไม่สบายใจแน่นอน
เย้นหว่านร้อนตัวจนกลอกตาไปมา มองสีหน้ามืดมนของโห้หลีเฉินแล้ว จู่ๆเธอเขย่งขาขึ้นมาจูบแก้มของเขาทีหนึ่ง
โห้หลีเฉินอึ้งค้างทันที
แววตาของเย้นหว่านลุกลี้ลุกลน และค่อยๆกอดคอของโห้หลีเฉินไว้
แก้มของเธอคอยถูไถหน้าของเขาเหมือนแมวยังไงอย่างงั้น และพูดจาเสียงอ่อนโยน “ไม่ว่าข้างนอกจะพูดยังไง คุณก็สามารถแก้ไขได้แน่นอนใช่มั้ยคะ? ฉันเป็นผู้หญิงของคุณ ใครก็แย่งไปไม่ได้หรอก”
กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเธอเตะจมูกมา
ความกดอากาศที่โห้หลีเฉินปกคลุมอยู่รอบตัว แทบจะถูกสึกกร่อนและถูกทำลายจนสูญสิ้นในชั่วพริบตา ไอร้อนเดือดพลุ่งพล่านขึ้นมาจากร่างกายอย่างควบคุมไม่ได้
ลมหายใจของเขายิ่งอยู่ยิ่งถี่ มือทั้งสองกดไหล่ของเธอไว้ จากนั้นได้ก้มมองเธอด้วยสายตาเร่าร้อน “นี่ก็คือท่าทีที่คุณยอมรับผิดเหรอ?”
“ห๊ะ?”
เย้นหว่านมองเขาด้วยสีหน้าตะลึงงัน และไม่ทราบสาเหตุ
เธอยังงงงวยอยู่ ริมฝีปากบางของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ก็ได้ประกบลงมาอย่างหนักแล้ว
“อืมมมมม”
เย้นหว่านเบิกตากว้างอย่างตะลึงงัน….
ยามค่ำคืนที่ดึกและยาวนาน
เช้าวันรุ่งขึ้น เธอหลับทีเดียวจนถึงเช้าตรู่ ได้ยินเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบของด้านนอก ถึงถูกรบกวนจนตื่น
เธอลืมตาขึ้น มองฝ้าเพดานที่แกะสลักด้วยดอกไม้แล้วอึ้งไปหนึ่งวิ ทันใดนั้นถึงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธออยู่บ้านของเวนเดลล์
เธอกับโห้หลีเฉินอยู่ที่นี่ในนามพี่น้องกัน
ถ้าถูกคนพบเห็นว่าเธอกับโห้หลีเฉินนอนอยู่ด้วยกัน จะไม่ถึงขั้นเอาชีวิตเลยเหรอ!
เย้นหว่านตกใจจนหายง่วงทันที เธอรีบหันไปผลักผู้ชายข้างกาย แต่พอผลักปุ๊บถึงพบว่าข้างกายว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย
โห้หลีเฉินไม่อยู่?
เธอตกใจจนสะดุ้ง จากนั้นได้ลุกขึ้นมานั่งแล้วมองไปรอบๆห้อง นี่ถึงพบว่าโห้หลีเฉินไปตั้งนานแล้ว แม้แต่อุณหภูมิของเตียงก็เย็นแล้ว
เธอหลับลึกเกิน แม้แต่เขาไปตอนไหนก็ยังไม่รู้เลย
ในใจค่อนข้างผิดหวังอย่างไร้สาเหตุ แต่อีกใจก็รู้สึกโชคดี เขาไปแล้ว วิกฤติที่จะถูกพบเห็นก็ไม่มีแล้ว
นาทีนี้ เธอก็สามารถได้ยินชัดเจนแล้วว่านอกห้องคุยกระซิบกระซาบอะไรกันอยู่
เป็นเสียงของคุณป้า กำลังถามเอะอะเสียงดังว่า “พวกแกมาทำอะไรอยู่ที่นี่? ใครใช้ให้พวกแกมา?”
ใครมากัน?
เย้นหว่านสงสัย ก็ได้ยินผู้ชายคนหนึ่งตอบอย่างอยู่ในกรอบว่า “คุณโห้ให้พวกเรามาเฝ้าบ้านครับ”
“เฝ้าบ้าน?”
คุณป้าพึมพำ เสียงไม่สูงไม่ต่ำ “กฎของที่ไหนกัน ที่นี่ไม่เคยต้องการคนเฝ้าบ้านเลย ที่นี่ก็ไม่มีอะไรให้พวกแกเฝ้าด้วย พวกแกไปเถอะ อย่าอยู่ที่นี่เลย”
ผู้ชายพูดว่า “นี่เป็นคำสั่งของคุณโห้ครับ ถ้าจะให้พวกเราไป ก็ต้องให้คุณชายโห้พูดเองครับ”
คุณป้าหงุดหงิด “ทางคุณโห้ฉันจะไปพูดเอง บอกให้พวกแกไป พวกแกไปก็พอแล้ว”
คุณป้าพูดจบ ผู้ชายก็ไม่พูดจาอีก แต่ก็ไม่มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นเลย เห็นได้ชัดว่าบอดี้การ์ดพวกนี้ไม่มีทีท่าจะไป
เสียงเหล่านี้ใกล้มาก อยู่แค่นอกหน้าต่างของเย้นหว่านเอง ใกล้จนทำให้เย้นหว่านรู้สึกกระวนกระวายใจ
ถึงแม้ตอนนี้เธอสวมใส่เสื้อผ้าแล้ว แต่ชุดนอนสายเดี่ยวที่โห้หลีเฉินเอามา บังรอยดูดที่คอและไหล่เหล่านั้นไม่ได้เลยสักนิด
จู่ๆถ้าคุณป้าบุกเข้ามาอีก เธอไม่สามารถอธิบายเลยด้วยซ้ำว่ารอยพวกนี้มาจากไหน
เธอจะต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้
ดีที่ ครั้งนี้ไม่ต้องทะลุผ่านทั่วลานบ้านไปเอาเสื้อผ้าแล้ว โห้หลีเฉินได้เอาเสื้อผ้าวางไว้ที่ท้ายเตียงของเธอเรียบร้อยแล้ว