ป่ายฉีหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเขกหัวของเย้นหว่าน
“นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ฉันยังต้องใช้วิธีที่ล้าสมัยแบบนั้นอีกเหรอ? ฉันจะเอาไปต้มก่อน…….แล้วค่อยให้เขากิน”
การต้มเหรอ หรือเป็นการสกัดฤทธิ์ยา?
ดูท่าแล้ว ป่ายฉีคงจะเป็นหมอที่เก่งที่สุดในโลกแล้ว มีเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ไม่มีที่อื่นในโลก ต้องไม่ใช่การต้มธรรมดาแน่เลย ต้องเป็นการใช้เครื่องมือและวิธีพิเศษเพื่อสกัดฤทธิ์ยาออกมา
เมื่อเป็นแบบนี้ ถึงแม้ยาจะตกอยู่บนพื้น หรือจะจมอยู่ในกองเลือด ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่โห้หลีเฉินกินเข้าไป ก็สะอาดอยู่ดี
เมื่อคิดได้แบบนี้ เย้นหว่านถึงจะวางใจ มองดูป่ายฉีหยิบถ้วยออกมาหนึ่งใบ แล้วตักสารตกค้างของเมล็ดแมกโนเลียที่ปนอยู่กับโคลน เข้ามาในถ้วย
จากนั้นเขาก็ใช้เหล็กทำเป็นโครงเล็กๆบนพื้น แล้ววางถ้วยไว้ข้างบน และจุดเทียนด้านล่าง เริ่มการสกัดฤทธิ์ยา
เย้นหว่านมองดูอุปกรณ์สกัดฤทธิ์ยาที่เรียบง่ายของเขาด้วยความอึ้ง
นี่ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม? การสกัดฤทธิ์ยาง่ายขนาดนี้เลย?
นี่มันการต้มธรรมดาชัดๆ……..
และแล้ว ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีของเย้นหว่าน ราวกับได้รับการยืนยันอย่างเร็วโดยทุบค้อน
เห็นเพียงป่ายฉีกำลังต้มยาในถ้วยนั้น จากนั้นก็ใช้ช้อนตักตรงผิวน้ำออกมาสองสามช้อน ไปใส่ที่อีกถ้วยหนึ่ง
จากนั้นก็ยืนขึ้นมาทันที ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “โอเค เสร็จแล้ว”
“แค่นี้ก็เสร็จแล้ว?”
เย้นหว่านยืนอึ้ง มองดูถ้วยนั้นที่ไม่มีโคลนและสารตกค้างแล้ว ทว่า สีมันแปลกมาก แถมยังมีเลือดปนอยู่ ไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นสิ่งที่ให้คนกิน
และคนที่กินก็ยังเป็นโห้หลีเฉิน
น่าขยะแขยงจริงๆ
ทว่า ป่ายฉีนั้นใจเย็นมาก โดยไม่สนว่าสิ่งที่ตัวเองสกัดออกมานั้นหน้าตาจะเป็นยังไง เขาหยิบถ้วยขึ้นมาแล้วเดินมุ่งหน้าไปหาโห้หลีเฉิน
พลางเดินพลางพูด “อันนี้ต้องดื่มตอนร้อนๆ ถ้าเย็นแล้วผลลัพธ์มันก็จะลดลง”
ท้ายที่สุดก็ต้องกิน
เย้นหว่านรู้สึกหมดหวังและพูดไม่ออก
เธอเดินตามเขาไป เมื่อเห็นร่างของโห้หลีเฉินที่นอนอยู่บนเปลหามบนพื้น หน้าของเขานั้นซีดขาวมาก สีหน้าไม่ค่อยดีนัก แต่เขาลืมตาอยู่
“นายตื่นแล้วเหรอ?”
ทันใดนั้น เย้นหว่านก็รู้สึกดีใจมาก รีบวิ่งเข้าไปที่ตรงหน้าของเขา
เธอนั่งลงข้างๆเปลหาม แล้วจับมือของโห้หลีเฉินไว้ และน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา “เป็นยังไงบ้าง? ยังเจ็บตรงไหนเป็นพิเศษไหม?”
