เธอไม่สามารถควบคุมอะไรได้ เธอเข้ามาที่นี่แค่ตั้งใจสำรวจเส้นทาง ถ้ายิ่งได้เมล็ดแมกโนเลียด้วย เช่นนั้นก็ยิ่งสมบูรณ์แบบ
แผนผังในโรงเรือนที่นี่ทั้งหมดค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ในความรกก็มีความเป็นระเบียบ การเดินอยู่ในนี้ให้ความรู้สึกร่มรื่นสบายตาน่ามอง
และพืชทุกชนิดล้วนอยู่ในสถานที่ที่ไม่สะดุดตา แขวนแท็กป้ายเล็กๆ ระบุชื่อและลักษณะของพืชชนิดนั้นๆ
ซึ่งเย้นหว่านก็ค้นพบว่า สภาพแวดล้อมภูมิอากาศที่นี่มีการกำหนดแผนเอาไว้ พืชเขตร้อนปลูกในเขตร้อนชื้น เขตหนาวหรือเขตแห้งแล้งก็ล้วนมีสถานที่ของมันเช่นกัน
เมล็ดแมกโนเลียไม่ได้อยู่ที่นี่
เมล็ดแมกโนเลียชอบความชื้นและเย็น มันจะต้องอยู่ในพื้นที่อื่นแน่ๆ
เย้นหว่านมองไปรอบๆ และพูดกับเซอร์ยุนซีว่า
“ที่นี่ยังต้องใช้เวลาอีกนานใช่ไหม ฉันไปเดินเล่นที่อื่นได้ไหม”
“ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ”
เซอร์ยุนซีตอบโดยไม่ลังเล
เย้นหว่านแสนจะไม่อยากเดินกับเขาเลย แต่ที่นี่มันกว้างใหญ่มาก แต่ตามทางแทบไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย เธอตัวคนเดียวอาจจะหลงทางได้ทุกนาที
เย้นหว่านจึงพยักหน้า “ไปเถอะ”
เซอร์ยุนซีดวงตาเปล่งกายสดใสท่วมท้น เย้นหว่านต้องอยากเดตกับเขาตามลำพังแน่เลยใช่ไหม
เขารู้สึกตื่นเต้นจนจะลอยขึ้นฟ้าอยู่แล้ว
ใจเย้นหว่านอยากค้นหาเมล็ดแมกโนเลีย ไม่ได้สังเกตเห็นอารมณ์ของเซอร์ยุนซีเลย
เธอเดินไปมองไปพลางถามว่า
“แถวนี้คือเขตร้อนเหรอ แล้วพืชเขตหนาวเติบโตที่ไหนล่ะ”
เขตหนาวเหรอ
เซอร์ยุนซีเลิกคิ้วและยิ้มอย่างมีความหมาย
เขาชี้ไปทิศทางหนึ่ง “ทางนี้”
เย้นหว่านเดินไปทางนั้นโดยไม่ได้คิดอะไรมาก
ที่นี่กว้างใหญ่มาก เย้นหว่านเดินอยู่นาน จนขาเริ่มปวดและอ่อนแรงแล้ว กระทั่งในที่สุดก็สัมผัสได้ถึงอากาศเย็นๆ
เหมือนกับการเปลี่ยนจากฤดูร้อนเป็นฤดูใบไม้ร่วง อากาศมันเย็นลง
ข้างหน้าจะต้องเป็นพืชเขตหนาวแน่นอน
เย้นหว่านดวงตาเป็นประกาย เริ่มเกิดความตื่นเต้น เดินไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้น
เซอร์ยุนซีมองดูเย้นหว่าน สายตาลึกล้ำยากจะคาดเดาขึ้นเรื่อยๆ
“ฮัดชิ้ว!”
