เมื่อครู่เขาให้คนไปตรวจสอบดูแล้วว่าเย้นโม่หลินได้เคยปรากฏตัวที่เมืองหนานเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ไม่นานหลังจากนั้นเย้นหว่านก็พาเขาไป
ในระหว่างนั้น เขาได้ติดต่อกับกู้จื่อเฟยอยู่ตลอด ถึงแม้จะไม่พบสถานการณ์ที่เป็นรูปธรรม แต่สามารถเดาจากท่าทางของกู้จื่อเฟยได้ว่าเมื่อก่อนเธอชอบเย้นโม่หลิน
ตอนนี้เย้นโม่หลินกลับมาแล้ว ความสัมพันธ์เก่าๆ ของเธอก็เริ่มขึ้นอีกครั้งทั้งยังต้องการสานความสัมพันธ์กับเย้นโม่หลินอีกครั้ง แต่ทว่าเขา จากแฟนตัวจริงก็กลายเป็นกิ๊กที่ถูกทิ้ง
ในใจของกู้จื่อเฟยรู้สึกตกใจเล็กน้อย เมื่อเผชิญกับสายตาที่เฉียบคมของฝู้เหวยข่ายก็รู้สึกผิดและสับสนเล็กน้อย จริงๆแล้วเป็นเพราะว่าเย้นโม่หลินกลับมาแล้ว ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนแผน จะต้องชี้แจงความสัมพันธ์กับฝู้เหวยข่ายให้ชัดเจน
เดิมทีเธอคิดว่าความไม่ชัดเจนนั้นสามารถยอมรับได้เท่าที่ต้องการ หากไม่ทำให้ชัดเจนก็ไม่สามารถเป็นความจริงได้
แต่คิดไม่ถึงว่า ฝู้เหวยข่ายจะถามเธอแบบนี้จริงๆ
กู้จื่อเฟยพูดย่างลำบากใจ
“ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ ความสัมพันธ์ของฉันกับเย้นโม่หลินเป็นเพียงแค่เพื่อนธรรมดา แต่สำหรับเธอแล้ว ฉันก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันเสมอมา ฉันเป็นคนนิสัยค่อนข้างร่าเริง อาจเป็นเพราะฉันติดต่อกับเธอในช่วงนี้ ทำให้เธอเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป” “เข้าใจผิดงั้นเหรอ?”
ฝู้เหวยข่ายตกตะลึงในคำพูดนั้นทันที “เธอคิดว่าฉันเป็นคนโง่หรอ ก่อนที่เย้นโม่หลินจะกลับมาก็ปฏิเสธที่จะต้อนรับฉัน พอหลังจากเย้นโม่หลินกลับมากลับมาบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด?
เธอต้องการเตะฉันออกไปให้พ้นทางแล้วยังหงายการ์ดคนดีให้ฉันอีกงั้นเหรอ?” อารมณ์ของฝู้เหวยข่ายราวกับเดินไปถึงขอบเขตที่อันตรายแล้ว
เขาผ่านผู้หญิงมามากมายโดยไม่ติดใจอะไร ไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนปั่นหัวเลยสักครั้ง สงสัยว่ารอบนี้จะโดนปั่นหัวเข้าซะแล้ว
“กู้จื่อเฟย ในเมื่อเธอยั่วฉัน งั้นเธอก็ต้องรับผิดชอบจนถึงที่สุด ในโลกของฉัน มีเพียงแค่ฉันคนเดียวที่ทิ้งคนอื่น แต่ไม่มีใครเคยทิ้งฉัน”
เขาจับข้อมือของเธอไว้แน่นและแรงขึ้นเรื่อยๆ “นับตั้งแต่นี้ไป เธอคือแฟนของฉันจนกว่าจะถึงวันที่ฉันเบื่อเธอ เธอถึงจะไสหัวไปได้”
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแล่นปราดมาจากข้อมือราวกับถูกหนีบ
หน้าผากของกู้จื่อเฟยมีเหงื่อไหลออกมา มองไปที่ผู้ชายที่มีท่าทางดุร้ายที่อยู่ตรงหน้าด้วยความกลัว เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่า ฝู้เหวยข่ายผู้สุภาพอ่อนโยนมาโดยตลอด จู่ๆ ก็เปลี่ยนใบหน้าให้ดูน่ากลัวได้ขนาดนี้
ตอนนั้นเองเธอถึงรู้ว่า เธอไปยุ่งกับชายวิปริตเข้าซะแล้ว
มิน่า เย้นโม่หลินและคนอื่นๆ ถึงห้ามไม่ให้เธอติดต่อกับฝู้เหวยข่าย โดยตรง
“ฝู้เหวยข่ายฉันไม่เคยพูดมาก่อนเลยว่าอยากอยู่กับนายหรืออยากเป็นแฟนของนาย ฉันจะกลายเป็นของเล่นส่วนตัวของนายไม่ได้หรอก นายรีบปล่อยฉันซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องเรียกคนมาช่วย” หลังจากเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ท่าทางของกู้จื่อเฟยก็เปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง แล้วกัดฟันด่าทอ
ถึงฝู้เหวยข่ายจะเสียสติ แต่ที่นี่ก็คือบ้านของเธอ่ เธอยังสามารถถูกเขาข่มขู่หรือรังแกได้อีกงั้นเหรอ?