ริมฝีปากของโห้หลีเฉินแห้งและซีดมาก แค่อ้าปากเล็กน้อย ก็สามารถมองเห็นรอยแตกได้
สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก ทว่า เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผ่อนคลายสบายๆ ค่อยๆยื่นมือออกไปจับผมของเย้นหว่าน
“ไม่เจ็บ การรักษาของป่ายฉีดีมาก”
ดึงเขากลับมาจากสภาพที่ใกล้ตาย
เมื่อเห็นท่าทางที่โห้หลีเฉินแกล้งทำเป็นผ่อนคลายแล้ว เย้นหว่านก็รู้สึกเป็นห่วงจนน้ำตาไหลออกมา
เธอรู้ว่าเพราะเขากลัวเธอเป็นห่วงและเสียใจ แม้จะเจ็บมากแค่ไหน ก็อดทนไว้ไม่แสดงออกมา
งั้นเธอก็ยิ่งไม่ควรทำให้เขาเป็นห่วง
เย้นหว่านพยายามฮึบไว้ แล้วจับมือของโห้หลีเฉินแน่น “ป่ายฉีสามารถสกัดฤทธิ์ของเมล็ดแมกโนเลียออกมาได้ นายจะต้องปลอดภัยแน่นอน”
เมื่อโห้หลีเฉินได้ยิน ก็ตัวสั่นเล็กน้อย
แม้แต่เขายังตกใจ เมล็ดแมกโนเลียถูกบดขยี้ขนาดนั้น ยังสามารถสกัดฤทธิ์ของมันออกมาได้?
ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็ยังมีทางรอดน่ะสิ!
“ไม่ต้องรู้สึกขอบคุณฉันหรอก กลับไปทำตามเงื่อนไขสิบข้อของฉันก็พอ”
ป่ายฉีถือถ้วยไว้ แล้วเดินมาอย่างช้าๆ
โห้หลีเฉินเงยหน้ามองไปยังเขา แล้วพูดขึ้นช้าๆ “โอเค” อย่าว่าแต่สิบข้อเลย ร้อยข้อก็ทำให้ได้ ถ้าวันนี้ไม่มีป่ายฉี ตอนนี้โห้หลีเฉินคงจะอยู่ที่ยมโลกแล้ว
โห้หลีเฉินไม่เคยตระหนี่กับใคร
เย้นโม่หลินเหลือบไปมองป่ายฉี เงื่อนไขสิบข้อ? ยังมีหน้าพูดแบบนี้ออกมาอีก ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ฉันชอบคนไข้ที่ใจดีแบบนี้ที่สุดเลย”
ป่ายฉีหัวเราะแล้วเดินไปตรงหน้าของโห้หลีเฉิน จากนั้นก็ยื่นถ้วยในมือให้เขา “รีบดื่มเข้าไปเถอะ สภาพภายในร่างกายของนายก็จะดีขึ้นประมาณหนึ่งส่วนสาม”
ยานี้เป็นยาที่สกัดฤทธิ์ออกมาจากเมล็ดแมกโนเลีย?
โห้หลีเฉินมองดูสีที่แปลกประหลาดนั้น กลิ่นคาวของเลือดก็ลอยเข้ามาในจมูกของเขา จนทำให้เขาขมวดคิ้วแน่น
ส่วนประกอบของสิ่งนี้เหมือน……….
“กลิ่นและรสชาติอาจจะไม่ค่อยดีนัก ทว่า ยาได้ผลแน่นอน นายรีบดื่มเข้าไปเถอะ
ป่ายฉียื่นถ้วยเข้าไปใกล้โห้หลีเฉินมากขึ้น
ใบหน้าของเขามีรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ไม่มีเจตนาร้าย
เย้นหว่านที่อยู่ข้างๆ เอามือปิดหน้า ทนดูต่อไม่ได้
สิ่งนี้มันต้มออกมายังไง เธอเห็นมันกับตาตัวเอง และรู้ว่ามันน่าขยะแขยงแค่นี้
ถ้าให้เธอดื่ม เกรงว่าเธอจะอ้วกออกมา
ทว่า นี่เป็นเมล็ดแมกโนเลียเดียวที่เหลืออยู่ โห้หลีเฉินต้องพึ่งมันในการรักษา
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปาก แล้วมองไปยังเย้นหว่าน การแสดงออกเล็กน้อยของเธอนั้น ทำให้ความสงสัยภายในใจของเขาได้รับการยืนยันทันที
ส่วนผสมของยาถ้วยนี้น่ากังวลหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
“เย้นหว่าน เธอช่วยหาลูกอมไว้ให้ฉันหน่อยสิ”
โห้หลีเฉินพูดเสียงต่ำ
เย้นหว่านยืนนิ่ง ลูกอม? คนทั่วไปกินยานั้นอาจต้องการลูกอม ทว่า โห้หลีเฉินแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ไม่ได้แกล้งทำเป็นต้องการลูกอมตอนกินยาหรอกมั้ง?
แต่ มองดูหน้าตาที่ขาวซีดและอ่อนแอของเขาแล้ว อาจเป็นเพราะกำลังป่วย จึงทำให้สภาพดูแย่ลงมาก
เย้นหว่านรีบลุกขึ้นยืน “ฉันจะรีบไปถามพวกบอดี้การ์ดว่ามีลูกอมไหม นายรอฉันก่อนนะ”
พูดจบ เย้นหว่านก็วิ่งไปยังกลุ่มบอดี้การ์ดที่กำลังเก็บกวาดศพอยู่
เธอเพิ่งวิ่งออกไป โห้หลีเฉินก็รับถ้วยยามาจากมือของป่ายฉี เงยหน้า อ้าปาก แล้วดื่มเข้าไปในคำเดียว
ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อย ทำให้ป่ายฉีถึงกับอึ้ง
ป่ายฉีมองดูเขาอย่างตกตะลึง ผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงจะเอ่ยปากถามขึ้น
“รสชาติเป็นยังไงบ้าง?”
ถึงแม้เขาจะไม่เคยดื่ม ทว่า เนื่องจากที่เขาเป็นคนสกัดมันออกมา เขารู้ดีว่ายาถ้วยนี้ ไม่ใช่แค่ดื่มยากธรรมดา แต่มันดื่มยากมากๆเลย
โดยเฉพาะกลิ่นคาวของเลือดที่ไม่ได้กำจัด ก็ทำให้ผู้คนขยะแขยงจนอยากอ้วกแล้ว
โห้หลีเฉินดื่มได้อย่างปกติแบบนี้ ต้องใช้ความใจแกร่งแค่ไหน? หรือมันไม่มีรสชาติแต่แรกอยู่แล้ว?
โห้หลีเฉินโยนถ้วยทิ้ง แล้วเม้มปากแน่น ไม่ได้ตอบคำถามของป่ายฉี
รสชาติดีหรือแย่ หรือดื่มยากมากแค่ไหน เขานั้นไม่ได้ใส่ใจ
เมื่อเผชิญกับความเป็นความตาย เขาไม่เคยลังเลหรือเสแสร้ง
ไม่นานเย้นหว่านก็วิ่งกลับมา ในมือถือลูกอมไว้หนึ่งกำ
“ลูกอมมาแล้ว นายสามารถดื่มได้……….”
เย้นหว่านยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นถ้วยเล็กๆนั้นตกอยู่บนพื้นอย่างว่างเปล่าแล้ว
“เพิ่งดื่มเสร็จ”
โห้หลีเฉินพูดขึ้นอย่างเรียบนิ่ง แล้วยื่นมือไปทางเย้นหว่าน “ลูกอมรสอะไร ไหนขอชิมหน่อย ตอนนี้รู้สึกขมปากนิดหน่อย”
แค่ขม หรือคาว?
ทว่า ไม่น่าจะรู้สึกดี
เย้นหว่านเป็นห่วงมาก จึงรีบยื่นลูกอมทั้งหมดให้โห้หลีเฉิน ขณะเดียวกันก็แกะลูกอมหนึ่งเม็ดแล้วป้อนโห้หลีเฉิน
“ลูกอมนี้หวานมาก กินเข้าไปก็จะไม่ขมแล้ว”
เย้นหว่านหวังว่าความหวานของลูกอมจะช่วยให้โห้หลีเฉินบรรเทารสชาติที่แย่ของยานั้นได้
แม้เธอจะไม่ได้ดื่ม ก็รู้ถึงรสชาติของมันดี
โห้หลีเฉินให้ความร่วมมืออย่างดีโดยการอ้าปาก ปิดปาก ริมฝีปากของเขางับไปที่มือของเย้นหว่านด้วยความตั้งใจ
จู่ๆนิ้วของเธอก็รู้สึกร้อนผ่าว
เย้นหว่านนั้นตัวสั่นเล็กน้อยราวกับโดนไฟดูด และทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เริ่มแดงก่ำ