อุณหภูมิเริ่มเย็นลง เย้นหว่านที่ยังสวมเสื้อผ้าตัวเดียว จึงจามออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เซอร์ยุนซีจ้องมองตรงไปยังเย้นหว่าน แววตามืดลงทันที
เขารีบถอดเสื้อนอกอย่างรวดเร็ว แล้วคลุมบนตัวเย้นหว่าน ร่างสูงใหญ่เข้าไปยืนข้างเย้นหว่านด้วยระยะห่างที่ใกล้ชิดมาก
เสื้อของชายหนุ่มมีอุณหภูมิของเขาประหนึ่งเครื่องทำความร้อน ให้ร่างกายที่เย็นๆ ของเย้นหว่านอบอุ่นขึ้นมาก
แต่มันก็ทำให้เธอตัวแข็งทื่อเพราะความไม่คุ้นชินอย่างมาก
นอกจากโห้หลีเฉิน เธอเหมือนจะไม่คุ้นชินกับการใกล้ชิดกับผู้ชายทุกคน แม้จะเป็นแค่เสื้อตัวเดียวก็ตาม
เย้นหว่านวางมือบนเสื้อ ตั้งใจจะถอดมันคืนเขา แต่เธอเพิ่งขยับ ทันใดนั้นผู้ชายตรงหน้าก็กลับเข้ามาใกล้
ส่วนสูงร้อยเก้าสิบราวกับภูเขาลูกใหญ่กดดันเข้ามา เย้นหว่านตกใจรีบก้าวถอยหลัง จนไปพิงกับต้นไม้
เซอร์ยุนซีเข้ามาใกล้โดยใช้มือข้างหนึ่งค้ำต้นไม้ กักขังเย้นหว่านไว้ในอ้อมแขนของเขา
ดวงตาของเขามืดสลัว ใบหน้าหล่อเหลากำลังเข้าใกล้เย้นหว่านทีละนิด
ชั่วขณะที่ลมหายใจผสานเข้าด้วยกัน ริมฝีปากของเขาก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เย้นหว่านตกตะลึงตัวแข็งทื่อ
แม้เซอร์ยุนซีปกติจะปัญญาอ่อน พูดจาเรื่อยเปื่อยไร้สาระ แต่ก็ไม่เคยทำอะไรเย้นหว่านจริงๆ เลยสักที เมื่อครู่ยังช่วยเธอไว้ เย้นหว่านจึงวางใจไม่ระวังเขาไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
กลับลืมไปว่าคนคนนี้ก็ยังเป็นผู้ชายอันตราย
“คุณ คุณทำอะไร ออกไปเดี๋ยวนี้!”
เย้นหว่านตวาดอย่างตกใจ
เซอร์ยุนซีมองเย้นหว่านด้วยสายตาเร่าร้อน ราวกับลูกไฟเผาไหม้ไปยันก้นบึ้งดวงตา
น้ำเสียงของเขาแหบพร่าโดยปริยาย
“เสี่ยวหว่าน ไม่ต้องอาย ผมรู้ว่าคุณอยากอยู่กับผมตามลำพัง นานมากแล้วที่ผมอยากจูบคุณ”
ระหว่างที่พูด ริมฝีปากของเขาก็ยื่นเข้ามาทีละน้อย
เย้นหว่านแทบจะรู้สึกได้ถึงความร้อนจากริมฝีปากของเขา
เธอหนังศีรษะชา ทั้งร่างแทบจะระเบิดเสียเดี๋ยวนี้
“เพี๊ยะ!”
เสียงตบดังฟังชัด จู่ๆ ก็ดังสนั่นขึ้นมาท่ามกลางความสับสน
เซอร์ยุนซีที่กำลังขยับมาข้างหน้าหยุดลง หน้าหันเอียงไปเล็กน้อย
บนแก้มเป็นรอยแดงจางๆ
เขาอึ้งและก็อึ้ง เหมือนยากจะยอมรับว่าอยู่ดีๆ เขาจะถูกตบ
เย้นหว่านไม่รอช้า รีบวิ่งหลบออกไปด้านข้างทันที
แวบเดียวเธอก็ออกไปไกลหลายก้าว และมองเซอร์ยุนซีอย่างเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
“เซอร์ยุนซี คุณอย่าเข้าใจผิด ฉันแค่อยากมาเดินเล่นเฉยๆ เท่านั้น ไม่ได้มีความหมายในเชิงนั้นกับคุณ”
เธอไม่เคยคิดเลย เธอตั้งใจจะตามหาเมล็ดแมกโนเลีย โดยถือโอกาสให้เซอร์ยุนซีนำทาง แต่การอยู่กับเขากลับทำให้เขาเข้าใจผิดว่าต้องการอยู่กับเขาตามลำพังและอยากทำเรื่องใกล้ชิดมากกว่าเดิมเสียอย่างนั้น