แต่ฝู้เหวยข่าย กลับนิ่งเฉยและแสดงความก้าวราวมากยิ่งขึ้น
เขาจับแขนของกู้จื่อเฟยแล้วดึงเธอเข้ามาในวงแขนของเขาทันที ปลายจมูกของพวกเขาสองคนเกือบแตะกัน
ร่างกายของกู้จื่อเฟยแข็งเกร็งขึ้นมาในทันที “นายจะทำอะไร? ไอ้หน้าหม้อ ปล่อยฉันนะ!”
“ผู้หญิงที่ฝู้เหวยข่าย ต้องการ ยังไม่มีใครที่เอามาไม่ได้
กู้จื่อเฟย ตอนนี้เธอต้องเชื่อฟังฉัน ยอมเป็นแฟนกับฉันซะดีๆ ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รังเกียจที่ทำให้มันสายเกินแก้ มีอะไรกับเธอที่นี่มันซะเลย!”
คำพูดที่น่ารังเกียจทำให้ดวงตาของกู้จื่อเฟยเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ผู้ชายคนนี้ช่างไร้ยางอายจริงๆ !
เธอต่อสู้ดิ้นรนอย่างดุเดือดและตะโกนสุดเสียง
“ช่วยด้วย อย่า อย่านะ ช่วยด้วย….”
“ในเมื่อพูดดีๆด้วยไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ”
ฝู้เหวยข่ายปิดปากกู้จื่อเฟย ระงับการต่อสู้ดิ้นรนของเธอและผลักเธอไปที่กำแพง
โน้มตัวไปข้างหน้าแล้วก็ทำพฤติกรรมที่หยาบคายทันที กู้จื่อเฟยถูกกระแทกจนแผ่นหลังรู้สึกเจ็บ ทำให้เธอรู้สึกกลัวและตกใจอย่างสุดขีดเมื่อเสื้อผ้าถูกฉีกขาด
ไม่นึกเลยว่าฝู้เหวยข่าย จะกล้าทำแบบนี้กับเธอจริงๆ !
เธอตกใจกลัวจนใบหน้าซีดเผือด ตื่นตระหนกจนทั้งตัวแข็งเย็นราวกับน้ำแข็ง
“ไสหัวออกไป!”
ในตอนนั้นเอง มีเสียงคำรามดังก้องอยู่ไม่ไกลราวกับเสียงสวรรค์ เพียงเห็นเย้นโม่หลินเดินเข้ามาด้วยใบหน้าขรึมคว้าไปที่คอปกเสื้อของฝู้เหวยข่าย จากนั้นใช้กำลังกระชากเขาออก แล้วต่อยไปที่ใบหน้าของเขาหนึ่งหมัด
กำลังแข็งแกร่งมากจนทำให้ ฝู้เหวยข่ายถอยหลังเซไปสองสามก้าวก่อนจะหยัดตัวได้ ในปากมีเลือดออกมาทันที
เย้นโม่หลินรีบถอดเสื้อคลุมออก แล้วนำมาห่มร่างผอมบางของกู้จื่อเฟยไว้
เขาขมวดคิ้วแล้วมองเธอด้วยความเป็นห่วง “เธอโอเคไหม?”
กู้จื่อเฟยมองเย้นโม่หลินอย่างงุนงง ความปลอดภัยที่มาอย่างกะทันหัน ทำให้ดวงตาของเธอร้อนผ่าว
โชคดีที่เขามาได้ทันเวลา เธอถึงไม่ถูกรังแก
เธอส่ายหัว สะอื้นแล้วไม่พูดอะไร
เย้นโม่หลินมองสภาพเธอ คิ้วที่ขมวดยิ่งแน่นขึ้นไปอีก
ฝู้เหวยข่ายแย่กว่าที่เขาคิดไว้ซะอีก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้าทำเรื่องที่เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานแบบนี้กับกู้จื่อเฟยที่โถงทางเดิน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ความโกรธก็แล่นขึ้นไปที่บนหัว “เธอรออยู่ตรงนี้นะ”
เขาเอ่ยกำชับกับกู้จื่อเฟย เย้นโม่หลินก้าวขายาวเดินมุ่งไปหา ฝู้เหวยข่าย
เป็นอีกหมัดหนึ่งที่อดไม่ได้ที่จะชกออกไป
เสียง “โครม” ดังขึ้น ฝู้เหวยข่ายกระแทกลงกับพื้น มุมปากแตกและมีเลือดไหลออกมา
ฝู้เหวยข่ายป้องปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แล้วตะโกน
“เย้นโม่หลิน คุณมีสิทธิ์อะไรมาต่อยผม? นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับจื่อเฟย มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!”
เย้นโม่หลินหลุบตามองผู้ชายที่พยายามจะลุกขึ้นยืนจากพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยเมฆทะมึน มืดมนเหมือนกับปีศาจ ฉุนเฉียวไม่เป็นมิตร
เขายกขาขึ้นแล้วเตะไปที่ท้องของ ฝู้เหวยข่ายทีหนึ่ง
ทันใดนั้น ฝู้เหวยข่ายก็กลิ้งไปข้างหลังสองสามรอบอย่างควบคุมไม่ได้ก่อนดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด ราวกับว่ากระดูกในร่างกายกำลังจะแตกหัก ในขณะเขายังไม่สามารถตอบโต้ได้ ก็ตามมาด้วยการเตะอย่างหนักอีกครั้งหนึ่ง
เขาทรุดตัวลงราวกับว่าอวัยวะภายในร่างกายถูกทำลายทั้งหมด “เจ็บ!”
ใบหน้าของ ฝู้เหวยข่ายซีดขาว ขดตัวอยู่บนพื้นพร้อมกับกุมท้องด้วยความเจ็บปวด ภาพลักษณ์ของเขาหายไป
คนป่าเถื่อน หยิ่งยโส และเย่อหยิ่งในเมื่อครู่ถูกต่อยจนเละตุ้มเป๊ะเหมือนกับหมาตกน้ำตัวหนึ่ง
กู้จื่อเฟยยืนอยู่ที่เดิม มอง เย้นโม่หลินที่คนกำลังชกต่อยด้วยความตกใจ เขาดูดุร้ายและโหดเหี้ยมขนาดนั้น แต่ ณ ตอนนี้ ในสายตาของเธอกลับรู้สึกหล่อราวกับเทพบุตร
หลังจากเตะ ฝู้เหวยข่ายไปหลายครั้ง จนเขาไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ในที่สุดเย้นโม่หลินก็หยุดมือ ถ้าไม่ใช่ต้องการไว้ชีวิตเขา ตอนนี้ฝู้เหวยข่าย คงกลายเป็นศพไปแล้ว
“บทเรียนของวันนี้ นี่เพียงแค่การตักเตือน ถ้าครั้งหน้าแกยังกล้าทำเรื่องแบบนี้กับเธออีกหรือมีความโลภแม้แต่น้อย ฉันจะทำให้แกเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้”
คำพูดข่มขู่นั้น กระตุ้นประสาทของฝู้เหวยข่าย
ความเจ็บปวดบนร่างกายของเขามากราวกับจะพิการ แต่ความโกรธแค้นในทรวงอกกลับทะยานสูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยเสียเปรียบมากขนาดนี้!