โห้หลีเฉินยืนข้างเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า
“เขาขอแต่งงาน คุณจะประหม่าอะไรล่ะ เย้นหว่าน ฉันไม่ชอบให้คุณจ้องมองเขานะ”
น้ำเสียงของโห้หลีเฉินช่างหาเรื่อง เหมือนกับเขากำลังหึงหวงอย่างมาก
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินอย่างงุนงง หัวใจของเธอวุ่นวายสับสน และไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ในเวลาอย่างนี้คุณโห้ยังสามารถหึงหวงได้อีก
เขาไม่ร้อนใจเลย เซอร์ยุนซีขอเธอแต่งงานเพื่อแย่งเธอไปนะ?
ดวงตาของเซอร์ยุนซีมองตรงไปที่เวนเดลล์ พูดอย่างจริงจังด้วยน้ำเสียงทุ้มที่ดังและชัดเจนว่า
“คุณเวนเดลล์ ตามประเพณีของประเทศเรา การขอแต่งงานของผู้ชายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ฉันนำสินสอดมาแล้ว คืนนี้ฉันก็จะพาเจ้าสาวไป”
เวนเดลล์ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างขัดเขินอึดอัดราวกับกำลังจะระเบิดออกแล้ว
เขากระอักกระอ่วนใจมาก และพูดอย่างตะกุกตะกักว่า
“ท่านดยุก แม้ว่าคำกล่าวจะเป็นอย่างนั้น แต่ แต่…ยังไงคุณหนูเย้นหว่านก็ไม่ใช่ชาวเบียนหนานนะ เธอไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามประเพณีของประเทศเบียนหนาน
นอกจากนี้ ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรกับคุณหนูเย้นหว่าน ถ้าจะให้ฉันรับการสู่ขอแต่งงาน ฉันก็ไม่สามารถตัดสินใจได้”
เซอร์ยุนซีหันเหสายตาจ้องมองไปที่ร่างของเย้นหว่าน และเห็นเธอกับโห้หลีเฉินจับมือกันอยู่ ดวงตาของเขาก็หม่นมัวลง
เขาพูดกับเวนเดลล์ในทันที “คุณสามารถตัดสินใจได้”
ในที่สุดเขาก็หันมองไปที่ฉู่ฉู่
สายตาของเซอร์ยุนซีก็อ่อนโยนลงหลายส่วน และฉายแววมุ่งมั่นที่ไม่อาจต้านทานได้
“เพราะคนที่ฉันจะแต่งงานด้วยคือฉู่ฉู่”
พูดได้คำเดียวว่า เหมือนกับการทิ้งระเบิดในทะเลสาบ พอระเบิดทำงานก็เกิดความปั่นป่วนโกลาหลในทันที
แม้แต่เย้นหว่านก็ยังตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
เธอมองเซอร์ยุนซีอย่างเหลือเชื่อ และใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะเข้าใจคำพูดของเขา
เขาบอกว่าคนที่เขาจะแต่งงานด้วยคือฉู่ฉู่?
ฉู่ฉู่? !
เย้นหว่านอารมณ์ดี และก็มีความสุขราวกับตนเองถูกคนที่ชอบขอแต่งงาน
เธอจับมือของโห้หลีเฉินอย่างตื่นเต้น แล้วเงยหน้าขึ้นพูดว่า “โห้หลีเฉิน เซอร์ยุนซี เขาจะแต่งงานกับฉู่ฉู่ พวกเขา…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ก็มองท่าทางไม่สนใจของโห้หลีเฉิน ก็ตระหนักถึงบางสิ่งอย่างอัตโนมัติ
เธอถามด้วยความสงสัย “คุณก็เดามาตั้งแต่แรกแล้วเหรอ?”