ได้ยินคำพูดเย้นหว่าน เซอร์ยุนซีถึงตระหนักได้ภายหลังจนสติกลับมา
เขาเอานิ้วลูบหน้าตัวเองที่ถูกตบ จ้องเย้นหว่านด้วยสีหน้าคาดเดาไม่ได้
มองตรงมาที่เย้นหว่านจนตื่นตระหนก
เธอก้าวถอยหลังไปอีกหลายก้าว ชักเท้าเตรียมจะวิ่งหนี “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ”
ทำเรื่องผิดอะไรแบบนั้นในป่าเนี่ยนะ มันจะเป็นไปได้ยังไง
คิ้วเซอร์ยุนซีค่อยๆ ขมวด จ้องมองตรงเข้าไปในดวงตาของเย้นหว่าน มีความเสียใจอย่างชัดใจ
“ไม่ได้จริงเหรอ”
เขามองอย่างตั้งตารอ
เย้นหว่าน “………”
การแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติแบบนี้มันคืออะไรกันแน่ หรือว่าในโลกของเขา ต้องมีเซกซ์กันถึงจะสมเหตุสมผลงั้นเหรอ
เย้นหว่านอยากจะบ้า
มองไปยังสีหน้าเสียใจของเซอร์ยุนซีอีกครั้ง ในใจก็เริ่มเกิดความรู้สึกผิด
ถึงแม้เซอร์ยุนซีจะเห็นเธอแล้วอยากมีเซ็กส์ด้วยมันเป็นความคิดที่ไม่บริสุทธิ์ แต่อย่างไรเขาก็ช่วยชีวิตเธอไว้ ทั้งยังดูเหมือนจะชอบเธอและอยากแต่งงานกับจริงๆ
แต่ความคาดหวังที่แท้จริงแบบนั้น ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่สามารถตอบแทนเขาได้
เย้นหว่านเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเซอร์ยุนซีอย่างจริงจังและพูดว่า
“เซอร์ยุนซี ที่จริงฉันไม่เหมาะกับคุณ มันไม่คุ้มค่าที่คุณจะแต่งงานกับฉัน ไม่สู้หยุดไว้แค่นี้ ตัดใจจากฉันเถอะ แล้วไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นที่ดีๆ ดีกว่า”
เซอร์ยุนซีมองเย้นหว่านด้วยสายตานิ่งๆ เสียงแข็งขึ้นมากว่าปกติ
“เป็นไปไม่ได้”
เย้นหว่านนิ่งอึ้ง และได้ยินเขาพูดต่อไปว่า
“ผมชอบคุณ ชีวิตนี้ผมจะแต่งงานกับคุณเท่านั้น”
การพูดแข็งกร้าวกว่าปกติ ทำให้เย้นหว่านหมดคำจะพูด
มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก เซอร์ยุนซีตกหลุมรักเธอ ต้องการแต่งงานกับเธอ จะจูบเธอ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยถามความเห็นของเธอเลย
เย้นหว่านขมวดคิ้ว จ้องมองเซอร์ยุนซีและพูดอย่างจริงจังว่า
“สิ่งที่คุณพูดในตอนแรก ยังจำได้ไหม”
เซอร์ยุนซีพยักหน้า “จำได้แน่นอน ชีวิตนี้ผมจะเคารพคุณและรักคุณตลอดไป”
เย้นหว่านพูดอีกครั้ง “ในเมื่อจำได้ งั้นตอนนี้ก็ควรเคารพฉันถูกไหม ถ้าฉันไม่อยากแต่งงานกับคุณ คุณก็ควรตัดใจใช่ไหม”
คำพูดนี้ถือว่าเป็นการปฏิเสธอย่างสุภาพ
เย้นหว่านคิดว่าบางทีเซอร์ยุนซีอาจจะโกรธ และอาจจะคิดทบทวน แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เขาไม่คิดอะไรเลย และพูดออกมาหนึ่งประโยคอย่างเป็นปกติมาก
“ผมเคารพแค่ภรรยาของผมเท่านั้น”
เพราะฉะนั้นก่อนที่เย้นหว่านจะแต่งงานกับเขา คำขอร้องที่ไม่อยากแต่งงานกับเขาจึงถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง