นี่เป็นงานเลี้ยงวันเกิด ทั้งยังมีญาติมิตรมากันไม่น้อย ป่ายฉีนั้นมาเป็นครั้งแรกก็ควรจะเปิดตัวให้ดีๆ ให้ญาติพี่น้องได้รู้จักและยังจะช่วยให้พวกเขาเปิดเผยความสัมพันธ์ในอนาคตได้ง่ายขึ้นด้วย
แต่ที่พวกเขาสองคนแสดงออกกลับพยายามที่จะปิดบัง ดูท่าทีนั้นแล้ว เหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่มีความคิดที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์เลยแม้แต่น้อย
เป็นอย่างนี้ต่อไปแล้วต้องรอนานเท่าไหร่พวกเขาถึงจะวางแผนแต่งงานกันล่ะ?
เขาต้องรอนานเท่าไหร่ถึงจะได้อุ้มหลานล่ะ?
คุณท่านกู้เป็นกังวลอย่างมาก กลัวว่ากู้จื่อเฟยจะไม่สามารถแต่งงานได้ กว่าจะคว้าคนหนุ่มที่ดีพร้อมมาได้สักคน จะให้เขาวิ่งหนีไปแบบนี้ไม่ได้
รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้หรงหุบลงแล้วมองไปยังกู้จื่อเฟยอย่างเด็ดขาด
เขาเอ่ยถาม “ลูกไม่คิดจะให้ป่ายฉีเป็นคู่ของลูกจริงเหรอ?”
แม้จะเป็นประโยคคำถามแต่กลับแข็งกร้าวอย่างชัดเจน หากเธอไม่ตกลงเขาก็อาจจะโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันทีเลยก็ได้
กู้จื่อเฟยเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันใด
จ้องมองพ่อของตัวเองที่อยู่ๆ ก็ผิดปกติขึ้นมาอย่างตกตะลึง ไม่รู้เลยสักนิดว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา ทำไมถึงต้องให้ป่ายฉีเป็นคู่ควงของเธอให้ได้กันล่ะ?
หากเป็นปกติเธอคงจะเถียงเขาไปแล้ว แต่วันนี้เป็นวันเกิดของเขา ด้วยความเป็นลูกกตัญญูกู้จื่อเฟยจึงไม่อยากทำให้เขาโกรธ
แต่จะให้ป่ายฉีเป็นคู่ของเธอ? เมื่อมองไปที่คนที่อยู่ข้างๆ แล้ว ภายในใจของกู้จื่อเฟยก็ปฏิเสธสุดฤทธิ์
บรรยากาษของเธอกับป่ายฉีเข้ากันไม่ได้ เข้าใกล้กันเป็นต้องมีเรื่องทะเลาะ
หากจะว่าไป คืนนี้นั้นก็มีแผนอื่นอยู่ด้วย ที่เย้นโม่หลินเป็นคู่ออกงานของเธอ จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการจะติดต่อกับฝู้เหวยข่าย
กู้จื่อเฟยกลัดกลุ้มอย่างมาก เธอสับสนไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับกู้หรงยังไง
ในตอนนั้นเอง น้ำเสียงเรียบใสน่าฟังของเย้นโม่หลินก็ดังขึ้นอย่างไม่หนักไม่เบา
“ป่ายฉีเต้นรำไม่เป็นครับ เขาเลยเป็นคู่ให้กับกู้จื่อเฟยไม่ได้”
“หา?”
เมื่อได้ยินดังนั้น กู้หรงก็ตกตะลึงไปจริงๆ เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะยังมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย
ป่ายฉีเองดูไปแล้วก็เหมือนคุณชายตระกูลร่ำรวย ดูจากคุณชายเศรษฐีที่เมืองหนานก็ไม่มีใครที่เต้นรำในงานเลี้ยงเต้นรำไม่ได้เลยสักคน
ไม่นึกว่าป่ายฉีจะเป็นพวกนอกกลุ่ม?
กู้หรงค่อนข้างไม่อยากจะเชื่อ เขามองไปทางป่ายฉีอย่างไม่แน่ใจ “เธอเต้นรำไม่เป็นจริงๆ งั้นเหรอ?”
ป่ายฉี “…..”
เขาคือเจ้าชายแห่งฟลอร์เต้นรำเชียวนะ หากเต้นขึ้นมาก็สามารถดึงดูดความสนใจของสิ่งมีชีวิตเพศหญิงทั้งหมดในที่นั้นได้เลย จะเต้นไม่เป็นได้ยังไง?
ป่ายฉีกัดฟัน “ครับ ผมเต้นไม่เป็น”
ทันใดนั้นกู้หรงก็ผิดหวังอย่างมาก
คืนนี้เป็นงานเลี้ยงเต้นรำ เต้นรำไม่เป็นก็ไม่สามารถพากู้จื่อเฟยเข้าไปยังฟลอร์เต้นรำได้
เขาถึงได้เข้าใจแล้วว่าทำไมป่ายฉีจึงไม่เป็นคู่ให้กับกู้จื่อเฟย ที่แท้ก็มีเรื่องในใจที่พูดยากนี่เอง
ทันใดนั้น กู้หรงก็ลุกขึ้นเดินไปเบื้องหน้าป่ายฉีแล้วตบไหล่ของเขา
เอ่ยปลอบใจอย่างอ่อนโยน
“เต้นไม่เป็นก็ไม่เป็นไร ของแบบนี้เดิมทีมันก็แค่เพื่อความบันเทิง กลับกันเต้นมากไปก็ทำให้ใจกระเจิดกระเจิงไปได้ ฉันชอบเด็กหนุ่มที่สงบนิ่งไม่ขี้เล่นอย่างเธอนี่แหละ”
ป่ายฉีนั่งอย่างแข็งทื่อ มุมปากแย้มยิ้มบางที่ถึงจะอึดอัดแต่ก็ไม่ลืมมารยาท
กู้จื่อเฟยเบิกตามองไปที่พ่อของตัวเองอย่างเหลือเชื่อ
เขาเพี้ยนไปแล้ว เพี้ยนไปแล้วแน่ๆ
วันนี้เจ้าตัวผิดปกติไปหมด ตาบอดไปแล้ว ถึงได้ไปชื่นชมป่ายฉีแบบนั้น
แขกใกล้จะมากันแล้ว กู้หรงยังมีเรื่องอีกมากมายต้องจัดเตรียมดังนั้นจึงไม่ได้อยู่พักที่นี่อีกนานนัก
หลังจากที่เขาบอกลาป่ายฉีแล้วก็จึงจากไปอย่างเนิบนาบ
ตอนที่เดินไปก็ยังหันหัวกลับมามองป่ายฉีอยู่หลายครั้ง รอยยิ้มและความพึงพอใจในสายตานั้นไร้การปิดบังโดยสิ้นเชิง
ผู้คนในที่นั้นมีท่าทีต่างกันไปและตกอยู่ในความเงียบที่แปลกประหลาด
ป่ายฉีนั้นถูกรังสีเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากตัวเย้นโม่หลินข่มขวัญจนขนลุกชัน เขาเป็นกังวลจริงๆ ว่าเขาโตมาหล่อเกินไป โดดเด่นมากไปแล้วจะถูกคนขี้อิจฉาบางคนฆ่าปิดปากเอาได้
เขารีบถามกับกู้จื่อเฟยอย่างเฉียบขาด
“กู้จื่อเฟย เกิดอะไรขึ้นกับพ่อเธอกันแน่? ทำไมเขาถึงพูดแปลกๆ หาเรื่องให้ฉันโดยเฉพาะเลย”
กู้จื่อเฟยเองก็กำลังมึนงง ไม่รู้เลยว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับกู้หรง
เธอส่ายหน้า “ก่อนนี้สายตาของพ่อฉันดีมาก จะมองใครก็จะจุกจิกมาก โดยหลักการแล้วก็ไม่น่าจะมีความรู้สึกที่ดีต่อนายขนาดนั้นสิ”
ป่ายฉี “…..”
“แน่จริงก็พูดคำนั้นออกมาอีกทีสิ” เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แผ่รังสีเย็นชาออกมา
เพิ่งจะถูกกู้หรงต้มอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว กู้จื่อเฟยยังกล้ามาเหยียบย่ำเขาอีก แล้วมีเหรอจะทนได้
เย้นหว่านที่ได้เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมด กลับเหมือนเห็นจะอะไรมากกว่าเจ้าตัวอยู่ในนั้นอยู่เล็กน้อย
หลังจากที่สายตาของเธอวนไปๆ มาๆ ระหว่างกู้จื่อเฟยและป่ายฉีอยู่หลายรอบ เธอจึงเอ่ยขึ้น
“เหมือนฉันพอจะเดาเหตุผลออกแล้วล่ะ”
“เหตุผลอะไร?” ป่ายฉีรีบมองไปที่เย้นหว่านด้วยดวงตาเป็นประกาย
ตั้งตารอว่าเย้นหว่านจะสามารถหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลเพื่อให้เขาผ่านพ้นวิกฤติในตอนนี้ และบรรเทาความหึงหวงและความริษยาในใจของใครบางคนได้
เย้นหว่านมองป่ายฉีด้วยแววตาทอประกายอ่อนๆ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“คุณอากู้ถูกใจนายเข้าแล้วไงล่ะ”
“หา?”
“เขาอยากให้นายเป็นลูกเขยของเขา”
ป่ายฉี “……” ยิ่งกว่าฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ ทันใดนั้นทุกคนต่างก็อยู่ในสภาพย่ำแย่
กู้จื่อเฟย “……” มุมปากกระตุก ทำไมอยู่ๆ สายตาของพ่อเธอถึงได้ห่วยแบบนี้ขึ้นมาได้นะ?
สีหน้าของเย้นโม่หลินที่เดิมทีก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ทันใดนั้นก็ยิ่งหม่นลงไปอีก รังสีเย็นยะเยือกอันน่าหวั่นกลัวผุดขึ้นมาทั่วร่าง
ป่ายฉีสั่นสะท้านไปทั้งตัวในทันใด ใบหน้าซีดแทบกลายเป็นสีขาว
เขารีบลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้าม เพื่อรักษาระยะห่างที่เพียงพอต่อความปลอดภัยกับกู้จื่อเฟย
จากนั้นก็หันไปแสดงความซื่อสัตย์จริงใจต่อเย้นโม่หลิน “วิสัยทัศน์ของคุณลุงเขาต่างจากพวกเราน่ะ คุณอากู้ต้องมองพลาดไปแน่ๆ ฉันกับกู้จื่อเฟยไม่มีความรู้สึกอะไรกับอีกฝ่ายเลยสักนิด มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้”
เย้นโม่หลินเม้มริมฝีปากโดยไม่ได้พูดอะไร มีเพียงบรรยากาศเย็นเยือกรอบตัวนั้นที่ยังหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
ป่ายฉีรู้สึกว่าฝ่าเท้าเย็นเฉียบ แต่ที่หน้าผากกลับมีเหงื่อออก
เขาถูกใส่ความนะ ทำไมอยู่ๆ ต้องมารนหาความคับแค้นมากมายขนาดนี้ด้วย? ให้ตายเถอะ
เย้นหว่านมองเย้นโม่หลินอย่างสงสัย เธอไม่ค่อยเข้าใจ ดูเหมือนว่าเย้นโม่หลินจะอารมณ์ไม่ดีแถมเหมือนจะโกรธนิดๆ ด้วย
แต่เขากำลังโกรธอะไรอยู่ล่ะ?
เขาก็ไม่ได้ชอบกู้จื่อเฟย ถึงคุณอากู้จะถูกใจป่ายฉีแล้วจับคู่ป่ายฉีกับกู้จื่อเฟย ด้วยความหยิ่งทะนงของเขาก็ไม่น่าจะมาสนใจอะไรนี่นา
แต่ปฏิกิริยาของแบบนี้เขา หรือว่า….
เป็นจอมเผด็จการที่ต่อให้ตัวเองจะไม่ต้องการก็ไม่ยอมให้คนอื่นได้ไปงั้นเหรอ?
——
งานเลี้ยงวันเกิดถูกจัดขึ้นในสวนดอกไม้ด้านหลังคฤหาสน์ งานเลี้ยงกลางแจ้งจัดแต่งอย่างงดงามชวนฝัน
ทั้งหมดเป็นสไตล์โรแมนติกทั้งสิ้นและโน้มเอียงไปทางวัยรุ่นอย่างมาก ดูไม่เหมือนกับการอวยพรวันเกิดของกู้หรง แต่เหมือนกับจัดปาร์ตี้ให้กู้จื่อเฟยมากกว่า
เมื่อเวลามาถึง เหล่าแขกเหรื่อก็ทยอยกันมา
สวนดอกไม้เองก็เริ่มครึกครื้นขึ้นมา ผู้คนยืนจับกลุ่มกันสามคนบ้างสองคนบ้าง พูดคุยหัวเราะกัน
แต่สายตาของพวกเขานั้นต่างมองไปยังทางเดียวกันทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
นั่นคือชิงช้าที่พันด้วยเถาวัลย์ดอกไม้ตัวหนึ่ง
ในขณะนั้น หญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินกำลังนั่งอยู่บนชิงช้า เธอแกว่งชิงช้าไม่สูงไม่ต่ำใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม งามเรืองรองราวกับแสงตะวัน
เป็นคนที่งดงาม
ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือชายร่างสูงสวมสูทสีดำคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างชิงช้า รูปร่างนั้นดีเหมือนนายแบบมืออาชีพ ส่วนใบหน้านั้นก็หล่อเหลาจนทำเอาคนแทบคลั่ง