ดั้งนั้นเมื่อครู่ที่เซอร์ยุนซีมาขอแต่งงาน เขาถึงใจเย็นอย่างนั้น? และยังมีเวลาหึงหวง
มิฉะนั้น ด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวของโห้หลีเฉิน หากเซอร์ยุนซีกล้าขอเธอแต่งงาน ณ ตอนนี้ เธอกลัวว่าเขาจะพูดไม่ถึงประโยคที่สอง ก็จะถูกบีบคอให้ตายก่อน
โห้หลีเฉินพยักหน้าใกล้ปลายจมูกของเย้นหว่าน และพูดด้วยเสียงเอาแต่ใจว่า
“มีแต่คุณที่โง่อย่างนี้”
เซอร์ยุนซีไม่ใช่คนโง่ เรื่แงความสัมพันธ์นั้นก็ถูกเปิดเผยออกไปแล้ว แม้ว่าเขาจะยังลุ่มหลงเย้นหว่าน ก็จะไม่ใช้แผนการขอแต่งงานแบบนี้อีกแล้ว
เพราะทุกคนรู้ว่าประพณีของประเทศเบียนหนานนั้นไม่มีผลกับเย้นหว่าน
และวันนี้เขายังนำสินสอดมาขอแต่งงาน ก็มีเพียงความเป็นไปได้อีกหนึ่งทาง เมื่อเจ้าสาวของการแต่งงานนั้นไม่ใช่เย้นหว่าน แต่คือฉู่ฉู่
ดูเหมือนว่าไม่กี่วันมานี้จะทำให้เซอร์ยุนซีรู้ผิดรู้แก้ไข และเข้าใจหัวใจของตัวเองได้อย่างชัดเจน
ฉู่ฉู่ผู้อยู่ในฐานะบุคคลที่เกี่ยวข้อง ยืนอยู่ในที่นั้นอย่างเหม่อลอย แสดงออกถึงอาการงงงัน
เธอมองเซอร์ยุนซีอย่างเหม่อลอย สติสัมปชัญญะทั้งหมดยังไม่หวนคืนสู่ตนเอง
เธอกลัวว่าเพราะตัวเองนอนไม่ค่อยหลับมาหลายวัน ก็เลยเป็นบ้าไปแล้ว ประสาทหลอนหรือเปล่า?
จากนั้นเธอก็ได้ยิน ได้ยิน เซอร์ยุนซีบอกว่าต้องการเธอ ช่างเป็นคำพูดที่ไร้สาระ
เซอร์ยุนซีมองตรงไปที่ฉู่ฉู่ ก้าวเท้ายาว ๆ ทีละก้าวเดินมุ่งมาหาเธอ
เขาจ้องมองมาราวกับว่าเธอเป็นคนเดียวในสายตาเขา
น้ำเสียงของเขาทุ้มลึกและจริงจัง “ฉู่ฉู่ ฉันครุ่นคิดมากในสองวันที่ผ่านมานี้ ในที่สุดฉันก็รู้แล้ว ฉันไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ฉันชอบก็คุณไปแล้ว”
ชอบ ชอบคุณแล้ว…
คำหลายคำนี้เหมือนดังไฟฟ้าไหลสู่หัวใจของฉู่ฉู่ ทำให้เธอตกใจจนแทบหยุดหายแล้ว
นี่เป็นภาพที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึง
จู่ ๆ เซอร์ยุนซีก็บอกว่าเขาชอบเธอ ชอบเธอแล้ว
“ฉันมีนิสัยแปลก ๆ มาตลอด ฉันไม่ชอบติดต่อกับผู้หญิง และยิ่งไม่ชอบให้ผู้หญิงใกล้ชิดกับฉันมากเกินไป แต่สำหรับคุณ ฉันไม่เคยปฏิเสธเลย ตลอดเวลา ฉันเพียงคิดว่าเป็นเพราะเสี่ยวหว่าน เพราะการที่ต้องดูแลเพื่อนเธอ แต่ที่จริงแล้ว ตั้งแต่แรกที่ฉันไม่รู้ตัวนั้น ฉันก็ถูกดึงดูดด้วยรอยยิ้มของคุณแล้ว ฉันชอบนิสัยที่บริสุทธิ์และใจดีของคุณ คุณมักจะดึงดูดสายตาของฉันโดยไม่รู้ตัว เมื่อฉันอยู่กับคุณ จะรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น เมื่อสัมผัสคุณ ก็รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลพุ่งไปทั่วร่างกาย ฉันมักละเลยความรู้สึกเหล่านี้อย่างไม่อยู่ในสายตาตลอดเวลา จนกระทั่งวันนั้นที่คุณจากไปอย่างไม่สนใจเลยสักนิด ฉันถึงรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่หายไป ในใจของฉันโศกเศร้าและว่างเปล่า ฉันจึงรู้ว่าฉันชอบคุณมานานแล้ว ”
เซอร์ยุนซีจ้องมองฉู่ฉู่ และพูดจากก้นบึ้งหัวใจของเขา
