แทบจะทุกคนเห็นภาพเหล่านี้ ต่างก็พากันรู้สึกพะอืดพะอมกันเหลือทน ไม่กล้าเชื่อ ว่าคนคนหนึ่งจะถูกข่มเหงจนมีสภาพแบบนี้ได้
มันโหดร้ายเสียยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก
ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชายที่ให้การสนับสนุนโอหยางฝู่อย่างสุดกำลังเหล่านั้น ผู้ชายที่คิดว่าชีวิตผู้หญิงเป็นเหมือนสิ่งไร้ค่า ตอนที่เห็นภาพเหล่านี้ ก็รู้สึกทุกข์ใจจนพูดไม่ออก
ฆ่าคน ทรมานกันจนตายเป็นแนวความคิดสองประเภทที่ไม่เหมือนกัน
อันหนึ่งก็เลือดเย็น อีกอันหนึ่งก็วิปริต
และในภาพนั้น โอหยางฝู่ได้มีรอยยิ้มและอาการตื่นเต้นดีใจอยู่เต็มหน้าส่งไปให้พวกผู้หญิงที่น่าสงสารพวกนั้น
ครั้งหนึ่งเคยทำให้ประเทศเบียนหนานคิดกันว่าเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นและน่าเชื่อถือ ในเวลานี้ได้แปรเปลี่ยนกลายมาเป็นรอยยิ้มปีศาจที่ทำให้รู้สึกน่ากลัว เห็นแล้วก็ได้ทำให้คนรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา เย็นเฉียบไปทั่วทั้งร่าง
ไม่ว่าใครก็ไม่เคยคิดกันมาก่อนว่าท่านเสนาฯ ผู้ยิ่งใหญ่ที่สูงส่งมากนั้น จะเป็นคนวิปริตที่เสียสติอย่างนี้ได้
ภาพลักษณ์ของโอหยางฝู่ ในวันนี้มันได้พังทลายไปโดยสมบูรณ์
เย้นหว่านยุ่งอยู่กับเรื่องการจัดการเรื่องกระบวนการ จึงไม่ทันได้เห็นภาพรอบที่สองในเน็ตเลย นึกว่าจะเป็นภาพที่เธอโพสต์ออกไปกำลังเกิดผลกระทบอะไรบางอย่างอยู่
เห็นการถกเถียงของผู้คนยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ความโกรธแค้นมากขึ้นเรื่อยๆ ใจของเธอเองก็ค่อยๆสงบลง
ขอเพียงแค่ความโกรธแค้นพวกนี้มันหนักขึ้น โอหยางฝู่ก็ยิ่งยากที่จะปลีกตัวออกไปได้
เย้นหว่านยุ่งอยู่ตลอดทั้งเย็น ในที่สุดก็เสร็จ กลับไปหาโห้หลีเฉินด้วยอาการที่เมื่อยเอวปวดหลัง
เธอมุ่งไปยังห้องที่วางคอมพิวเตอร์เอาไว้ ยังเดินไปไม่ถึง ก็มองเห็นโห้หลีเฉินที่กำลังยืนอยู่ที่ประตูนั้นอยู่ไกลๆ เหมือนกับว่ากำลังรอเธออยู่
เย้นหว่านเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย “ทำงานเสร็จหมดแล้วเหรอ? ต้องการให้เฝ้าหน่อยมั้ย?”
หลังจากที่เฝ้าดูเพื่อลบรูปแล้ว แล้วก็ได้โพสต์อันใหม่ไปอีกที
จากนั้นตอนช่วงเวลาที่กำลังเหมาะเจาะ ใช้จังหวะนำการแสดงความคิดเห็นออกไป
โห้หลีเฉินอ้าแขนออก กดร่างของเย้นหว่านอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง รูปร่างสูงใหญ่ของเขาเอาพละกำลังส่วนใหญ่ซบลงไปบนร่างของเธอ
น้ำเสียงการพูดของเขาเหมือนกำลังบ่นอยู่
“ผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว คุณไม่ห่วงสุขภาพผมเหรอ? จะไม่ให้ผมได้พักสักหน่อยเลยเหรอ?”
เย้นหว่านนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย
มองโห้หลีเฉินไปอย่างเหม่อลอย ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่เธอเห็นโห้หลีเฉินบ่นว่าเหนื่อยออกมาน่ะ
มองดูท่าทางที่เขาแสร้งทำเป็นเหนื่อยล้าทั้งที่ในความจริงแล้วไม่ได้เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดแล้วล้วนเป็นดูเป็นการ…กำลังออดอ้อนอยู่งั้นเหรอ?
หัวใจของเย้นหว่านเต้นแรงดังตึกตักออกมาทันที
แก้มของเธอแดงออกมาเล็กน้อย มองเขาไปด้วยสายตาที่หวั่นไหว “คุณกินมื้อเย็นแล้วหรือยัง?”
