พอเห็นฝู้เหวยข่ายเดินจากไปด้วยความโมโห เย้นหว่านกับกู้จื่อเฟยก็มองหน้ากัน ต่างเห็นความคิดที่อยู่ในตาของอีกฝั่ง
เมื่อตะกี้ พวกเธอร่วมมือกันยั่วโมโหฝู้เหวยข่ายอย่างรู้ใจกัน
วางแผนดักเขา
กู้จื่อเฟยมองเย้นหว่าน พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ“เสี่ยวหว่าน ตอนนี้ทำยังไงดี?”
เย้นหว่านมองเสื้อผ้ากองนั้นที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์คิดเงิน พร้อมกับพูดขึ้น
“เสื้อพวกนี้ดูแล้วล้วนแต่เป็นเสื้อผ้าของชายวัยกลางคนทั้งนั้น เหมือนจะเป็นไซส์เดียวกันหมดด้วย ฝู้เหวยข่ายน่าจะมาเลือกให้กับคนอื่น แถมยังต้องให้เขามาเลือกด้วยตัวเองอีกด้วย อีกฝั่งจะต้องเป็นบุคคลที่สำคัญแน่ๆ ไม่แน่ว่า อาจจะเป็นคนที่พวกเราอยากจะหาตัวอยู่ก็เป็นได้”
กู้จื่อเฟยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
“ความหมายของคุณก็คือ คนในตระกูลของฝู้เหวยข่ายอาจจะมาที่เมืองหนานแล้วก็ได้อย่างนั้นเหรอ?”
“เป็นไปได้เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์”
เย้นหว่านครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะดึงมือของกู้จื่อเฟยมาพร้อมกับพูดขึ้น“พวกเราตามไปดีไหม? ดูว่าเขาไปที่ไหน”
ถ้าเกิดบังเอิญเจอคนคนนั้นเข้าจริงๆล่ะก็ ก็ยิ่งดีเลยน่ะสิ
กู้จื่อเฟยรีบพยักหน้าทันที“ได้”
พูดพลางก็จะจูงเย้นหว่านเดินไป
“รอเดี๋ยว”เย้นหว่านรีบคว้าเธอเอาไว้ ก่อนจะหันกลับไปพูดกับพนักงาน“เอาเสื้อมาให้ฉัน”
แม้ว่าเมื่อตะกี้ฝู้เหวยข่ายจะมาหาเรื่องพวกเธอ แต่พนักงานก็ยังทำหน้าที่ได้ดี จัดการออเดอร์เสื้อผ้าที่เย้นหว่านซื้อไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
พนักงานคนนั้นรีบยื่นถุงกับบัตรให้กับเย้นหว่านทันที
“คุณผู้หญิง ขอบคุณมากค่ะ”
กู้จื่อเฟยมองเย้นหว่านที่กำลังถือถุง พร้อมกับพูดแซวขึ้นมาเบาๆ
“พลังแห่งความรักนี่มันยิ่งใหญ่จริงๆ”
เย้นหว่านรู้สึกอึดอัดไม่น้อย ยืดคอพูดขึ้น
“จะให้ฉันเสียเงินไปฟรีๆไม่ได้สิ!เสื้อผ้าแพงขนาดนี้ซื้อแล้วไม่เอากลับ เสียดายแย่”
“ชิ”
กู้จื่อเฟยกลอกตามองบนแสดงความไม่เชื่อ
เย้นหว่านแก้มแดงเล็กน้อย มือหนึ่งถือถุง อีกมือจูงกู้จื่อเฟยเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
“เร็วหน่อย อีกเดี๋ยวจะไล่ตามฝู้เหวยข่ายไม่ทันแล้วนะ”
ฝู้เหวยข่ายถูกเย้นหว่านกับกู้จื่อเฟยยั่วโมโหอย่างเห็นได้ชัด เขาก็ไม่มีอารมณ์จะเดินเที่ยวซื้อของต่อแล้ว ทิ้งสาวสวยไว้ข้างทาง แล้วขึ้นรถจากไปทันที
เย้นหว่านกับกู้จื่อเฟยวิ่งอย่างรีบร้อน ไม่ทันได้แจ้งให้คนขับรถทราบ เรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขาตามฝู้เหวยข่ายที่ขับรถมายังหมู่บ้านวิลล่าชั้นสูงแห่งหนึ่ง
คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านวิลล่าแห่งนี้ล้วนแต่เป็นคนที่มีเงินมีอำนาจในเมืองหนานทั้งนั้น ผู้พักอาศัยไม่เยอะมากนัก ไม่เกินสิบครัวเรือน
ด้วยเหตุนี้ ยามของที่นี่จึงเข้มงวดรอบคอบเป็นพิเศษ ถ้ารถที่มาจากข้างนอกไม่มีการได้รับอนุญาตจากคนที่พักอาศัยภายใน ก็ห้ามเข้าไปข้างในเด็ดขาด
แน่นอนว่าเย้นหว่านกับกู้จื่อเฟยก็ไม่มีคนที่รู้จักเลย ทำได้แค่หยุดรออยู่ข้างนอกเท่านั้น
สายตาจ้องมองฝู้เหวยข่ายขับรถเข้าไปข้างใน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเข้าไปที่หลังไหน
ขณะที่พวกเธอกำลังคิดที่จะกลับไปนั้น ในเวลานี้เอง กลับเหลือบตาไปเห็นรถอีกคนหนึ่งกำลังขับตรงมา ซึ่งก็คือร้านขายเสื้อผู้ชายเมื่อตะกี้นี้มาส่งเสื้อนั่นเอง
หลังจากคนที่ลงมาจากรถคันนั้นพูดคุยกับยามอยู่สักพัก ก็ถูกปล่อยให้เข้าไปข้างในได้
เย้นหว่ากับกู้จื่อเฟยมองท้ายรถคันนั้นขับเข้าไปจนหายลับตาไป แววตาของทั้งสองคนก็เปล่งประกายขึ้นมาพร้อมกัน
เย้นหว่านพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ“คนที่ฝู้เหวยข่ายมาพบอยู่ที่นี่นี่เอง!”
“ขอแค่หาวิธีเข้าไปได้ ก็จะสามารถรู้ได้แล้วว่าคือใคร ถ้าเป็นคนที่มีหน้ามีตา ก็ง่ายต่อการตรวจสอบอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของฝู้เหวยข่ายแล้ว”
กู้จื่อเฟยก็ดีใจเช่นเดียวกัน
พวกเธอทั้งสองคนอยากจะเข้าไปข้างในอย่างอดไม่ได้
แต่ถึงยังไงการคุ้มกันก็เข้มงวดเกินไป กลัวว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น เย้นหว่านคิดๆ ก่อนจะโทรศัพท์ไปหาโห้หลีเฉิน
“ตู๊ดๆๆ……”
มือถือเพิ่งจะมีเสียงดังขึ้นมา อีกฝั่งก็มีคนรับ
ในสาย มีเสียงที่อ่อนโยนของผู้ชายดังขึ้นมา“ว่ายังไง?”
“โห้หลีเฉิน ฉันพอจะรู้แล้วว่าผู้ช่วยที่ฝู้เหวยข่ายเชิญมาอยู่ที่ไหน”เย้นหว่านพูดแจ้งไปด้วยความตื่นเต้น
ในสายอีกด้านหนึ่ง กลับไม่มีเสียงที่ตื่นเต้นดีใจของผู้ชายตอบกลับมา แต่เป็นน้ำเสียงที่นิ่งขรึมตึงเครียดแทน
“คุณอยู่ที่ไหน?”
เย้นหว่านตอบกลับไปตรงๆ“อยู่ที่หมู่บ้านวิลล่าชั้นสูงซิงเหย่พวกเราเข้าไปไม่ได้ ตอนนี้ยังอยู่ตรงทางเข้าของหมูบ้าน”
พอได้ยินแบบนั้น ในสายก็เหมือนจะมีเสียงถอนหายใจออกมา
โห้หลีเฉินพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ
“คุณอย่าเคลื่อนไหว อย่าทำอะไรทั้งนั้น แล้วก็พยายามอย่าเข้าไป เข้าใจไหม?”
นี่เป็นห่วงความปลอดภัยของเธออย่างนั้นเหรอ
เย้นหว่านรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ พูดขึ้นอย่างอ่อนหวาน“ฉันเข้าใจแล้ว ตอนนี้ฉันปลอดภัยดี”
กู้จื่อเฟยกลอกตามองบนอย่างช่วยไม่ได้ แค่คุยโทรศัพท์ต้องหว่านเลี่ยนขนาดนี้เชียว คู่รักที่กำลังคลั่งรักนี่มันช่างคลั่งไคล้จริงๆ
โห้หลีเฉินพูดตอบกลับ“คุณรู้สึกว่าคนที่ฝู้เหวยข่ายเชิญมาพักอยู่ที่หมู่บ้านวิลล่าแห่งนี้?”
พอมั่นใจแล้วว่าเย้นหว่านปลอดภัย โห้หลีเฉินก็เริ่มถามต้นสายปลายเหตุของเรื่อง
เย้นหว่านอยากจะพูดตั้งนานแล้ว จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่ห้างให้กับโห้หลีเฉินฟังจนหมด
หลังจากที่โห้หลีเฉินฟังแล้ว ในสายก็มีเสียงเดินดังขึ้นมาก่อน
จากนั้นเขาก็พูดขึ้น“คุณรออยู่ตรงนั้น ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
นิ่งไปสักพัก เขาก็พูดเสริมขึ้นมาอย่างเข้มงวด“ไปรอที่ที่เป็นมุมอับลับตาคน ถ้าให้ดีอย่าถูกใครเห็นเป็นอันขาด แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นด้วย”
“ได้ ฉันจะรอคุณมาอย่างเชื่อฟัง”
เย้นหว่านพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างอดไม่ได้ โห้หลีเฉินกลัวว่าเธอจะเจออันตรายอย่างจริงๆจังๆ
พอว่างสายแล้ว เย้นหว่านก็ให้คนขับรถแท็กซี่ที่รออยู่กลับไปก่อน
รถแท็กซี่มาจอดอยู่ที่ที่ไม่มีคนสัญจรไปมาเป็นเวลานาน มันจะสะดุดตาเกินไป ทำให้คนรู้สึกสงสัยได้ง่าย
แต่เธอกับกู้จื่อเฟยทั้งสองคน ต้องแอบให้ดี ไม่ให้คนสังเกตเห็น
จากนั้นเย้นหว่านกับกู้จื่อเฟยก็เดินเข้าไปในป่าที่อยู่ข้างๆ หาที่ที่เงียบสงบแอบซ่อนตัวเอาไว้ รอโห้หลีเฉินมาอย่างเชื่อฟัง
ในขณะเดียวกัน พอโห้หลีเฉินวางสายลง ก็เปิดประตูห้องสมุดออกเรียบร้อยแล้ว
เขาเดินมาถึงห้องของเย้นโม่หลิน
พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ“มีความคืบหน้าใหม่ พวกเย้นหว่านพบผู้ช่วยที่ฝู้เหวยข่ายเชิญมาแล้ว”
“อยู่ที่ไหน?”
มือที่กำลังพิมพ์แป้นพิมพ์อยู่ของเย้นโม่หลินหยุดลงทันที ลุกขึ้นยืน
คนคนนั้นยังไม่ได้ลงมือ ข้อมูลของพวกเขาในตอนนี้ยังไม่มากพอที่จะหาตัวคนนั้นเจอ แต่พวกเย้นหว่านพบเจอก่อน ก็จะได้เป็นการเพิ่มเวลาในการเตรียมตัวและช่องว่างในการตอบโต้กลับให้กับพวกเขามากขึ้น
ถ้าสามารถขุดสถานภาพของเขาออกมาได้ก่อนที่เขาจะลงมือ ก็จะยิ่งเร็วขึ้น
นี่เป็นข่าวดีมากของช่วงเวลาหลายมาวันนี้ที่พวกเขาทั้งยุ่งทั้งวุ่นกัน
โห้หลีเฉินพูดขึ้น“หมู่บ้านวิลล่าซิงเหย่ พวกเราจะไปกันตอนนี้เลย”
“ระยะทางห่างจากที่นี่ไม่ไกลมาก ไปกัน รีบไปให้เร็ว เพื่อความปลอดภัยของเสี่ยวหว่านกับจื่อเฟย”
ป่ายฉีก็ลุกขึ้นยืนทันที กำลังจะเดินออกไปข้างนอก
ในขณะนี้เอง ก็มีหนึ่งมือมากดลงตรงไหล่ของเขา
เรี่ยวแรงนั้นเยอะมาก ราวกับภูเขาลูกหนึ่งเลยก็ว่าได้ กดจนเขาขยับไม่ได้ กระดูกไหล่เหมือนจะหักไปหลายชิ้น
ป่ายฉีหันมองไปยังเย้นโม่หลินด้วยความตกตะลึง
“พี่ใหญ่ กำลังทำอะไร?”
เย้นโม่หลินมองเขาด้วยสายตานิ่งๆ แต่ละคำแต่ละประโยค ยากต่อการจะพูดเถียง
“นายอยู่คอยเฝ้าข้อมูลที่นี่”
ป่ายฉีสีหน้านิ่งชะงัก
ที่พวกเขายุ่งกันก็มีแต่แค่ควบคุมออกคำสั่งเท่านั้น จริงๆแล้วไม่ได้ส่งผลอะไรมากมายต่อการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลเลย ดังนั้นการที่เขาคอยเฝ้าข้อมูลแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทำไมยังต้องให้เขาอยู่คอยเฝ้าข้อมูลที่นี่ด้วย?