การสัมผัสที่ทั้งนุ่มทั้งมัน ทำให้เขาหนังหัวชาไปหมด
ใครจะรู้ว่าเขาพยายามอดทนไว้มากแค่ไหน
แต่กลับยังมีเรื่องที่ท้าทายขีดจำกัดของเขาอีก
สาวอ้วนไม่เพียงแต่ให้เขานวดอย่างสบายใจ ยังพูดชี้ตรงจุดที่ไม่พอใจอีก
“ซ้ายหน่อย ซ้ายอีกหน่อย เลยแล้ว ขวา ขวาอีกหน่อย”
“แรงน้อยไป หนักหน่อยสิหนักหน่อย”
“โอ๊ย ใช่ ตรงนั้นแหละ เจ็บจัง โอ๊ย เบาหน่อยสิ”
เซอร์ยุนซีอดทนไม่ไหวอยากจะหักเอวเธอทิ้งแรงๆไปเลย คิดว่าเขาเป็นหมอนวดจริงเหรอ?!
หันหน้าไป จะต้องหาคนสั่งสอนนังผู้หญิงที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้หน่อยแล้ว
“ท่านดยุก คุณจะไม่พอใจไม่ได้นะ อยากจะแก้แค้นฉันหลังจากเสร็จเรื่องนี้ไม่ได้นะ คุณจะต้องไม่พอใจกับการทดสอบของคุณโห้แน่เลย ตั้งใจแก้แค้นใช่ไหม”
เซอร์ยุนซี “……”
กระตุกมุมปากอย่างแรง ทุกคำพูด แทบจะบีบเคล้นออกมาจากปาก
“ฉันเป็นคนเปิดเผยอยู่แล้ว ไม่ทำเรื่องพวกนั้นหรอก”
“งั้นก็ดี งั้นก็ดี”
สาวอ้วนก้มหน้าลงไปอย่างวางใจ “เพิ่มแรงลงไปอีกหน่อย”
เซอร์ยุนซีกัดฟันกรอด เส้นเลือดปูดนูนออกมา
เย้นหว่านถามอย่างสนใจ “ผู้หญิงคนนั้นคือใคร? น่ารักจริงๆ”
ในประเทศเบียนหนานที่ผู้หญิงต่ำด้อยผู้ชายสูงส่ง โห้หลีเฉินไปหาผู้หญิงที่กล้าต่อกรกับเซอร์ยุนซีขนาดนี้กันนะ?
ความกล้าหาญนี้ เยอะกว่าน้ำหนักของเธอเสียอีก
เป็นที่รักของคนมากเลยนะ
ฉู่ฉู่ส่ายหน้าแล้วส่ายหน้าอีก “ไม่เคยเห็น ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร” ตอนนี้เธอกังวลใจว่าท่านดยุกจะทรมานจนสลบไปหรือเปล่า
เวลาในการนวดนี้ยืดออกไปนานมาก
คนด้านล่างเวทีดูแล้วก็ต่างเริ่มง่วงกันแล้ว
ขนาดเสียงซุบซิบก็ยังน้อยลงไปเลย ผู้คนเริ่มเงียบลงได้ยินแค่คำพูด ‘เบาหน่อย หนักหน่อย’ ของสาวอ้วน
ทำให้คนรู้สึก ท่านดยุกนอกจากจะอนาถแล้ว ฝีมือก็ยังไม่ค่อยเท่าไหร่
จนกระทั่งเซอร์ยุนซีมืออ่อนจนแทบจะหักแล้ว สาวอ้วนที่น่ารำคาญคนนี้ ในที่สุดก็พยักหน้าบอกว่านวดได้ดีแล้ว
เซอร์ยุนซีก็ถึงโล่งอก และถอยหลังไปด้านหลังสองก้าวอย่างแรง
เขามองดูสองมือที่มีน้ำมันเงาวับ อยากจะรีบไปล้างมืออย่างมาก
สาวอ้วนกลับมีใบหน้าสดชื่น ลุกขึ้นมา บิดขี้เกียจไปหนึ่งที
เธอหัวเราะและพูดว่า
“ท่านดยุก ไม่คิดว่าคุณจะมีฝีมือนวดดีขนาดนี้นะ! ฉันลองบิดเอวดูสองที ตอนนี้ไม่เจ็บมากแล้วล่ะ”
เซอร์ยุนซีอึ้งไปทันที เธอชมเขางั้นเหรอ?