มันใกล้จะเก้าโมงไปแล้ว เย้นหว่านได้กินข้าวกล่องที่คนอื่นให้มาตอนที่กำลังจัดเตรียมงานไปเรียบร้อยแล้ว ตามหลักแล้ว โห้หลีเฉินก็ควรจะต้องกินไปแล้วเหมือนกัน
แต่ใครจะคิดล่ะว่า โห้หลีเฉินกลับส่ายหน้าปฏิเสธออกมา “ยังเลย หิวแล้ว”
เย้นหว่าน “…” ทำไมเขาถึงไม่กินข้าว?!
เธอขมวดคิ้วออกมาอย่างห่อเหี่ยวใจ รีบลากโห้หลีเฉินเดินไปยังร้านอาหารทันที เดินไปพลางพูดออกมาว่า “ทำไมคุณถึงไม่กินข้าว? ตอนนี้เพิ่งจะมารู้ว่าหิวเหรอ? นี่มันกี่โมงไปแล้ว”
อีกสักพักมันก็จะเป็นเวลาที่จะกินมื้อดึกไปแล้ว
โห้หลีเฉินมองเบื้องหลังที่เดินออกไปอย่างรีบเร่งของเย้นหว่าน มุมปากก็ยกขึ้นอย่างมีความสุข
ไม่ทำอย่างนี้ เขาจะเบี่ยงเบนความสนใจเธอไปได้ยังไงกันล่ะ?
ภาพที่แพร่ออกมาระลอกที่สองพวกนั้น ในประเทศเบียนหนานได้เป็นภาพที่มีการอัปโหลดออกมาโดยที่ไม่มีการเซนเซอร์ใดๆ ภาพที่มันทั้งสกปรกและป่าเถื่อนเหล่านี้ โห้หลีเฉินไม่อยากให้เย้นหว่านเห็นมัน ให้มันมาแปดเปื้อนตาของเธอ
เรื่องที่ตามมานี้ ให้เขาจัดการเองก็พอ
กินข้าวเสร็จ โห้หลีเฉินก็บอกว่าเหนื่อย ยืนกรานในความคิดตัวเองว่าต้องการพาเย้นหว่านไปนอนให้ได้
เย้นหว่านไม่วางใจเรื่องในเน็ต ยังคิดที่อยากจะเข้าไปดูสักหน่อย แต่โห้หลีเฉินกลับไม่ยอมปล่อยไปเลย ยังพาเธอมายังหน้าต่างของห้องอีกห้องหนึ่ง มองเข้าไปข้างในอยู่ซ้ำๆ
เธอจึงมองไปอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อน การ์ดทั้งสี่คนที่หายหน้าหายตาไม่เจอกันมาทั้งวัน ในเวลานี้ได้นั่งกันอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์กันอย่างเป็นระเบียบ นิ้วมือทำงานไปอย่างคล่องแคล่ว
โห้หลีเฉินเอ่ยเสียงเบาออกมา
“คืนนี้พวกเขาจะเฝ้าดูกันอยู่ พรุ่งนี้เช้าคลื่นลมนี้มันจะต้องดันขึ้นไปอยู่บนสุดแน่นอน”
เห็นความเร็วในการทำงานของการ์ดทั้งสี่คนแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ล้วนแล้วแต่จะเป็นเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์มืออาชีพที่เก่งกว่าเย้นหว่าน
เย้นหว่านจึงได้ผ่อนคลายลงในภายหลัง โห้หลีเฉินจึงเอาเรื่องทั้งหมดจัดการไปอย่างดี ดังนั้นแล้ว เธอจึงสามารถนอนหลับสนิทไปอย่างผ่อนคลาย
เธอเพียงแค่ต้องรอเท่านั้นเอง พรุ่งนี้เห็นสภาพของโอหยางฝู่ที่ได้ตกลงมาจากแท่นบูชา
ทั้งประเทศต่างพากันโจมตีขับไล่กันออกมา เขาจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง
หลับฝันดีไปตลอดทั้งคืน
เย้นหว่านนอนหลับสนิทจนตื่นขึ้นมาเอง ตอนที่ลืมตาออกมา สีท้องฟ้าก็ได้สว่างจ้าออกมาแล้ว
เธอนิ่งอึ้งออกมา เกิดความสับสนขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้มันกี่โมงแล้ว?
เธออยากจะดูเวลา ชำเลืองตามองออกไป ก็ได้สบเข้ากับสายตาที่อบอุ่นเสียยิ่งกว่ารุ่งอรุณของโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านเหม่อลอยไปสักพัก หัวใจก็เต้นรัวออกมาโดยอัตโนมัติ
หลังจากที่มาที่นี่ ถึงแม้ว่าเธอกับโห้หลีเฉินจะรักษาจังหวะสามวันนอนหนึ่งครั้ง แต่มันก็ขัดต่อความสัมพันธ์ที่ปรากฏออกมาภายนอก แทบจะหลากหลายครั้ง ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา ข้างๆร่างของเธอจะไม่มีใครอยู่
นานแล้วที่เธอลืมตาขึ้นมาแล้วไม่ได้เห็นโห้หลีเฉินนอนอยู่ข้างๆตัวเธอ
ในใจของเย้นหว่านสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย ในความประหลาดใจนั้นเอง ก็ยังมีความอบอุ่นใจขึ้นมาอีกด้วย
เธอฝังศีรษะอยู่บนอ้อมกอดที่ชวนคิดถึงของเขา พร้อมเอ่ยยิ้มๆออกไป
“คุณโห้อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“คุณเย้น อรุณสวัสดิ์ครับ”
โห้หลีเฉินหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมเอ่ยพูดอรุณสวัสดิ์กับเธอออกมา
คำพูดที่อ่อนโยนนั้น มันไม่สอดคล้องกับออร่าของเขาที่แผ่ออกมาเลย แต่ออกมาจากปากเขาแล้ว มันกลับทำให้คนรู้สึกหลงใหลขึ้นมาอย่างมาก
เย้นหว่านขลุกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ถูไถเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่อยากจะลุกขึ้น
โห้หลีเฉินถือโอกาสกอดเธอไปด้วย พลางเอ่ยออกไปเบาๆ
“อยากนอนก็นอนอีกสักพักหนึ่ง หิวก็ค่อยไปกินข้าวเช้า”
ในความหมายนั้น หมายความว่าเขายังจะขลุกอยู่เป็นเพื่อนเธอบนเตียงต่อด้วยหรือเปล่า?
กอดร่างอุ่นหนาของโห้หลีเฉิน เย้นหว่านอยากหลับตาอยู่ตลอดเวลา หลับให้สบายไปอีกที
แต่ตื่นขึ้นมา เธอก็ได้นึกถึงเรื่องที่จะต้องทำวันนี้ขึ้นมา
วันที่ได้มีการตรวจสอบภายในของเซอร์ยุนซี จะสามารถล้มล้างโอหยางฝู่ได้หรือเปล่า จะสามารถดึงเขาลงมาได้หรือเปล่า มันก็อยู่ที่ครั้งนี้แล้ว
เรื่องสำคัญอย่างนี้ เธอไม่อาจอยู่บนเตียงอยู่ได้ มันจะไม่รู้อะไรทั้งนั้น
เย้นหว่านข่มกลั้นความคิดที่อยากจะกอดโห้หลีเฉินนอนต่อที่แล่นเข้ามาในหัว คลานออกมาจากใต้ผ้าห่มลุกขึ้นมา ยืดคอออกไปดูเวลาที่อยู่ตรงหัวเตียง
“เก้าโมงครึ่งแล้ว! การตรวจสอบภายในมันเริ่มแล้ว!”
โห้หลีเฉินยื่นมือข้างหนึ่งกดเย้นหว่านเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตัวเองใหม่อีกครั้ง พร้อมเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจว่า
“คนที่ถูกไต่สวนคือเซอร์ยุนซี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”
เห็นเย้นหว่านที่เพียงแค่เป็นสนใจเรื่องที่เกี่ยวกับเซอร์ยุนซีไปทุกเรื่อง โห้หลีเฉินก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
ถ้าไม่ใช่ว่าจะต้องลากท่านเสนาฯ ให้ย่อยยับ ใจจริงเขาก็อยากจะช่วยท่านเสนาฯ ฆ่าเซอร์ยุนซีให้ตายไปเสีย
เย้นหว่านได้ยินแล้วก็รู้สึกเจ็บจุกขึ้นมา
เธอรู้สึกจนใจอยู่สักพัก ซุกอยู่ในอ้อมกอดโห้หลีเฉินแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “คุณโห้ คุณนี่นับวันจะยิ่งกินน้ำส้มเก่งขึ้นเรื่อยๆเลยนะคะเนี่ย”
โห้หลีเฉินตีหน้าขรึมออกมา “เกรงว่าคุณยังไม่ได้กินข้าวเช้า เลยหิวขึ้นมาแล้ว”
ดังนั้นแล้วก็เลยป้อนน้ำส้มให้เธองั้นเหรอ?
ยังจะยอมรับออกมาได้หน้าตาเฉยอีกนะ!
รอยยิ้มตรงมุมปากของเย้นหว่านอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้างออกมาอีกหลายส่วน แต่ความง่วงงุน มันก็ไม่มีแล้วจริงๆ
“คุณโห้คะ ฉันรู้สึกหิวขึ้นมานิดหน่อย พวกเราไปกินข้าวเช้ากันเถอะ”
ในห้องรับประทานอาหารมีทีวี สามารถเปิดดูเกี่ยวกับข่าวการตรวจสอบภายในนี้ดูได้ จะได้รู้เรื่องความคืบหน้าโดยประมาณบ้างสักหน่อย
ส่วนเรื่องที่ว่าในการตรวจสอบภายในนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกสื่อได้รับทราบ ผลสุดท้ายจะเป็นยังไง ก็ทำได้แค่เพียงต้องรอให้การตรวจสอบภายในนั้นสิ้นสุดลง