ฉู่ฉู่มองเซอร์ยุนซีอย่างเลื่อนลอย ดวงตาของเธอแดงก่ำในทันที น้ำเสียงและคำพูดที่ชัดเจนเช่นนี้ทำลายปราการหัวใจของเธอทีละเล็กทีละน้อย
ทำให้เธอรับรู้ว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝัน
เซอร์ยุนซีสารภาพกับเธอจริง ๆ เป็นสิ่งที่เธอถวิลหาแม้ในยามฝัน และกลายเป็นความจริงโดยไม่คาดฝัน
เซอร์ยุนซีก้าวอีกก้าวไปข้างหน้า แล้วหยุดใกล้ ๆ กับฉู่ฉู่
เขาหยิบกล่องสี่เหลี่ยมที่ประณีตสวยงามออกมาจากกระเป๋าของเขา แล้วเปิดออก ข้างในกล่องนั้นเป็นแหวนเพชรเจียระไนงดงาม
เขาจ้องมองเธออย่างประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ยังจริงจังอย่างที่สุด
“ฉู่ฉู่ แต่งงานกับฉันนะ ตกลงไหม”
น้ำตาไหลรินท่วมท้นออกมา
ฉู่ฉู่ปิดปาก พลางสะอื้นไห้ แม้เธอจะไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ และทำได้เพียงพยักหน้าไม่หยุด
เธอตกลงอย่างแน่นอน เธอใฝ่ฝันจะแต่งงานกับเขามาตลอด
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงความฝัน เธอก็เต็มใจจนยินยอมทุกอย่าง และไม่อยากจะตื่นอีกเลย
สีหน้าประหม่าของเซอร์ยุนซีค่อยผ่อนคลายลง และมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
เขาจับมือฉู่ฉู่เบา ๆ แล้วสวมแหวนให้เธออย่างเคร่งขรึม
“ว้าว สวยจังเลย”
เย้นหว่านอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เซอร์ยุนซีและฉู่ฉู่ยืนเคียงข้างกัน สายสัมพันธ์อันผูกพันลึกซึ้งระหว่างกันงดงามราวกับม้วนภาพที่ทำให้คนซาบซึ้งใจ
ในที่สุดคู่รักก็จะกลายเป็นสามีภรรยา
โห้หลีเฉินเหยียดแขนออกโอบไหล่ของเย้นหว่าน ก่อนจะกระซิบข้างหูของเธอว่า
“อิจฉาเหรอ?”
เย้นหว่านพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
โห้หลีเฉินหัวเราะเบา ๆ น้ำเสียงของเขานั้นดึงดูดน่าหลงใหล “งั้นเรากลับไปแล้ว ก็แต่งงานกันเถอะ”
อย่างนี้ก็ไม่จำเป็นต้องอิจฉาคนอื่นแล้ว
เย้นหว่านก็แข็งนิ่งในทันใด ตุ้บ ๆ เสียงหัวใจของเธอเต้นแรงโลด
เมื่อกลับไปก็แต่งงาน?
เมื่อเธอจินตนาการภาพยืนเคียงคู่กับโห้หลีเฉินในโบสถ์และกล่าวคำปฏิญาณต่อกันและกัน ใบหน้าของเย้นหว่านก็แดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ความหวานชื่นในหัวใจกำลังจะโบยบินไปเหนือก้อนเมฆแล้ว
ถ้าเธอกลับไปแล้ว ก็สามารถแต่งงานกับโห้หลีเฉินได้ ก็คงจะดีมาก
แต่เย้นโม่หลินและพ่อแม่ พวกเขาจะเห็นด้วยไหม?
เวนเดลล์เหลือบมองเซอร์ยุนซีและฉู่ฉู่กอดกัน จึงหายตกใจ และได้สติกลับคืนมา
แล้วเขาก็ยิ้มอย่างแสนสุขใจ
ช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างเกินความคาดหมาย เขาคิดว่าเป็นความเกลียดชังจากเรื่องของผลประโยชน์ของท่านดยุก แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ จนท่านดยุกกลายเป็นลูกเขยของเขา
เวนเดลล์หัวเราะครื้นเครง
“ฉันจะให้คนจัดกระเป๋าของฉู่ฉู่ทันที เธอจะแต่งงานเข้าคฤหาสน์ของท่านดยุกในคืนนี้”