มองดูดวงตาที่ยิ้มจนจะปิดอยู่แล้วของสาวอ้วน ก็รู้สึกทะแม่งๆทันที
ในขณะนี้เอง ผู้คนรอบข้างก็เหมือนสะดุ้งตื่น และกระปรี้กระเปร่าทันที
พวกผู้หญิงต่างพูดกันว่า
“ไม่คิดว่าท่านดยุกจะมีฝีมือนวดดีขนาดนี้! เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบจริงๆ”
“ทันใดนั้นก็รู้สึกอิจฉาสาวอ้วนมาก”
“ไม่สิ น่าจะอิจฉาเย้นหว่านมากกว่า ต่อไปเย้นหว่านก็จะได้รับการปรนนิบัติแบบนี้สินะ”
“นั่นสิ อิจฉาจัง ฉันก็อยากแต่งงานให้กับคนที่ทำอะไรได้ทุกอย่างแบบนี้จัง สามีที่ดูแลฉันได้เหมือนไข่ในหินแบบนี้!”
การกระหน่ำมาติดๆนั้น พวกผู้หญิงก็ต่างมีเมล็ดเพาะพันธุ์ในใจ และเติบโตขึ้นโดยห้ามไว้ไม่อยู่
เรื่องที่น่าเชื่อมาก แท้จริงแล้ว ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ขอแค่มีใจ ก็สามารถมีชีวิตที่มีความสุขดุจดั่งนางฟ้าบนสวรรค์ได้
พวกผู้หญิงต่างตื่นเต้นกันใหญ่ พวกผู้หญิงสีหน้าเขียวปั๊ด และบึ้งตึง ทุกคนต่างเงียบไม่พูดกันหมด
ความเปลี่ยนแปลงนี้สำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ถือเป็นเรื่องดีเลย
แต่ที่น่าโมโหคือไม่รู้ว่าจะตอบโต้ยังไง
พวกเขามีลางสังหรณ์หนึ่ง หลังจากวันนี้ไป ความนิยมของประเทศเบียนหนาน อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้
หรือว่าอาจจะเป็นการเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ ในรอบหลายพันปีมานี้
เซอร์ยุนซียังไม่รู้ว่าตัวเองนำผลกระทบมายังไง กว่าจะทำให้ความรังเกียจในใจน้อยลงได้ เขาก็รีบหันไปมองโห้หลีเฉิน
ถามด้วยเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “พี่ การทดสอบของฉัน ผ่านหรือยัง?”
โห้หลีเฉินสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ
เขาตอบเสียงเบาว่า “อืม”
แค่คำพูดง่ายๆ กลับทำให้เซอร์ยุนซีดีใจจนแทบกระโดดขึ้น ใบหน้ามีรอยยิ้มกว้างร่าเริงและตื่นเต้น
ไม่เสียแรงที่เขาอดทนกับความน่ารังเกียจและทรมานนี้
ได้แต่งงานกับเย้นหว่าน ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
เซอร์ยุนซีดวงตาเป็นประกาย เดินไปหาโห้หลีเฉินในทันที และถามว่า
“พี่ งั้นเงื่อนไขของที่สองล่ะคืออะไร?”
การนวดผ่านแล้ว การทดสอบนี้ก็ถือว่าผ่านแล้ว งั้นตอนนี้เขาก็มีสิทธิ์ในการถามข้อที่สองสิ
มองดูท่าทีรีบร้อนของเซอร์ยุนซี สายตาโห้หลีเฉินเต็มไปด้วยความเย็นชาเยือกเย็น
เขาวางถ้วยชาลงช้าๆ ลุกขึ้นมา
“ตามฉันมา”
ว่าแล้ว เขาก็ก้าวเท้ายาว เดินเข้าไปในบ้านอย่างสง่างาม
นี่จะเรียกเขาไปคุยกันเงียบๆเหรอ?
เซอร์ยุนซีกำลังคิดว่าจะเป็นเรื่องอะไร แต่กลับไม่รอช้า รีบตามโห้หลีเฉินไปทันที
ผู้คนที่มามุงดูเห็นสองคนเดินไปแล้ว ก็อยากจะเดินไปตามดูว่าจะมีอะไรอีก กำลังเดินไม่ถึงสองก้าว ก็ถูกเวนเดลล์ห้ามเอาไว้
เวนเดลล์หน้าเป็นมิตร พูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ทุกท่าน วันนี้ความสนุกจบลงแล้ว ในบ้านมีแขกไม่สะดวกต้อนรับทุกคน จะเชิญดื่มเหล้าวันหลังนะครับ”
นี่เป็นการไล่ทางอ้อม
ทุกคนแม้จะสงสัยมาก อยากจะดูอีกหน่อย แต่สุดท้ายก็ไว้หน้าเวนเดลล์ และแยกย้ายกันกลับบ้าน
ตลอดทาง ผู้คนเดินกลับสองสามคนเป็นกลุ่มๆ พูดคุยถึงเรื่องในวันนี้
เสียงซุบซิบกระจายออกไปจากลานบ้านของเวนเดลล์
สายตาของเย้นหว่านย้ายไปมองโห้หลีเฉิน จนกระทั่งเขาเข้าบ้านมา ก็ไม่เห็นแล้ว
เธอกลอกตาขึ้นลง ก็ลุกขึ้นยืน และเดินออกไปด้านนอกในทันที
ฉู่ฉู่สงสัย “เสี่ยวหว่าน เธอจะไปไหน?”
“ไปแอบฟังน่ะสิ”
ฉู่ฉู่ตะลึง กระตุกมุมปากอย่างอดไม่ได้ เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนไปแอบฟังแล้วยังพูดได้อย่างมั่นใจ และแปลกใหม่แบบนี้
เธอรีบวิ่งไปดึงเย้นหว่านไว้ และพูดว่า
“เรื่องที่พวกผู้ชายพูดคุยกัน ไม่ให้พวกเราดู พวกเราก็ไม่ควรไปฟังสิ”
คำพูดนี้เป็นแค่เรื่องรอง ยังคงยกตำแหน่งผู้ชายไว้เหนือกว่าสินะ
เย้นหว่านไม่มีความคิดแบบนี้หรอกนะ
“เรื่องที่พวกเขาพูด เกี่ยวกับฉัน ฉันมีสิทธิ์ในการฟัง”
เย้นหว่านปฏิเสธคำพูดของฉู่ฉู่อย่างเด็ดขาด และดึงเธอออกไปด้วยกัน “พวกเราไปฟังกันเถอะ”
ฉู่ฉู่ทั้งตกใจทั้งลังเล “ไม่มีหรอกมั้ง……”
เย้นหว่านไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธ ลากเธอเดินลงไปด้านหลังทันที
ห้องหลักใหญ่มาก ทางเดินทะลุกันหมดเลย เย้นหว่านเดินลงชั้นสอง อ้อมทางเดินไป อยู่ด้านหลังห้องโถงพอดี
ที่นั่นมีกำแพงกั้นเอาไว้อยู่ และมีท่านกั้นเอาไว้ ไม่เห็นพวกเธอแน่นอน แต่กลับได้ยินเสียงในห้องโถงอย่างชัดเจน
เป็นตำแหน่งแอบฟังที่ดีที่สุด